การผจญภัยอันยิ่งใหญ่เกินกว่าโลกแห่งความจริง

ผลงานจากผู้สร้างภาพยนตร์ สตีเว่น สปีลเบิร์ก สู่ภาพยนตร์ไซไฟแอคชันผจญภัย เรื่อง “Ready Player One” สร้างขึ้นจากนิยายขายดีของ เออร์เนสต์ ไคลน์ ในชื่อเดียวกันที่สร้างปรากฎการณ์มาแล้วทั่วโลก
ในปี 2045 ช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการล่มสลาย ช่วงเวลาเดียวที่ เวด วัตตส์ (ไท เชอริแดน) รู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่คือตอนที่เขาหนีไปที่ดิ โอเอซิส ซึ่งเป็นจักรวาลเสมือนจริงอันกว้างใหญ่ที่เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครก็ได้ มีเพียงจินตนาการของเราเป็นขีดจำกัด ดิ โอเอซิสสร้างขึ้นโดย เจมส์ ฮัลลิเดย์(มาร์ค ไรแลนซ์) ผู้มีความแปลกประหลาดและอัจฉริยะ เขาได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลและอำนาจในการควบคุมดิ โอเอซิสทั้งหมดให้กับผู้ชนะการแข่งขันทั้ง 3 ด่านที่เขาออกแบบไว้เพื่อค้นหาผู้รับมรดกที่คู่ควร เมื่อเวดเป็นผู้ชนะคนแรกของการล่าสมบัติ เขากับเพื่อนๆ ที่เรียกกันว่า เดอะ ไฮไฟฟ์ ต้องเข้าไปอยู่ในจักรวาลมหัศจรรย์แห่งการค้นหาและฝ่าฟันอันตรายเพื่อปกป้องดิ โอเอซิส และโลกของพวกเขา
เจ้าของรางวัล Oscar สามครั้งอย่างสปีลเบิร์ก (“Schindler’s List” [ผู้กำกับฯ และ ภาพยนตร์] และ “Saving Private Ryan” [ผู้กำกับฯ]) กำกับฯ จากบทภาพยนตร์ของแซ็ค เพ็นน์ และ เออร์เนส ไคลน์ สร้างอิงจากนิยายของไคลน์ที่ครองตำแหน่งหนังสือขายดีมานานกว่า 100 สัปดาห์ของ The New York Times และขึ้นครองอันดับ 1 ภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” อำนวยการสร้างฯ โดย โดนัลด์ เดอ ไลน์, คริสตี มาคอสโค ครีเกอร์, สปีลเบิร์ก และ แดน ฟาราห์ อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย อดัม ซอมเนอร์, แดเนียล ลูพี, คริส เดอฟาเรีย และ บรูซ เบอร์แมน
ภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” นำแสดงโดย ไท เชอริแดน (“X-Men: Apocalypse,” “Mud”), โอลิเวีย คุก (“Me and Earl and the Dying Girl,” “Bates Motel”), เบ็น เม็นเดลซอน (“Rogue One – A Star Wars Story,” “Bloodline”), ลีน่า เวธ (“Master of None”), ที.เจ. มิลเลอร์ (“Deadpool,” “Silicon Valley”), ฟิลลิป เซา, วิน โมริซากิ, ฮันนาห์ จอห์น-คาเมน (“Star Wars: The Force Awakens”) พร้อมด้วย ไซมอน เพ็กก์ (ภาพยนตร์เรื่อง “Star Trek” , ภาพยนตร์เรื่อง “Mission: Impossible”) และ มาร์ค ไรแลนซ์ เจ้าของรางวัล Oscar (“Bridge of Spies,” “Dunkirk”)
ทีมงานเบื้องหลัง สปีลเบิร์กได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพ จานัส คามินสกี้ เจ้าของรางวัล Oscar (“Schindler’s List,” “Saving Private Ryan”) ผู้ออกแบบฉากเจ้าของรางวัล Oscar อดัม สต็อคเฮาเซน (“The Grand Budapest Hotel”) ผู้ลำดับภาพเจ้าของรางวัล Oscar ไมเคิล คาห์น (“Saving Private Ryan,” “Raiders of the Lost Ark”) และผู้ลำดับภาพ ซาราห์ โบรชาร์ (“The Post”) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเจ้าของรางวัล Oscar คาเซีย มาลิคกา ไมโมน (“Moonrise Kingdom”) ประพันธ์ดนตรีโดยนักแต่งเพลงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar อลัน ซิลเวสทรี (ภาพยนตร์เรื่อง “Back to the Future”, “Forrest Gump”)
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ Amblin Entertainment นำเสนอภาพยนตร์ร่วมกับ Village Roadshow Pictures, an Amblin Production, a De Line Pictures Production, a Steven Spielberg Film เรื่อง “Ready Player One”
ภาพยนตร์เปิดตัววันที่ 29 มีนาคม 2018 ในระบบธรรมดาและระบบ 3 มิติ รวมถึงระบบไอแมกซ์ในโรงภาพยนตร์บางแห่ง ภาพยนตร์จะจัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และในบางพื้นที่โดยวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส
www.readyplayeronemovie.net

https://www.facebook.com/ReadyPlayerOneMovieThailand


รายละเอียดการถ่ายทำ

ทุกคนเดินทางมาที่โอเอซิสเพื่อทุกสิ่งที่พวกเขาทำได้
แต่อยู่ที่นี่เพราะสามารถเป็นอะไรก็ได้

