ถูกยกเป็นนักข่าวสายลุย อย่าง แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย กับชีวิตในวงการนักข่าวภาคสนามกว่า 20 ปี บอกไม่คิดจะเปลี่ยนตำแหน่ง เพราะนักข่าวภาคสนามทำให้ได้เจอประสบการณ์ใหม่ที่ไม่มีใครได้เจอมากมาย ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์มาแล้วทั้งสงคราม ภัยพิบัติต่างประเทศ อีกทั้งเคยถูกขู่ฆ่ามาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวได้เผยถึงเรื่องอาหารการกินว่าบางครั้งต้องกินซากหมูตาย แถมยังเล่าประสบการณ์ขนหัวลุก เจอผีหลังสึนามิ ผ่านทาง รายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร

วลี “คุณกิตติคะ” มันเริ่มมาจากอะไร?
ฐปณีย์ : มาจากการที่เราเป็นนักข่าวภาคสนาม คุณกิตติอยู่ในสตูดิโอรายงานเหตุการณ์ส่งมาหาเรา การที่เราจะบอกว่านี่เป็นรายการสด เป็นคำที่เรารับก่อนจะรายงานสด คุณกิตติส่งมาหาเรา มันต้องมีการขานรับกัน เราไม่คิดว่าจะเป็นวลีเด็ด แต่คำนี้ก็ติดหูมาเป็น 10 ปีแล้วเนาะ มันมาจากคนดูข่าวเราทุกคืน ติดหูติดตาคน

เคยคิดตั้งแต่เด็กมั้ยว่าจะเป็นนักข่าว?
ฐปณีย์ : เคยคิดตอนเด็กๆ ว่าเราอยากจะเป็นนักเขียนมากกว่า แต่นักข่าวออกทีวีไม่เคยคิดเลยคะ เราเรียนจบจากที่สงขลา แต่ก็อยากเรียนวารสาร แต่สอบไม่ได้ จนต้องเรียนคณะอื่นแต่รู้สึกว่าเรียนแล้วไม่ใช่ เลยลองสมัครเรียนโทวารสาร ได้มารู้จักกับเพื่อนๆ เพื่อนแนะนำให้ไปสมัครนักข่าว เราก็ไม่รู้ลองไปเรื่อยไปอบรมดีเจบ้าง ติดเพื่อนไม่ทำโฆษณาบ้าง แต่นักข่าวเราลองไปสมัครดู เค้าถามเราแค่สามคำ เป็นนักข่าวทำงานตอนกลางคืนได้มั้ย ออกงานต่างจังหวัดได้มั้ย ทำงานแบบไม่หลับไม่นอนได้มั้ย เราตอบได้หมด เขาบอกงั้นมาพรุ่งนี้ทำงานเลย ตั้งแต่วันนั้น 20 ปีก็ไม่เคยได้หลับได้นอน (หัวเราะ) ก่อนมาเป็นนักข่าวทำงานเป็นเลขาผู้บริหาร ใส่ประโปรง ได้เงินเยอะแต่เราก็ทิ้งไปทำนักข่าว เพราะว่าเราคนหาตัวเองเจอแล้ว

เป็นนักข่าวสนามตลอด 20 ปีทำไมไม่เปลี่ยนเลย?
ฐปณีย์ : เรายังต้องลงสนามไปทำข่าวทุกวัน เพราะว่ามันมีโอกาสมากกว่าคนอื่น เราได้เดินทางไปประเทศที่บางครั้งไม่คิดเลยว่าจะได้เดินทางไป เราไม่คิดว่าวันนึงจะได้ไปอยู่ในสถานการณ์ซีเรีย สถาณการณ์แผ่นดินไหว มันได้เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ เป็นประสบการณ์ใหม่ ได้เจอผู้นำระดับโลก เราไปทำงานแต่เราได้อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ บางครั้งอันตรายมากที่ขู่ฆ่าจากผู้มีอิทธิพล ที่ไปตีแผ่

ถูกขู่ฆ่า?
ฐปณีย์ : ข่าวบุกรุกที่ดิน เป็น 10 ปีแล้ว เรายังเด็กๆ จากที่เราเคยดูในหนัง ถูกขู่ฆ่า ตั้งค่าหัว แต่พอในความเป็นจริงเรามีค่าหัววะ หลายคนอาจจะกลัวนะมีค่าหัว แต่เราดีใจเราเท่ห์มีค่าหัว ด้วยความโชคดีเขาไปจ้างซุ้มมือปืนที่มีคนรู้จักเรา เขาก็ช่วยพูดว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้ว เพราะว่าเราผ่านเหตุการณ์แบบนี้มามากแล้ว ถ้าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราพูดความจริง เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร แม้ตายไปความจริงยังอยู่ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเรา ปัจจุบันสิ่งที่น่ากลัวกว่ากระสุนปืนคือกระสุนในคีบอร์ดในโลกโซเชียลการไล่ล่ากัน การใส่ร้ายกัน มันทำให้คนหลายคนตายไปจากสังคมนี้ เพราะคีย์บอร์ด

เจอข้อความเครียดๆ ดูแลจิตใจยังไง?
ฐปณีย์ : มีสติทบทวนตัวเอง สิ่งที่ถูกวิจารณ์มันเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงเราก็ชี้แจงแก้ไขด้วยความจริงใจ ส่วนคนจะรับฟังเราหรือไม่พื้นฐานความน่าเขื่อถือของเราเป็นสิ่งสำคัญ

หมูที่ฟิลิปปินส์ไม่ดียังไง?
ฐปณีย์ : เราต้องเดินทางไปสถานที่เกิดเหตุ หมูที่ฟิลิปปินส์มันมาจากการไปทำข่าวพายุใต้ฝุ่น เกาะพังราบเลย ซึ่งกว่าเราจะไปถึงที่นั่นคือยากลำบากมากๆ ทันทีที่เข้าไปในเมืองพังราบเป็นหน้ากลอง ศพยังวางเรียงอยู่ตามท้องถนน หมูที่ตายนอนตาย เราออไปทำข่าวทุกวัน วันนั้นกลับมาที่บ้านพักเอามาม่าไปก็แบ่งกันกิน เพราะไม่มีอาหาร วันที่ 4 ของเหตุการณ์ เขาบอกวันนี้จะมีหมูให้กินนะ ทุกคนก็ดีใจ พอเริ่มกินหมูไปเราก็บอกว่าไม่ต้องบอกนะว่าหมูจากที่ไหนเราก็รู้อยู่แล้ว คงเป็นหมูที่นอนเรียงตายกันอยู่ เรากินตอบแทนน้ำใจเขา

ไปทำข่าวเจอผี?
ฐปณีย์ : มีเจอหลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้หลังเหตุการณ์สึนามิ ปรเทศไทย 1 ปีหลังจากเหตุการณ์ พานักข่าวไปพักโรงแรมที่เคยโดนสึนามิ มีพี่หนังสือพิมพ์คนนึงไปพักก่อนแล้วเขาเจอ เราก็แบบเรื่องจริงหรอ เราก็พากันไปที่ห้องพี่คนนั้น 4-5 คนเพราะไม่เชื่อไปพิสูจน์ นั่งล้อมบนเตียง เรามองไปที่ผนังห้อง เหมือนเป็นกลุ่มควันแล้วค่อยๆ ก่อเป็นตัว เราก็วิ่งกันกระเจิงเลย ตัวเราสั่น ปากสั่น นอนบนเตียงคลุมโปง เราได้ยินเสียงร้องเหมือนเด็กข้างๆ หู แต่พี่เราก็ทำให้เราหัวเราะทำให้หายตัวสั่นไปได้เยอะ

แอบคบนักข่าวต่างช่อง อนุวัต?
ฐปณีย์ : ไม่จริงคะ จริงๆ คือมีข่าวเอาไปเขียนว่ามีข่าซุกลูก แต่พอเปิดเข้าไปในนั้นมีรูปคู่เรากับคุณอนุวัต ทำให้คนคิดว่าซุกลูกคือมีกับคุณอนุวัตหรือปล่าว เหมือนเป็นคู่จิ้นในวงการข่าว จริงๆ เป็นเพื่อนกัน

ข่าวซุกลูกคืออะไร?
ฐปณีย์ : เอาลูกน้องชายมาเลี้ยงเป็นลูกตัวเอง เลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เรียกเราแม่แยม พอเราโพสต์โซเชียลคนก็คิดว่าเป็นลูกเราจริงๆ

ตอนนี้มีแฟนมั้ย?
ฐปณีย์ : ไม่มีคะ เราก็คุยได้ที่ผ่านมาก็เคยมี แต่พอเราเป็นนักข่าวเราก็ไม่ค่อยมีเวลา เรารู้สึกว่าตัวเองชอบเดินทาง ชอบทำอะไรที่คล่องตัว ถ้ามีห่วงแล้วมันไม่สุด แต่พอมาถึงวัยเราเฉยๆ แล้วกับเรื่องพวกนี้ เวลาแต่ละวันตอนนี้ทำหลายอย่างมาก

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง แยม ฐปนีย์

 https://youtu.be/T7sU5eAf93g

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