จากหนังสือสู่จอภาพยนตร์

เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว คล้ายจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เราสามารถเข้าระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างประวัติของตัวเองได้ จะจริงหรือไม่จริงก็ตามแต่ และสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนที่ใดบนโลกก็ได้ตามเวลาจริง แต่จะเกิดอะไรขึ้นหาก 30 ปีต่อจากนี้ เราสามารถเข้าระบบและใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งของเราได้ ไม่ว่าจะตรงตามจริงหรือไม่ก็ตาม รวมถึงมีการโต้ตอบกับผู้คนในโลกเสมือนจริงนั่นได้อย่างไร้ขีดจำกัด? คิดแค่เรื่องความเป็นไปได้… กับเรื่องภัยอันตราย
นี่เป็นสมมุติฐานพื้นฐานของหนังสือขายดีจากเออร์เนสต์ ไคลน์ เรื่อง Ready Player One ถ่ายทอดเรื่องราวจินตนาการจากผู้สร้างภาพยนตร์คนหนึ่งที่น่าเคารพและประสบความสำเร็จมาโดยตลอดอย่างสตีเว่น สปีลเบิร์ก “มันเป็นการผจญภัยที่มีความยิ่งใหญ่และกว้างขวาง ซึ่งเป็นเส้นขนานกันระหว่างโลกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองใบ” เขากล่าว “ผมคิดว่าเออร์เนสต์ ไคลน์เป็นนักจินตนาการที่เขียนเรื่องราวในอนาคตซึ่งอยู่ไม่ไกลเกินไปนัก เราได้เดินทางไปพร้อมกับวิวัฒนาการของโลกเสมือนจริง”
ผู้แต่งได้ยกเครดิตให้กับสปีลเบิร์กที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการแต่งนิยายเรื่องแรกของเขา “มันยากที่จะบอกได้ว่าผลงานของสตีเว่น สปีลเบิร์กส่งผลต่อชีวิตและความสนใจของผมมากขนาดไหน แต่ผมคงเขียนเรื่อง Ready Player One ออกมาไม่ได้ถ้าไม่โตมาพร้อมกับภาพยนตร์ของเขามาโดยตลอด เหมือนใครสักคนที่โตมาพร้อมกับความหลงใหลในภาพยนตร์ยุค 1970 และ 80 ผลงานของเขาถักทออยู่ในชีวิตของผม หลายเรื่องก็ลงเอยเป็นเรื่องราวในแบบที่ผมเลือกเขียนถ่ายทอดออกมา ซึ่งมีหลักฐานให้เห็นอยู่ในหนังสือทั้งหมด”
“Ready Player One” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2045 ที่ผู้คนสามารถเข้าไปอยู่ในโลกดิจิตอลที่เรียกว่าโอเอซิสได้ ที่นั่นเราสามารถไปที่ใดก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครหรือเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่จะเลือก โดยมีการรุมเร้าจากเรื่องการว่างงาน ความยากจน ความแออัด และความสิ้นหวังขั้นขีดสุด “ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะต่อการหนีเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่เราสามารถใช้ชีวิตแบบไม่ธรรมดาในอีกร่างของเราได้” สปีลเบิร์กกล่าว “สิ่งเดียวที่ต้องใช้คือจินตนาการ และมันจะพาเราไปได้ไกลแสนไกลในโอเอซิส แต่เมื่อเราหนีจากความเป็นจริงแล้ว อีกแง่หนึ่งเราก็ทิ้งปฏิสัมพันธ์ของเรากับผู้คนในโลกแห่งความจริงด้วย เรื่องราวมีความน่าสนใจ แต่ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงสังคมอยู่บ้าง”
ผู้อำนวยการสร้างฯ คริสตี้ มาคอสโก ครีเกอร์ เคยร่วมงานเคียงข้างกับสปีลเบิร์กกว่า 20 ปีได้กล่าวเสริมว่า “ความพิเศษของหนังเรื่องนี้อยู่ในฉากแอคชั่นทั้งหมด ความน่าสนใจเด่นๆ อยู่ที่ประเด็นทั้งเรื่องจังหวะเวลาที่พอเหมาะกับเวลาที่ไร้ขีดจำกัด เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดการให้ความสำคัญเรื่องมิตรภาพความสัมพันธ์ การค้นพบความรักครั้งแรก การยอมรับทั้งตัวเองและผู้อื่น เป็นหนังไซไฟสุดยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกในแบบฉบับของสปีลเบิร์ก”
ไคลน์เปิดเผยว่าแรงบันดาลใจของเรื่องราวมาจากเหตุการณ์สำคัญช่วงวัยเด็ก “ไอเดียตอนแรกมาจากเกมอาตาริที่ชื่อ Adventure ซึ่งเป็นวีดีโอเกมแรกๆ ที่มีไข่อีสเตอร์อยู่ในเกม โดยเกมนี้ออกแบบโดยวอร์เรน โรบิเน็ตต์ เขาได้สร้างห้องลับไว้ในเกมที่มีชื่อของเขาอยู่ด้านใน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพบบางสิ่งอยู่ภายในโลกเสมือนจริงที่ผู้สร้างโลกใบนั้นได้ทำขึ้นมา เป็นประสบการณ์สุดล้ำที่ฝังใจผมมาก ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ผลงานของโรลด์ ดาห์ล โดยเฉพาะหนังสือ Willy Wonka แล้ววันหนึ่งผมก็เกิดไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าวิลลี่ วอนก้าเป็นผู้ออกแบบวีดีโอเกมแทนผู้ผลิตลูกอมล่ะ? ผมเริ่มคิดถึงปัญหาและปริศนาทั้งหมดที่เศรษฐีไม่ธรรดาคนนี้ทิ้งเอาไว้ เพื่อตามหาผู้ที่เหมาะสมต่อการสืบทอดตำแหน่ง และผมรู้ว่าตัวเองกำลังเจออะไรบางอย่าง”
ตัวละครเศรษฐีผู้ไม่ธรรมดาของไคลน์นั้นได้ตกเป็นของเจมส์ ฮัลลิเดย์ผู้ร่วมสร้างโอเอซิสที่โดดเดี่ยวรับบทโดย มาร์ค ไรแลนซ์ “โลกทั้งใบอยู่ในความฝันของเขา ความฝันที่เขาสร้างโลกทั้งใบขึ้นมา” สปีลเบิร์กกล่าว “แต่พอเขาเสียชีวิตลง เขาไม่มีทายาท เขาเลยฝากการแข่งขันทิ้งเอาไว้ว่า คนแรกที่เอาชนะการแข่งขันทั้ง 3 ด่าน แต่ละด่านจะมีกุญแจเป็นรางวัล จากนั้นหาไข่ที่ซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งในโอเอซิสพบ ผู้นั้นจะได้รับสืบทอดมรดกทั้งหมด”
ตอนมีชีวิตฮัลลิเดย์ได้มอบวิธีหลบหนีจากโลกแห่งความจริงให้ผู้คน เมื่อเขาตายไปแล้วเขาได้มอบอนาคตที่มีความหวังให้พวกเขา.. ในเกมที่อยู่ในเกม ซึ่งมีรางวัลเป็นสมบัติอันมหาศาลและสิทธิในการครอบครองโอเอซิสอย่างเต็มที่
สปีลเบิร์กเล่าว่า “อย่างที่เราพอจะนึกภาพออก ทุกคนพยายามหาว่าไข่อีสเตอร์ของฮัลลิเดย์อยู่ที่ไหน รวมถึงฮีโร่หนุ่มม้ามืดของเราอย่างเวด วัตตส์”
ชัยชนะอาจเป็นการพลิกเกมครั้งยิ่งใหญ่ และเวดก็ยอมสละเวลาทุกชั่วโมงที่ตื่นอยู่เพื่อไขปริศนา ขณะที่มีการตะโกนปลุกระดมว่า “เจอกุญแจคนแรก เจอไข่คนแรก” แต่อย่างไรก็ตามภารกิจกลับมีอะไรมากกว่าการล่าสมบัติ เมื่อเขาและเพื่อนๆ ที่รวมตัวกันในชื่อเดอะ ไฮไฟว์ ได้พบว่ามันมีอะไรสำคัญมากกว่าเงินรางวัลในการเดิมพัน
ไท เชอริแดน ผู้รับบท เวด วัตตส์ เล่าว่า “บริษัทยักษ์ใหญ่ Innovative Online Industries หรือไอโอไอพยายามจะเข้าครองโอเอซิส เพื่อที่จะได้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ตัวละครทั้ง 5 ของเราที่เรียกว่า ‘กันเตอร์ส’ ผู้อยู่ในการไล่ล่าไข่ล้วนเป็นผู้ที่ตกเป็นเบี้ยล่าง เราจะเชียร์พวกเขาเพราะพวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อเหตุผลแห่งความชอบธรรม พวกเขาอยากชนะการแข่งขันเพื่อปกป้องโอเอซิส”
กระแสที่พูดถึงหนังสือ Ready Player One อยู่ในขั้นที่โด่งดังมากเมื่อมีการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2011 ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นไปตามคาดหมายว่าจะได้รับความนิยมอย่างตื่นเต้นเท่านั้น เพราะความนิยมได้พุ่งไปสู่การขึ้นเป็นหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ New York Times ที่มีการตีพิมพ์มากกว่า 50 ประเทศ อย่างไรก็ตามก่อนมีการวางจำหน่าย ภาพยนตร์ได้อยู่ในแผนตามขั้นตอนไปแล้ว
ผู้อำนวยการสร้างฯ โดนัลด์ เดอ ไลน์ เล่าว่า “ผมอ่านหนังสือมานานกว่า 1 ปีก่อนที่จะมีการตีพิมพ์ และคิดว่ามันยอดเยี่ยมมากครับ ผมเชื่อว่าเรื่องราวจะเรียกความสนใจให้ผู้คนจำนวนมากกได้ด้วยเหตุผลที่ต่างไป เช่น ทุกคนสามารถค้นพบบางสิ่งที่อยู่บนโลกที่พวกเขาสามารถเข้าถงึงได้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นเกมเมอร์เพราะเราสามารถเข้าใจมุมมองแบบมนุษย์ได้ และเส้นทางที่เวด วัตตส์ เลือกเดินเพื่อกลายเป็นฮีโร่ของเรื่อง จากนั้นจึงมีการผจญภัยสุดมหัศจรรย์และมีการอิงถึงทุกกระแสที่นิยม”
แทบจะทุกการอ้างอิงล้วนมีเวลาพัฒนาเป็นทศวรรษ ซึ่งปีที่ไคลน์รู้สึกว่าเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนคือปี 1980 เขาอธิบายว่า “ฮัลลิเดย์ได้สร้างเกมขึ้นมาท่ามกลางสิ่งที่เขารัก และทำให้ผมตื่นเต้นเพราะผมรู้สึกว่าความหลงใหลของเขาสะท้อนถึงตัวผมเอง ช่วงยุค 80 เป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโตของชีวิตผม เพราะนั่นเป็นช่วงทศวรรษที่ผมเป็นวัยรุ่น และเป็นช่วงที่ผมมีวีดีโอเกมคอนโซลเครื่องแรก มีคอมพิวเตอร์ที่บ้านเครื่องแรก นั่นเป็นช่วงที่เริ่มมีอินเตอร์เนตเข้ามา
“ผมสงสัยว่าบางทีหนังสืออาจได้รับความสนใจจากคนรุ่นเดียวกับผมที่คิดถึงปี 80 เท่านั้นหรือเปล่า” ไคลน์เล่าต่อว่า “แต่มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะมันถ่ายทอดถึงการใช้ชีวิตของเราตอนนี้ คนส่วนใหญ่มีบุคลิกจริงกับบุคลิกเสมือนในแบบประวัติของเราในโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างจากการอวาคารในเรื่องเลยครับ เราทำให้มันเป็นรูปร่างได้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากให้คนอื่นเห็นเรายังไง”
ผู้อำนวยการสร้างฯ แดน ฟาราห์ ที่ร่วมงานกับไคลน์มาอย่างยาวนานและเป็นคนแรกที่ได้รับความไว้ใจจากเขาเรื่องหนังสือได้เล่าเสริมว่า “ผมโชคดีที่มีเออร์นี่มาร่วมแชร์การร่างหนังสือช่วงแรกๆ กับผม ตั้งแต่แรกผมเห็นภาพเลยว่าเรื่องราวจะมีความหมายในเชิงศิลปะยังไง และเมื่อเวลาผ่านไปเหมือนเราก็ยิ่งตัดขาดจากการมีปฏิสัมพันธ์โดยส่วนตัวกนับนโลกแห่งความจริง เราส่งข้อความหากัน โพสต์หากัน ติดต่อกัน พูดคุยกันผ่านโซเชียลมีเดีย Ready Player One จึงสื่อให้เห็นภาพของสังคมที่น่าจะเป็นหากเรายังคงทำอะไรแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาแต่ไม่รู้สึกเลยว่าไกลเกินเอื้อม มันเล่าให้เห็นภาพว่าอนาคตของเราน่าจะมีหน้าตาแบบไหน”
ผู้เขียนบทฯ แซ็ค เพ็นน์ เปิดเผยว่าด้ยความบังเอิญที่เขาสนิทกับไคลน์มาแล้วจากโปรเจ็กต์อื่นที่เกี่ยวกับเกม เพ็นน์เล่าว่า “ผมเคยทำงานในภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับขาลงของอาตาริ และมีคนหนึ่งที่ผมได้รับการเชิญให้ร่วมงานด้วยคือเออร์นี่ ไคลน์ เราเลยได้เจอกันและกลายเป็นเพื่อนกันก่อนที่จะมีการจับปากกาเขียนอะไรอย่างที่พวกเขาพูดกันนั่นแหละ”
ไคลน์เล่าว่า “ตอนที่แซ็คมาร่วมงานด้วย เขาเขียนบทร่างที่น่าทึ่งออกมา ซึ่งถ่ายทอดอารมณ์นิยายของผมและทำให้เรื่องราวมีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้นด้วย เขาเอาใจใส่พอที่จะให้คำปรึกษาร่วมกับผมในทุกสิ่งที่เขาปรับเปลี่ยน เป็นเพราะบทร่างของเขาที่ทำให้สตีเฟนเกิดความสนใจมากพอที่จะอ่านหนังสือของผม เป็นขั้นตอนการทำงานที่วิเศษมากครับ ผมรู้สึกดีใจมากที่แซ็คมารับบทบาทสำคัญในการนำ Ready Player One สู่จอภาพยนตร์”
เมื่อบทฉบับร่างมาถึงมือก็ถึงเวลาที่ต้องหาใครสักคนมาทำหน้าที่ควบุม เดอ ไลน์ เล่าว่า “เรารู้ว่าเราต้องการคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างอัจฉริยะทั้งภาพและเรื่อง และตัวผู้กำกับฯ ที่สามารถรับมือกับเทคโนโลยีทุกอย่างได้แบบสตีเว่น สปีลเบิร์ก ซึ่งแน่นอนว่าเขาคืออันดับ 1 ในรายชื่อของเราเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีโอกาสที่เราจะได้เขามาร่วมงานขนาดไหน? แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่มีความฝัน” เขายิ้ม “ผมเลยตอบว่า ‘แน่นอน ส่งให้สปีลเบิร์กแล้วกัน’ เขาอ่านบททันทีและก็รักมัน”
สปีลเบิร์กยืนยันว่า “พวกเขาส่งหนังสือมาให้ผมรวมถึงบทภาพยนตร์ที่ผมอ่านอย่างแรกเลย ผมรู้สึกหลงใหลในไอเดียที่มีการเทียบเคียงกันระหว่างโลก 2 ใบ จากนั้นผมได้อ่านหนังสือและมันก็ทำให้ผมหัวหมุนมาก เพราะมีความลึกซึ้งและรายละเอียดเยอะมาก เป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ มีความน่ากลัว สามารถเข้าถึงมันได้… ผมติดงอมแงม!”
ทั้งไคลน์และฟาราห์ต่างแชร์ความเห็นว่าการมีสปีลเบิร์กมากำกับภาพยนตร์เหมือนกับเรื่อง “ยิ่งกว่าฝันที่เป็นจริง” ฟาราห์เล่าอีกว่า “เวลาเราอยู่ในฉากกับสตีเว่น เราเลี่ยงที่จะอดคิดถึงบ้านไม่ได้เลย แต่ต้องรับความจริงว่าเราต้องจดจำและโหยหาช่วงเวลาเหล่านั้นไปอีกตลอดชีวิต”
ไคลน์เล่าเสริมว่า “แม้แต่ตอนนี้มันก็เหมือนความฝันของผม… ผมยังรู้สึกกลัวอยู่เลยครับ”
ทีมนักแสดงแชร์ความรู้สึกร่วมกัน ลีน่า เวธ ผู้รับบท เอช เพื่อนสนิทของเวดยืนยันว่า “สตีเว่น สปีลเบิร์กได้ให้นิยามของภาพยนตร์สำหรับคนรุ่นฉัน และได้เปลี่ยนแปลงค่านิยมของเราไป ฉันคิดว่าถ้ามีใครเอาหนังทุกเรื่องของเขาใส่ไทม์แคปซูล พวกเขาจะสัมผัสความรู้สึกได้ว่าโลกของเรามีการเจริญเติบโตและพัฒนาขนาดไหน ฉะนั้นการได้เป็นส่วนหนึ่งในตำนานของเขาถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับฉันและพวกเราทุกคนเลยค่ะ”
ในการนำนิยายมาสู่จอภาพยนตร์ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ผู้สร้างภาพยนตร์จะต้องเคารพในแหล่งข้อมูล รวมถึงแฟนๆ ของผลงานนั้นด้วย “แต่” สปีลเบิร์กยอมรับว่า “หนังสือทุกเล่มต้องผ่านขั้นตอนการดัดแปลงเมื่อผลงานนั้นต้องกลายมาเป็นภาพยนตร์ ผมคิดว่าเราได้ข้อสรุปพร้อมองงค์ประกอบที่เหมาะสมสำหรัการถ่ายทอดเรื่องราวสุดวิเศษแล้ว”
“เราต้องผสมผสานหลายสิ่งและย้ายสิงต่างๆ ที่อยู่รอบภาพยนตร์ แต่ยังคงคามรู้สึกของเรื่องราวต้นฉบับเอาไว้” ไคลน์กล่าวด้วยความมั่นใจ “เวลาแฟนๆ หนังสือถามผมเรื่องนี้ ผมแค่ตอบไปว่าไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่เคยกังวลเลยตั้งแต่วันที่สตีเว่น สปีลเบิร์กเซนต์ชื่อสร้างหนังแล้ว”
การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งเกี่ยวข้องกับตัวผู้กำกับฯ เอง เขาอธิบายว่า “ในหนังสือมีหลายอย่างที่อิงมาจากหนังของผมเอง ในฐานะผู้กำกับฯ และผู้สร้งฯ จากยุค 80 แต่ผมไม่อยากให้หนังมีความสะท้อนตัวเองจากยุคนั้น เราทิ้งการอ้างอิงบางส่วนออกไป แต่เน้นหลักๆ ไปที่ความน่าประทับใจในความงดงามที่ผู้สร้างฯ ศิลปิน ผู้ออกแบบแฟชั่น และนักดนตรีจากยุคนั้นได้สร้างเอาไว้”
แม้ว่าจะเป็นฉากที่โคลัมบัส โอไฮโอ ภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” ได้มีการถ่ายทำที่ประเทศอังกฤษ พร้อมด้วยภาพในส่วนสำคัญที่ได้จาก Warner Bros. Studios Leavesden
การถ่ายทำต้องอาศัยเทคโนโลยีการสร้างภาพยนตร์ ซึ่งสปีลเบิร์กได้ร่วมงานกับผู้ชำนาญด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์แห่ง ILM และ Digital Domain รวมถึงคนอื่นๆ เพื่อนำผู้ชมเข้าสู่โลกสุดมหัศจรรย์ของโอเอซิส สร้างความแตกต่างระหว่างโอเอซิสกับโลกแห่งความจริงให้มีความโดดเด่นมากขึ้น สปีลเบิร์กถ่ายทำฉากต่างๆ ในภายหลัง ขณะที่ฉากในโลกเสมือนจริงมีการถ่ายทำด้วยเทคนิคดิจิตอล
“รายละเอียดที่เราต้องสร้างเพื่อใส่เข้าไปในโอเอซิสบนจอภาพยนตร์ ทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเท่าที่ผมเคยทำมา” ผู้สร้างภาพยนตร์ที่มากประสบการณ์กล่าว “มันมีทั้งโมชั่นแคปเจอร์ ไลฟ์แอคชั่น คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น… มันเหมือนเราสร้างหนัง 4 เรื่องในเวลาเดียวกันเลย”
สปีลเบิร์กถึงขั้นใช้เครื่องมือเวอร์ชวลเรียลลิตี้ในปัจจุบัน เพื่อการกำกับฉากโลกแห่งอนาคตเสมือนจริงของโอเอซิส มาคอสโก ครีเกอร์ เล่ารายละเอียดว่า “การแว่นวีอาร์ทำให้เขาได้ก้าวไปฉากดิจิตอลจริงๆ ได้เห็นบรรยากาศรอบตัวแบบ 360 องศา ได้คิดเรื่องมุมกล้อง ได้คิดว่าเขาจะถ่ายทำมันยังไง นี่เป็นครั้งแรกของพวกเรา สำหรับสตีเฟนมันเหมือนการเปิดโอกาสความเป็นไปได้หลายด้าน แต่มันเป็นการทำงานที่ยาก ผมดีใจมากที่หนังเรื่องนี้อยู่ในการควบคุมของเขา”
แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าแต่สปีลเบิร์กก็พูดเน้นย้ำว่า “ผมไม่เคยใช้เทคโนโลยีสร้างหนัง ผมแค่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวให้ดีขึ้น เทคโนโลยีช่วยให้หนังแนวนี้ดูสมจริง แต่จากนั้นมันควรหายไปเพื่อให้ทุกคนโฟกัสไปที่เรื่องราวและตัวละคร”

ทีมนักแสดง

เดอะ ไฮ ไฟว์

ครั้งแรกที่เห็นเวด วัตตส์ ดูไม่มีบุคลิกแห่งความเป็นฮีโร่เลย สปีลเบิร์กเล่าว่า “หนังทุกเรื่องที่ผมสร้างฯ หรือกำกับฯ ในยุค 80 จะมีพวกม้ามืดเป็นฮีโร่ครับ ซึ่งแน่นอนว่าเวดคือม้ามืดนั้น เขาเป็นคนฉลาดแต่อีกนัยหนึ่งก็เป็นหนุ่มที่โดนตัดสิทธิ์ เขาอยู่ในจุดที่ไม่มีความสุขมากๆ พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตลง เขาต้องอยู่กับน้าและแฟนคนปัจจุบันของน้าในบ้านพักรถเทรลเลอร์โทรมๆ ในโคลัมบัส โอไฮโอ เรียกว่า เดอะ สแตคส์ ท่าทางที่ดูน่าชื่นชมปรากฎตอนที่พยายามเอาชนะการแข่งขันของฮัลลิเดย์ในโอเอซิสเท่านั้นเลย”
ไท เชอริแดนก็ยืนยันว่า “เวดศรัทธาในเจมส์ ฮัลลิเดย์มากจนใช้เวลาหลายชั่วโมงจดจ่อกับกรศึกษาทุกรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเขา สังเกตในทุกมุมมองที่จะช่วยเขาในภารกิจนี้เพื่อเป็น ‘คนแรกที่ไปถึงไข่’”
เวดเป็นกันเตอร์คนเดียวที่แนะนำตัวครั้งแรกในแบบตัวตนที่แท้จริง เมื่อเข้าไปอยู่ที่โอเอซิส เวดได้หายตัวไปอยู่ในร่างอวาตารที่ชื่อพาร์ซิวอลซึ่งเป็นชื่อที่ได้แรงบันดาลใจจากอัศวินผู้ก่อตั้ง Holy Grail ซึ่งการแสดง 2 บทบาทเชอร์ริแดนเล่าว่า “เวดกับพาร์ซิวอลเป็นคนที่แตกต่างกันมาก พาร์ซิวอลมีทุกสิ่งที่เวดไม่มี ส่วนเวดเป็นคนหัวรั้น ขี้อาย และชอบเก็บตัว ขณะที่พาร์ซิวอลเป็นคนมั่นใจ กล้าหาญ แก้ปัญหาเก่งและมีความสามารถมาก”
พาร์ซิวอลชอบเข้าสังคมมากกว่า สปีลเบิร์กเล่าว่า “เขามีเพื่อนแค่ในโอเอซิส เขาไม่เคยเจอตัวจริงของใครนอกจากร่างอวาตารของพวกเขา แต่เขาก็มีความสุขกับสิ่งนั้น ทุกสิ่งที่มีความหมายต่อเขาล้วนอยู่ที่โลกเสมือนจริงใบนี้”
เพื่อนที่สนิทและตัวใหญ่ต่างจากพาร์ซิวอลมากคือเอช ลีน่า เวธให้นิยามว่าเป็น “ครึ่งมนุษย์ครึ่งเครื่องจักร เธอมีกล้ามที่ใหญ่แต่ก็เป็นคนที่ดูสบายๆ มาก เอชมีชื่อเสียงในโอเอซิสด้านช่างเครื่องระดับแถวหน้าที่สร้างหรือซ่อมอะไรก็ได้ เป็นบุคลิกที่เจ๋งมากที่ตัวละครของฉันสร้างขึ้นมาให้ตัวเอง แต่ขณะเดียวกันเธอก็รู้ว่ากำลังรักษาบางอย่างจากเพื่อนสนิทของเธอเอง”
เวธใช้สรรพนามที่ดูเป็นผู้หญิงเปิดเผยความลับของตัวละครเธอ สปีลเบิร์กเล่าว่า “เอชเลือกที่จะใช้ชื่อเฮเลน สาวแอฟริกัน-อเมริกันที่มีเหตุผลเป็นของตัวเองในเพศตรงกันข้ามสำหรับร่างอวาตารของเธอ”
“ฉันคิดว่าเป็นเพราะเฮเลนไม่อยากให้ใครตัดสินหรือคิดว่าเธอไม่สามารถทำได้เนื่องจากเพศของเธอค่ะ ซึ่งฉันเข้าใจได้ดีนะ” เวธกล่าว “ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งบางเรื่องก็ไม่เป็นที่สงสัยเลยค่ะ อย่างประเด็นที่เธอเป็นช่างเครื่องที่เก่ง ตัวละครนี้มีรายละเอียดเยอะมากที่ฉันชื่นชมนะคะ ฉันรักตัวละครนี้ที่มีการอิงถึงทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งมันชวนให้คิดและสื่อถึงวิถีชีวิตในปัจจุบันของเรา เราสามารถกำหนดสรรพนามได้ค่ะว่าเราอยากเป็นแบบไหน”
“โดยส่วนตัวลีน่ามีพลังอย่างน่าทึ่ง และเธอก็แสดงออกสู่สาธารณะให้ได้เห็น” สปีลเบิร์กกล่าว “เธอทำให้เฮเลนเป็นตัวละครที่น่ารักมาก มีการผสมผสานความเข้มแข็ง ความเท่ และความสนุกสนานได้อย่างลงตัว”
แม้ว่าพาร์ซิวอลกับเอชจะเป็นเพื่อนกัน แต่พาร์ซิวอลก็มุ่งมั่นว่าหากเป็นเรื่องของเกม เขาจะไม่ “รวมกับใคร” เขาเลือกที่จะลุยเดี่ยว แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาต้องมาเจอกับอาร์ทิมิสที่เปิดมุมมองความคิดและความรู้สึกในแบบที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งอาร์มิทิสเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งการไล่ล่าชาวกรีก เธอกลายเป็นตำนานในบรรดากันเตอร์สจากสไตล์การเล่นที่ดุดัน
“อาร์ทิมิสเป็นคนเข้มแข็ง กล้าหาญ และกระตือรือร้นมาก ฉะนั้นเธอจะดูมีความโหดเหี้ยมในตัวอยู่บ้าง” โอลิเวีย คูกผู้รับบทอาร์ทิมิสและซาแมนธาผู้เต็มไปด้วยอีโก้ในโลกแห่งความเป็นจริงกล่าว “แต่เธอมีเหตุผลในการแข่งขันต่างจากกันเตอร์สคนอื่นๆ เธอรู้ได้จากประสบการณ์ส่วนตัวถึงเรื่องแย่ๆ ที่จะเกิดขึ้น หากไอโอไอควบคุมโอเอซิสอย่างเบ็ดเสร็จ เธอจึงอยากเป็นฝ่ายชนะเพื่อสิ่งที่ดีกว่า”
ต่างจากมนุษย์บางคนและร่างอวาตารของพวกเขา “ซาแมนธาและอาร์ทิมิสดูเป็นคนๆ เดียวกัน ต่างจากบางคนที่มีบุคลิกภายนอกต่างออกไป นั่นทำให้ซาแมนธาเกิดความไม่ปลอดภัยบางอย่าง” คูกกล่าว “แต่โดยรวมแล้วด้วยบุคลิก ความตั้งใจ ศีลธรรมที่มี… ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ซาแมนธาพยายามรักษาเอาไว้”
การแข่งขันแรกของฮัลลิเดย์คือการแข่งขันแบบไร้ที่ยึดเหนี่ยวผ่านนิวยอร์คซิตี้เสมือนจริง ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่เคยมีใครเอาชนะได้และคนส่วนใหญ่ที่ยอม “ทิ้งทุกสิ่ง” มันหมายความว่าพวกเขาต้องจ่ายด้วยทุกสิ่งจริงๆ
ในช่วงเริ่มการแข่งขัน พาร์ซิวอลรู้สึกงงที่เห็นอาร์ทิมิสผู้โด่งดังมาอยู่ข้างเขา เธอขี่รถคาเนดะจาก “อากิร่า” ส่วนเขาขี่ “แบค ทู เดอะ ฟิวเจอร์” จากเดอลอรีน โดยคูกเล่าว่า “พาร์ซิวอลศรัทธาในตัวเธออยู่ห่างๆ แต่อาร์ทิมิสแทบไม่ทันสังเกตเขาด้ยซ้ำ จนกระทั่งเขาได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นในช่วงการแข่งขัน นั่นคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักสุดชุลมุนของพวกเขา ตอนแรกเธอคิดว่าเขาใช้ความกล้าหาญอย่างไม่ถูกไม่ควร เพราะเขาอยากชนะเกมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ว่าเขาเอาใจใส่ผู้คนและถนอมจินตนาการของฮัลลิเดย์ที่มีต่อโอเอซิส ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์ขึ้นมา แต่อาร์ทิมิสยังคงจับตาอยู่ที่รางวัล… จนกระทั่งพาร์ซิวอลเอาชนะการแข่งขันแรกไปได้ และทุกอย่างกลับดูมีเงื่อนงำข้องเกี่ยวกับไอโอไอ นั่นคือช่วงที่ซาแมนธาตัวจริงรู้ว่าเธอต้องก้าวออกมาและเจอหน้าเวด”
แต่อย่างไรก็ตามเวดไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรที่ร้านตอนที่ซาแมนธาทักทายเขาด้วยการประกาศอย่างชวนทึ่งว่า ‘ขอต้อนรับสู่การก่อกบฎ เวด’”
สปีลเบิร์กให้ความเห็นว่า “ความตื่นเต้นที่สุดอย่างหนึ่งในเรื่อง คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตัวละครต่างๆ ที่รู้จักกันในร่างอวาตารได้เจอกันในร่างจริง เมื่อท้ายที่สุดพวกเขาต้องมารวมตัวกันในโลกแห่งความจริง พวกเขารู้สึกตื่นตัวกันด้วยความสนใจมาก”
เชอริแดนกล่าวเสริมว่า “ผมชอบมากที่ ‘Ready Player One’ ถ่ายทอดประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการยอมรับในสิ่งที่เราป็น ฮีโร่ทุกคนในหนังของเราล้วนมีความแตกต่างอยู่ในตัว มันไม่ควรเป็นประเด็นว่าเรามีเชื้อชาติ เพศ อายุ หรือรูปร่างภายนอกแบบไหน”
คูกได้รับคัดเลือกก่อนเชอริแดน ฉะนั้นเคมีที่เขามีต่อเธอจึงสำคัญมากสำหรับการรับบท มาคอสโก ครีเกอร์เล่าว่า “เรามั่นใจกันไป 99% แล้วว่าไทคือเวดของเรา แต่เราอยากให้เขาเข้ามาอ่านบทร่วมกับโอลิเวีย เรารู้จากการแสดงของพวกเขาเลยว่าเหมาะสำหรับบทเวดและซาแมนธา”
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างยาวนานถึง 5 ปี พาร์ซิวอลเป็นคนแรกและเป็นเพียงผู้เดียวที่ครองอันดับ 1 บนรายชื่อผู้นำแห่งโอเอซิส เขากลายเป็นคนดัง… และเป้าหมายภายในชั่วข้ามคืน หัวหน้าผู้ทรงอิทธิพลแห่งไอโอไอ โนแลน ซอร์เรนโต มองว่าเวดคือภัยคุกคามจึงเพิ่มความเข้มข้นของเกมให้อยู่ในระดับที่ไม่รอดก็ตาย
สปีลเบิร์กเล่าว่า “ซอร์เรนโตไม่ต้องการให้ใครได้ครองสมบัติของฮัลลิเดย์ เขาอยากได้เป็นของตัวเองและพร้อมทำทุกทางเพื่อขัดขวางเวด ผมหมายถึงทุกทางเลยครับ ตอนนี้เวดต้องรวมกลุ่มกับผู้แข่งขันอีก 2 คน ก่อนที่กองทัพทีมผู้เล่นของไอโอไอที่เรียกว่าเดอะ ซิกเซอร์สจะมาจัดการ”
เดอะ ไฮ ไฟว์เริ่มจาก: เวด/พาร์ซิวอล, ซาแมนธา/อาร์ทิมิส, เฮเลน/เอช และรวมตัวครบทีมกับไดอิโตและโช
วิน โมริซากิ รับบท ไดอิโต นักรบซามูไรญี่ปุ่นผู้แข็งแกร่ง เขามีทักษะในเรื่องดาบและศิลปะการต่อสู้อย่างเหนือชั้น เขาคือร่างอวาตารของหนุ่มที่นับถือนิกายเซนอย่างเคร่งครัดชื่อโทชิโร โมริซากิจำได้ว่า “ผมออดิชั่นที่ญี่ปุ่นจากนั้นมาที่ลอสแองเจลิสเพื่อพบกับสตีเว่น ตอนที่พวกเขาบอกผมว่าได้รับบทเลือกแล้ว ผมแทบไม่อยากเชื่อเลย นี่เป็นหนังต่างประเทศเรื่องแรกของผมและรู้สึกตื่นเต้นมากครับ”
นักแสดงหน้าใหม่ฟิลิป โซ รับบท โช นินจานักต่อสู้ผู้โหดเหี้ยมที่มีชื่อบนโลกแห่งความจริงว่า โซ และอายุของเขาทำให้เพื่อนๆ ต้องเซอร์ไพรส์ นักแสดงหนุ่มได้รับบทแทนเด็กวัยรุ่นคนอื่นนับหลายร้อยคนที่มีความหวังเมื่อมีการเปิดรับคัดเลือกตัวนักแสดง ตอนนั้นพ่อของเขาส่งวีดีโอการแสดงของเขาเข้ามา โซเล่าว่า “โซเป็นเด็ก 11 ขวบที่มีความซน เขาเกลียดการถูกตัดสินกันด้วยอายุ เขามองไดอิโตเป็นแบบอย่างและพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เพราะเขาต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขา” เขาต้องมีความกล้าและความเป็นผู้ใหญ่เพื่อปิดบังความเป็นเด็กขอเขา โซจึงได้รับอะไรมากกว่าความนับถือจากเพื่อนๆ ของเขา
“สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องดีมากเสมอที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงอายุน้อย ผมสนุกมากกับการคัดเลือกตัวไท โอลิเวีย ลีน่า วิน และฟิลลิป” สปีลเบิร์กกล่าว “พวกเขาสามารถ่ายทอดบทบาทและทำให้ตัวละครมีอะไรมากกว่าที่อยู่ในกระดาษ นั่นคือสิ่งที่ผมตามหามาตลอดครับ”

ผู้สร้าง

ดิ โอเอซิส รวมถึงสถานที่แข่งขันอีก 3 ส่วนที่อยู่ด้านในได้มาจากจินตนาการของเจมส์ ฮัลลิเดย์ผู้มีพรวรรค์แต่มีความไม่ธรรมดา เพราะเขาได้จัดให้เป็นที่สำหรับผู้คนหลบหนีออกมาจากชีวิตไร้ความหวังของเขา ฮัลลิเดย์เป็นที่หลงใหลโดยเฉพาะสำหรับเหล่ากันเตอร์ส พวกเขาภูมิใจในตัวเองที่รู้ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับฮัลลิเดย์ ตลอดจนไปถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่าเสียดายที่หลังจากเขาเสียชีวิตลง อภิมหาเศรษฐียอมให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเข้าถึงชีวิตของเขาผ่านบทความที่มีความพิถีพิถัน ทุกเหตุการณ์ ทุกความชอบ ทุกความสำเร็จ ทุกความเสียใจ สิ่งที่แฝงอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้นล้วนเป็นเบาะแสที่ต้องใช้เพื่อเอาชนะเกม
“มันก็ดีนะครับที่ได้รับทเป็นคนที่ยากจะอธิบายได้” มาร์ค ไรแลนซ์กล่าว เขารับบทฮัลลิเดย์รวมถึงแอโนแร็กร่างกายอวาตารที่เหมือนพ่อมดผู้รับผิดชอบเกมทั้งหมด ขณะที่เขาเป็นคนกำหนดเรื่องราวและพฤติกรรของเขาทำให้รู้สึกได้ตลอด “ฮัลลิเดย์ไม่ค่อยปรากฎตัว ซึ่งทำให้เราไม่ค่อยสนใจในคำถามและความลึกลับต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขา” นักแสดงกล่าวเสริม
“Ready Player One” เป็นผลงานการร่วมงานกันครั้งที่ 3 ของไรแลนซ์กับสปีลเบิร์ก เขาให้ความเห็นว่า “มาร์คทำให้ความน่ารักของเจมส์ ฮัลลิเดย์มีชีวิตขึ้นมาพร้อมแฝงด้วยความอ่อนแออยู่เล็กๆ แถมยังมีความขี้อายอยู่บ้าง เขาสร้างตัวละครที่อยู่ใกล้ชิดและเป็นที่รักยิ่งในหัวใจ”
ไรแลนซ์เล่าว่าเขาเต็มใจรับโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ อีกครั้ง “แน่นอนว่าเราจะได้เปลี่ยนสถานที่และมีความเสี่ยงน้อยลงเมื่อเราร่วมงานกับใครซ้ำๆ แต่ที่สนุกสุดในการร่วมฉากกับสตีเฟนคือเวลามีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น เวลาที่ฉากเตลิดไปอีกทิศทางหรือพัฒนาจนเป็นเรื่องที่ดูธรรมชาติมากขึ้น เขาจะตื่นเต้นมากและสนับสนุนมัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาในหนังเรื่องนี้เวลาที่เรานึกภาพว่าเขาต้องรับือกับพวกเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่างด้วย”
ดิ โอเอซิสเป็นสิ่งประดิษฐ์ของฮัลลิเดย์ แต่เขาได้พัฒนาร่วมมกับเพื่อนสนิทของเขา ออกเดน มอร์โรว์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัท Gregarious Games ของเขาด้วย เดอ ไลน์อธิบายว่า “ฮัลลิเดย์และมอร์โรว์ต่างเป็นคนฉลาดและเป็นเพื่อนซี้กัน ฮัลลิเดย์รักคอพิวเตอร์แต่เก่งเรื่องการสร้างมิตรภาพแบบคนทั่วไป ซึ่งมันน่าสนใจเพราะมันเป็นเรื่องที่คล้ายกับเวด วัตตส์ แต่มอร์โรว์ต่างจากเขามาก”
สำหรับการคัดตัวผู้มารับบทออกเดน มอร์โรว์ ไซมอน เพ็กก์ เล่าว่า “ฮัลลิเดย์เป็นแรงผลักดันสร้างสรรค์ที่อยู่เบื้องหลังโอเอซิส แต่ออกเดน มอร์โรว์คือผู้ช่วยทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาและนำไอเดียของเขามาสู่คนทั่วไป พวกเขามีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นมานานหลายปีจนกระทั่งเกิดความซับซ้อน มันเป็นเรื่องวิเศษมากครับที่ได้เล่นบทแบบนั้น”
ในช่วงแรกของ Gregarious Games เมื่อโอเอซิสเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นมา ฮัลลิเดย์และมอร์โรว์มีเด็กฝึกงานที่กระตือรือร้น หน้าที่หลักของเขาคือชงกาแฟให้ถูกต้อง เขาชื่ออะไร? โนแลน ซอร์เรนโต

ไอโอไอ

โนแลน ซอร์เรนโตร่วมงานด้วยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ตอนเป็นลูกจ้างที่ Gregarious Games เบ็น เมนเดลซอห์นผู้รับบทนี้ได้เล่าว่า “โนแลนเริ่มจากเป็นพวกที่ดูขี้แพ้ แต่เขาสามารถกลายเป็นผู้นำแห่ง Innovative Online Industries ที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกได้ พวกเขาควบคุมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้เล่นในโอเอซิส หรืออีกนัยหนึ่งคือ ‘คุณต้องการหน้ากาก ชุดแฮพทิค ถุงมือหรืออะไรก็ตาม? ได้เลย มาหาผมสิ’”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีเงินทองและอำนาจมากมายขนาดไหน ซอร์เรนโตผู้เจ้าเล่ห์ก็ไม่พอใจกับการเป็นที่สอง และการครอบครองโอเอซิสคือสิ่งที่เขาไม่ยอมแพ้ เขาจะทำทุกทางเพื่อชนะการแข่งขันของฮัลลิเดย์ โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร “ซอร์เรนโตมีทรัพยากรอย่างมหาศาล แล้วเกมเมอร์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ตรงนั้นล่ะ? เขาจะซื้อคนเป็นพันๆ แล้วส่งพวกเขาไปยังโอเอซิสเพื่อค้นหากุญแจ 3 ดอกนั้นให้เขาก็ได้” เมนเดลซอห์นกล่าว
ลูกน้องของซอร์เรนโตเรียกกันว่าเดอะ ซิกเซอร์ส เพราะพวกเขารู้จักกันในนามตัวเลข ไม่มีชื่อ การเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลให้เดอะ ซิกเซอร์ส เขายังมีแผนกอูโลจี้ ซึ่งเป็นกลุ่มหนุ่มสาวที่ฉลาดและใช้เวลาทั้งวันทุกวันไปกับการถอดรหัสลับของฮัลลิเดย์
แต่กันเตอร์สตัวจริงอย่างเดอะ ไฮ ไฟว์ไม่ได้มีไว้เพื่อการค้า ไคลน์เล่าว่า “เวดและกันเตอร์สคนอื่นๆ รู้ว่าถ้าไอโอไอได้ครอบครองโอเอซิส บรรยากาศทั้งหมดจะเปลี่ยนไป ฉะนั้นไอเดียของการให้กลุ่มใดมาครอบครองดูมันคงจะเกิดความเปลี่ยนแปลงและทำให้พวกเขาขาดอิสรภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับพวกเขา โนแลนเป็นคนขาดความปรานีมีทุกสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัว สำหรับเขาแล้วมีเพียงเรื่องเงินกับการควบคุมเท่านั้น ไม่มีความรักโอเอซิสอย่างที่มันเคยเป็นมาเลย”
ก่อนจะคัดเลือกตัวเมนเดลซอห์นในเรื่อง “Ready Player One” สปีลเบิร์กก็เป็นแฟนอยู่แล้ว เขายืนยันว่า “ผมเห็นเบ็นครั้งแรกในทีวีซีรีส์ ‘Bloodline’ ซึ่งผมรู้สึกหลงมาก ผมบอกกับตัวเองว่า ‘ไม่รู้ตอนไหนหรือจะยังไง แต่จะต้องร่วมงานกับผู้ชายคนนั้นให้ได้’ เบ็นเป็นนักแสดงที่มีความสามารถหลากหลาย เขาทำอะไรก็ได้ แสดงเป็นใครก็ได้”
ต่างฝ่ายก็ต่างชื่นชมในกันและกัน “หากเราคุ้นกับแนวทางของสตีเว่น และได้สัมผัสการทำงานของเขา เราจะรู้สึกว่าเขาเข้าถึงภาพยนตร์มาก การเคลื่อนไหว อารมณ์ที่รุนแรงสุด จังหวะของเนื้อเรื่อง…” เมนเดลซอห์นให้ความเห็นว่า “ในแวดวงของการสร้างภาพยนตร์ เขาเป็นเหมือนผู้ควบคุมเลยครับ ไม่มีใครมีสิ่งที่เขามีอยู่ ไม่มีเลย”
แม้ว่าเหล่าซิกเซอร์สและออโลจิสต์จะทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ ซอร์เรนโตก็ยังไม่เห็นโอกาสที่พวกเขาจะโค่นเวดได้ เขาได้จ้างเจ้าหน้าที่ติดตาม 2 หน่วยซึ่งปฏิบัติการบนดาวคนละดวงกัน นักล่าเงินรางวัลนี้รู้จักกันในนาม i-R0k ให้เสียงพากย์โดย ที.เจ. มิลเลอลร์ ซึ่งคอยติดตามพาร์ซิวอลในโอเอซิส ไม่ผิดคาดเลยว่าตัวละครจะมีความอันตรายขนาดไหน เพราะมีการติดอาวุธมาอย่างครบมือเว้นแต่ลำตัวของเขา ทั่วใบหน้าแสดงความโหดร้ายด้วยกะโหลกที่เปิดโล่งและมีเขี้ยวสัตว์ขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน ไฟเนล แซนดอร์ หัวหน้าด้านความปลอดภัยแห่งไอโอไอ เขาตามรอยเวด วัตตส์ ในโลกแห่งความจริง
ฮันนาห์ จอห์น-คาเมน ผู้รับบท ไฟเนล แซนดอร์ ได้เล่าว่า “เธอเป็นผู้หญิงที่รับภารกิจมาค่ะ มุ่งมั่นกับการขัดขวางเวดและเพื่อนของเขาจากการเป็นฝ่ายชนะด้วยทุกวิถีทางที่จำเป็น ไฟเนล แซนดอร์ไม่ตรงตามหนังสือนัก ฉันเลยไม่มีคู่มือแนะแนวอะไรเลยค่ะ แต่สตีเฟนอธิบายบทให้ฉันฟังว่า ‘เธอเป็นคนที่เราไม่อยากพาไปเจอแม่ของเราที่บ้าน’ ฉันก็เข้าใจเธอเลยค่ะ” เธอยิ้ม
ไฟเนล แซนดอร์กับ i-R0k เป็นสองตัวละครสำคัญที่เห็นในโลกของพวกเขาเท่านั้น คนอื่นๆ จะเห็นสลับไปมาระหว่างร่างจริงกับร่างอวาตารของพวกเขา และสำหรับนักแสดง ผู้กำกับฯ และทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์มันคือความท้าทายเป็นพิเศษหลายเรื่อง

การจับภาพการแสดง

ด้วยเวทมนตร์จากโมชั่นแคปเจอร์และคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น ใช่ว่านักแสดงจะแสดงแค่บทบาทในชีวิตจริงแค่นั้น แต่ยังต้องถ่ายทอดบทบาทในร่างอวาตารให้มีชีวิตชีวาอีกด้วย สำหรับขั้นตอนที่ซับซ้อนนี้ต้องอาศัยการทำงานระหว่างสปีลเบิร์ก ทีมนักแสดง ผู้ออกแบบฉากฯ อดัม สตอคฮาวเซน ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คาเซีย วาลิคก้า ไมโมน และบริษัทวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์รายใหญ่อีก 2 แห่ง ได้แก่ Industrial Light & Magic (ILM) และ Digital Domain
สตอคฮาวเซนและวาลิคก้า ไมโมน พร้อมด้วยผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์แห่ง ILM โรเจอร์ กูเยตต์ แ กราดี้ โคเฟอร์ ผู้ควบคุมแอนิเมชั่น เดวิด เชิร์ค ผู้ควบคุมการออกแบบคอนเซปต์ฉากเสมือนจริง อเล็กซ์ เยเกอร์ และคนอื่นๆ ที่ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับสปีลเบิร์กเพื่อพัฒนาทุกมุมมองของตัวละครเสมือน ตั้งแต่รูปร่างและการเคลื่อนไหวทั้งหมดไปจนถึงทรงผม เครื่องแต่งกาย และรายละเอียดพิเศษทางดิจิตอลที่เห็นได้บนผิวหนังของตัวละคร
โคเฟอร์เล่าว่า “การพัฒนาร่างอวาตารต้องอาศัยความพยายามอย่างหนัก ILM ได้เข้ามาร่วมงานตั้งแต่ช่วงแรก มีการร่วมงานกับอดัมและคาเซียเพื่อช่วยพัฒนาการออกแบบต้นฉบับ เราต้องคิดในใจตลอดว่าร่างอวาตารเหล่านี้เป็นร่างเสมือนจริง แต่ได้แรงบันดาลใจจากนักแสดงบนโลกแห่งความจริง”
กูเยตต์เห็นด้วยและเล่าว่า “มันสำคัญมากต่อสตีเฟนและพวกเราที่จะต้องถ่ายทอดบุคลิกของนักแสดงที่ต่างกันลงไปในตัวละครของพวกเขา และยิ่งเราได้รู้จักพวกกเขา ได้เห็นผลงานของพวกเขา มันช่วยไม่ได้เลยที่จะส่งผลต่อการออกแบบที่เราทำลงไป”
“อาร์ทิมิสเป็นตัวละครที่น่าสนใจในการควบคุม” เชิร์คกล่าว “เพราะเธอมีดวงตาที่โตมากและเราจะจดจ้องที่ตาทันทีเวลาจ้องเธอ มันทำให้เธอดูมีเสน่ห์ พาร์ซิวอลเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีความยุ่งยากไปจรดปลายเล็บ เพราะตัวเขามีหลากหลายมุม เขาต้องเป็นคนธรรมดาที่ผู้ชมจะจดจำเขาได้ และเขาต้องเป็นฮีโร่ด้วย แต่ยังคงมีความเป็นเด็ก ต้องดูมีเสน่ห์ไม่ใช่ดูดีเกินจริง.. มันเป็นขั้นตอนที่ยาวนานสำหรับการออกแบบให้เหมาะกับบทบาทและทำให้ทุกคนชื่นชอบ”
การออกแบบเอชได้สื่อถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับความมีอีโก้สูงในตัวเธอ “อดัม สตอคฮาวเซนมาพร้อมกับโฉมหน้าที่ดูชวนหลงใหล” โคเฟอร์กล่าว “เอชเป็นช่างซ่อมเครื่อง ฉะนั้นเขาจึงมีทั้งส่วนของเครื่องจักรกับไฮดรอลิค ซึ่งเป็นจุดที่แสดงถึงความสร้างสรรค์ของตัวะครนั้น หากมองใกล้ๆ ล้ว ผิวหนังของเขาคล้ายกับผิวหนังของแรดที่มีความแข็ง และมีลักษณะเหมือนแมนต้าเรย์บนศีรษะของเขา นั่นคือลักษณะที่เฮเลนเอกใจสื่อตัวตนของเธอออกมาในโอเซิส เธอเป็นตัวละครที่ค่อนข้างมีความพิเศษ”
ในส่วนของดิจิตอลโดเมนนำโดยผู้ควบคุมฉากเสมือนจริง แกรี่ โรเบิร์ตส ซึ่งมีหน้าที่รวบรวมมข้อมูลจากโมชั่นแคปเจอร์และฟุตเทจจากกล้องที่อยู่บนศีรษะ ซึ่งทุกอย่างสมบูรณ์บนฉากที่แทบจะไม่มีอะไรเลย หลักๆ คือผ้าใบโล่งๆ ที่มีเส้นแบ่งบนพื้นและโครงสร้างพื้นฐานกับฉากจริง ทุกอย่างตั้งแต่เห่าอวาตารไปจนถึงบรรยากาศรอบตัวจะถูกสร้างขึ้นโดยทีม ILM
นักแสดงวัยรุ่นที่รับบทเดอะ ไฮ ไฟว์ทุกคนต่างเป็นมือใหม่สำหรับการแสดงแบบจับการเคลื่อนไหว พวกเขายอมรับว่าขั้นตอนดูจุกจิกแต่สิ่งที่ได้รับช่างเกินคุ้ม
โอลิเวีย คูกยืนยันว่า “ถือเป็นการทดสอบนักแสดงได้ดีค่ะ เพราะเราต้องอยู่ในจินตนาการของตัวเอง เราจะอาศัยปัจจัยภายนอกให้ช่วยเราอินกับบทหรือสิ่งรอบตัวไม่ได้เลย เพราะไม่มีอะไรเลยสักอย่าง นั่นคือส่วนที่ดีที่สุดค่ะเพราะเราได้ทำอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรามาก เราเลยสนิทกันไปโดยปริยาย มันไม่มีทางเลือกอื่นเลยค่ะ มีแค่เราต้องช่วยกัน
“เราเรียนรู้โมชั่นแคปเจอร์ได้จากการลงมือทำเท่านั้น” ลีน่า เวธกล่าวเสริมว่า “มันต้องอาศัยจังหวะเพื่อเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับมัน แต่ฉันขอบอกว่ามันสนุกมากค่ะ เราต้องงสวมชุดแบบนี้เต็มตัว มีจุดอยู่ทั่วร่างกาย ตอนแรกมันก็น่ากลัวแต่ความเจ๋งอยู่ที่เรารู้สึกเหมือนจะทำอะไรก็ได้ มันมีอิสระมากในแง่ของโมแคปซึ่งฉันเริ่มจะชื่นชมและรักมันแล้วละค่ะ”
บรรดานักแสดงต่างรู้สึกขอบคุณในการให้คำแนะนำของผู้กำกับฯ ตัวเอง ไท เชอริแดนเล่าว่า “สตีเฟนมีส่วนร่วมกับเรามากและเล่าจินตนาการของเขาให้ฟังอย่างจัดเจน มันช่วยให้พวกเราเข้าใจตรงกันได้เยอะเลยครับ และได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรด้วย ประสบการณ์ทั้งหมดมันเหลือเชื่อมาก ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยครับ”
แม้ว่าเขาจะเคยทำงานโมชั่นแคปเจอร์ในภาพยนตร์เรื่อง “The Adventures of Tintin” และ “The BFG” สปีลเบิร์กก็ยังพบความแปลกใหม่ในภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” ที่มีการใช้เทคโนโลยีวีอาร์สุดล้ำสมัยมากำกับบรรยากาศเสมือนจริง การสวมวีอาร์บนศีรษะทำให้เขาสามารถมองเห็นฉากดิจิตอลทั้งหมดได้ หยุดนักแสดงในร่างอวาตารของพวกเขาและวางแผนการถ่ายทำได้
เขาเล่ารายละเอียดว่า “ทุกฉากที่โอเอซิสเป็นภาพเสมือนจริง ฉะนั้นพวกเขาสร้างอวาตารขึ้นมา เพื่อให้ผมได้เดินเข้าไปในอวกาศได้เห็นฉากจริงๆ พอผมรู้ว่าจะถ่ายทำแต่ละฉากแบบไหน ผมจะขอให้นักแสดงสวมแว่นเพื่อให้พวกเขาได้ความรู้สึกแบบที่อยู่ในบรรยากาศนั้น ไม่งั้นจะเหมือนเราแสดงในห้องสีขาวที่มีกองกล้องดิจิตอลส่องมาที่เราแค่นั้น มันดูน่าสับสนสำหรับนักแสดงหรือผู้กำกับฯ ที่จะเดินเข้าฉากโล่งๆ และพยายามนึกภาพว่าตรงนั้นมีอะไรบ้าง พอสวมแว่นมันทำให้เราไม่ต้องนึกภาพอะไรเลย เราแค่ต้องจำว่ามันเป็นแบบไหนเวลาที่เรากลับสู่การแสดงโมชั่นแคปเจอร์”
สปีลเบิร์กยังมีการใช้สายผูกกล้องที่ทำขึ้นมาพิเศษสำหรับเขา โดยคลินท์ สปิลเลอร์ส ผู้ควบคุมฉากโมชั่นแปคเจอร์ เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับฯ ในภาพยนตร์โมแคปทั้งสองเรื่องมาแล้ว เขามีข้อมูลว่าสปีลเบิร์กชอบหรือไม่ชอบอะไรในโปรเจ็กต์เหล่านั้น สปิลเลอร์สได้ปรึกษาวิศวกรด้านหุ่นยนต์ จิม คุนดิก แห่ง Digital Domain เพื่อพัฒนาและสร้างสายผูกกล้องแฮนด์เฮลด์ของจริงที่น้ำหนักเบาและออกแบบมาอย่างเป็นมิตร เพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยจอขนาดเล็กของมันเองเพื่อดูการเรนเดอร์อุปกรณ์เกมในเวลาจริง “สตีเฟนสามารถทำงานผ่านเลนส์ได้อย่างรวดเร็ว หรือปรับมุมของเขาได้ด้วยการกดปุ่ม นี่เป็นสายอุปกรณ์กล้องที่ฉลาดสุดเท่าที่เคยออกแบบมาแล้วครับ” สปิลเลอร์สเล่าพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อสปีลเบิร์กได้การทำงานอย่างที่เขาต้องการแล้ว เขาจะเข้าไปในเตนท์ V-Cam เพื่อดูฉากต่างๆ บนหลายจอ เขาสามารถวางแผนการถ่ายทำและจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับกล้องได้ ซึ่งในฉากธรรมดาต้องอาศัยการถ่ายทำหลายเทค
ข้อมูลโมชั่นแคปเจอร์และฟุตเทจจากกล้องที่ติดบนศีรษะทั้งหมดจะถูกส่งไปที่ ILM เพื่อสร้างแอนิเมชั่นรอบสุดท้ายและเรนเดอร์แต่ละตัวละครออกมา ILM ได้รับรางวัล Oscar ด้านระบบจับภาพใบหน้าและคัดลือกทุกรายละเอียดในการแสดงของนักแสดงได้ โคเฟอร์เล่าว่า “การเรนเดอร์และเอฟเฟ็กต์ขั้นสูงต่างๆ ที่เรารับผิดชอบในหนังเรื่องนี้ ถ้าสตีเฟนไม่มีอารมณ์เชื่อมโยงกับตัวละครที่อยู่บนหน้าจอ มันจะใช้ไม่ได้เลยสำหรับเขา มันเลยเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีสำหรับเราในการรักษาความสมบูรณ์แบบในการทำงานอย่างสร้างสรรค์ เราไม่สนใจเรื่องการออกแบบการแสดงขึ้นมาใหม่ เราอยากถ่ายทอดสิ่งสำคัญลงไปในร่างอวาตารของพวกเขามากกว่า”
สำหรับการอยู่ที่โอเอซิส โดยเฉพาะในช่วงฉากต่อสู้สำคัญ ILM ได้พัฒนาระบบการสร้างกลุ่มคนขึ้นมา ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถผลิตตัวละครดิจิตอลขึ้นมาได้นับพัน

โลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ

ILM ยังรับหน้าที่ด้านการสร้างโลกเสมือนจริงของโอเอซิสที่ออกแบบโดยอดัม สต็อคฮาวเซน ให้ออกมาสมจริงอีกด้วย เขาเล่าว่า “ประเด็นสำคัญในการออกแบบโอเอซิสขึ้นมาจากการเริ่มต้นด้วยแผ่นกระดาษโล่งๆ มันเริ่มต้นจากจินตนาการ ฉะนั้นยังไงต่อ? เราอยากให้มันออกมาเป็นแบบไหน? เราอยากให้อวกาศดูสอดคล้องกับเรื่องราวและตัวละคร แต่ยังมีความสมจริงแม้ว่าจะไม่ได้มีการอิงจากความเป็นจริงสักนิด?”
แต่อย่างไรก็ตามโรเจอร์ กูเยตต์เล่าว่า “เราอยากให้มันรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่จริง และสุดท้ายเราก็ทำให้มันดูสมจริงยิ่งกว่า มันเลยได้ภาพที่ออกมาดูดีกว่าที่เราคาดไว้แต่แรก”
แสงคือองค์ประกอบสำคัญในการทำให้เอ็ฟเฟ็กต์นั้นสมบูรณ์ กราดี้ โคเฟอร์ เล่าว่า “สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากต่อสตีเว่น คือเราจัดแสงในโอเอซิสแบบไลฟ์แอคชั่น เราจึงสวมบทบาทผู้กำกับภาพและศึกษาผลงานดีๆ ที่จานัส คามินสกี้ได้สร้างไว้ตลอดช่วงหลายปี เราตั้งใจสร้างฉากที่มีแสงอย่างในภาพยนตร์ขึ้นมา เพื่อเน้นที่การแสดงหรืออารมณ์ของฉากต่างๆ”
กูเยตต์เล่าเสริมว่า “จานัสทำหน้าที่หลายอย่างและเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานของเรา ซึ่งเรามีความสุขมากครับ แต่เหนือยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดสตีเฟนคือพลังขับเคลื่อน เขาใส่ใจเรื่องแสง ความคมชัดและสีสันมาก เขาคือผู้สร้างภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบครับ”
ความท้าทายแรกในการแข่งขัน 3 ด่านของฮัลลิเดย์เพื่อการครองโอเอซิส คือการแข่งขันที่โหดเหี้ยมดุเดือดในนิวยอร์คเสมือนจริงพร้อมสิ่งต่างๆ ที่มีความอันตราย รวมถึงบางอย่างที่ได้แรงบันดาลใจจากกระแสความฮิตที่โผล่ขึ้นมาตลอดทาง มีความท้าทายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแตกต่างกันไปในการออกแบบและทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ “มันเหมือนนิวยอร์คซิตี้และมันก็เหมือนจะไม่ใช่” สตอคฮาวเซนกล่าว “หลายอย่างเชื่อมโยงกันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เรามีสะพานแมนฮัตตันเชื่อมกับเกาะลิเบอร์ตี้ และหมุนเป็นเกลียวเหมือนเครื่องเล่นคาร์นิวัล ถนนหนทางเคลื่อนที่สับปลี่ยน และทุกอย่างเหมือนเครื่องเล่นพินบอลขนาดใหญ่ของเมือง”
“ฉากการแข่งขันมีความซับซ้อนมากครับ” เดวิด เชิร์คกล่าว “ความซับซ้อนทั้งการถ่ายทำ รายละเอียด ผลกระทบ การตัดต่อ… มันต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อการถ่ายทอดสู่จอภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าตื่นเต้น แต่เรายังติดตามมันได้ทันอยู่ ผมคิดว่าข้อด้อยอย่างเดียวของฉากการแข่งขันคือความรวดเร็ว ซึ่งผู้ชมจะไม่ทันเห็นรายละเอียดที่น่าทึ่งของยานพาหนะบางส่วนได้”
เมื่อพาหนะทั้งหมดของอาร์ทิมิสอยู่ในการแข่งขัน พาร์ซิวอลจึงพาเธอไปยังอู่ของเอชเพื่อทำการซ่อมแซม สำหรับแฟนๆ ที่มีไหวพริบในห้องเครื่องจะมีทั้งงานเลี้ยงฉลองไข่อีสเตอร์ รวมถึงพาหนะที่โดดเด่นจำนวนมาก เรือที่มาจากหนังไซไฟแห่งความทรงจำอีกหลายลำที่ปรากฎอยู่ลาๆ ในอู่ ล้วนเป็นตัวะครหลักจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่น่าชื่นชมเรื่อง “The Iron Giant”
เดทแรกของพาร์ซิวอลกับอาร์ทิมิสเกิดขึ้นที่ The Distracted Globe ไนท์คลับชั้นเลิศที่โอเอซิส มีฟลอร์เต้นรำต้านแรงโน้มถ่วงที่ไม่เหมือนฟลอร์เลยสักนิด สำหรับการทำให้ตัวละครลอยได้ เชอร์ริแดนและคูกจะโดนเชือกยกไว้ระหว่างการถ่ายทำบนเวที แต่สำหรับการเคลื่อนไหวที่พลิกหมุนซับซ้อน พวกเขามีนักแสดงแทนเป็นแดนเซอร์มืออาชีพและนักแสดงทราพีซที่ต้องถูกเชือกรัดไว้ไม่ต่างกัน
สำหรับฉากในคลับ คาเซีย วาลิคก้า ไมโมน จัดให้อาร์ทิมิสสวมเดรสสีแดงมีรายละเอียดอย่างที่เธอเล่าให้ฟังว่า “มีการสื่อถึงสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ครั้งแรกที่เราเห็นเธอ เธออยู่ในชุดนักแข่งที่มันเงา แต่ที่ลับเธอดูมีความเป็นผู้หญิงมาก เราสร้างศัพท์ใหม่ขึ้นมาสำหรับเครื่องแต่งกายของเธอ มันได้แรงบันดาลใจมาจากฉากพังค์ร็อคยุค 80 และเทรนด์ที่เห็นปัจจุบันทั่วไป เวลาที่เราได้องค์ประกอบที่เหมาะสมก็จะได้ความแปลกใหม่ขึ้นมา นั่นคือที่มาของสีสันในลุคของอาร์ทิมิสค่ะ”
สำหรับผู้ที่ต้องการคู่เดือดมาเต้นรำด้วย ที่นั่นจะมี Planet Doom ที่สตอคฮาวเซนอธิบายไว้ว่า “เป็นโซนสำหรับการต่อสู้ระหว่างผู้เล่น ทุกอย่างฟรีทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงโดยมีการต่อสู้ต่างๆ เกิดขึ้น” ผู้เล่นเกมสายโหดสามารถสร้างเหรียญพิเศษ สะสมของและพลังที่เพิ่มขึ้นได้
สิ่งที่อยู่ในโอเอซิสยังมีบทสรุปของนิตยสารจำนวนมากของฮัลลิเดย์ ซึ่งล้วนเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลสำคัญให้เหล่ากันเตอร์สและอูโลจิสต์ของไอโอไอ ทั้งหมดถูกบรรจุให้อยู่ในห้องสมุดสุดล้ำสมัย มีการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากห้องสมุดใน “The Breakfast Club”
ของสะสมได้รับการดูแลจากหัวหน้าผู้ดูแลที่ค่อนข้างเป็นคนเผด็จการ ซึ่งได้แบบอย่างมาจาก อาร์เธอร์ ทรีเชอร์ นักแสดงชายผู้ล่วงลับไปแล้ว ชื่อของเขามีความหมายพ้องกับพ่อบ้านชาวอังกฤษ นิตรสารมีการนำเสนอในหลายส่วนทั้งจากโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความจริง โดยช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตของฮัลลิเดย์มีการถ่ายทอดซ้ำในรูปแบบไลฟ์แอคชั่น 3 มิติในโลกดิจิตอล

โลกแห่งความจริง

ผู้สร้างภาพยนตร์ได้อาศัยเทคนิคต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างภาพในโลกเสมือนจริงกับโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อการแสดงย้ายจากโอเอซิสไปที่โลกแห่งความจริง สปีลเบิร์กต้องเปลี่ยนจากการถ่ายทำระบบดิจิตอลไปถ่ายทำด้วยระบบฟิล์ม โดยร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับ จานัส คามินสกี้ ตากล้อง
มาคอสโก้ ครีเกอร์ เล่าว่า “สตีเฟนและจัสอยากให้โลกแห่งความจริงดูหยาบหน่อย เพื่อให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มกับความแวววาวกว่าของโอเอซิส จานัสจึงมีส่วนช่วยในการกำหนดนิยามให้โลกแห่งความจริง”
นอกจากนั้นแล้วสตอคฮาวเซนยังใช้การเพิ่มหรือลดสีสันมาช่วยอธิบายมากขึ้น โดยเขาเล่ารายละเอียดว่า “ที่โอเอซิสจะมีสีสันที่เข้มข้น ส่วนโลกแห่งความจริงจะดูแห้งแล้งแทบไม่มีสีสันที่สดใสเลย ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือ”
มีข้อยกเว้นอย่างหนึ่งคือเรื่องกราฟฟิตี้ที่สตอคฮาวเซนเล่าว่า “ใช้สำหรับหลายจุดประสงค์ ตัวละครของเรามีตัวตนอยู่ในโลกทั้งสองใบ เรารู้สึกว่ากราฟฟิตี้มีการสื่อถึงโอเอซิสที่ปลดปล่อยบางอย่างที่อยู่ในตัวพวกเขาออกมา แทนที่จะเป็นการแท็กชื่อตัวองหรือแท็กชื่ออวาตารไว้ในชีวิตจริงของตัวเอง ภาพกราฟฟิตี้ยังสื่อถึงการคัดค้านไอโอไอและเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านอีกด้วย”
“Ready Player One” เปิดฉากที่เดอะ สแตคส์ ที่จอดรถเทรลเลอร์ที่เวด วัตตส์ เรียกว่าบ้านด้วยความฝืนใจ สตอคฮาวเซนเล่าว่าที่มาของชื่อนั้นสื่อเห็นได้อย่างชัดเจน “รถเทรลเลอร์จะถูกเรียงขึ้นไปเหมือนการก่อสร้างสไตล์เจนก้า เป็นสภาพแวดล้อมที่ดูแออัด แต่เหมือนบ้านเคลื่อนที่แทนอพาร์ทเมนท์”
ทีมของสตอคฮาวเซนได้สร้างส่วนของเดอะ สแตคส์ไว้ที่โรงถ่าย Leavesden “เราเริ่มจากรวมแหล่งข้อมูลรถบ้านเคลื่อนที่ 60 คันหรือพวกคาราวานอย่างที่เรียกกันในอังกฤษ ผมร่วมงนกับสจ๊วต โรส ผู้กำกับศิลป์อาวุโสของเรา เพื่อดูว่าจะเรียงพวกมันได้ยังไง มีการใช้เหล็กขนาดใหญ่เพื่อพยุงทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นจึงมีการเรียงขึ้นไปเป็นชั้น มันเหมือนกับการเล่นเกมก่อสร้างฉากเลยครับ” เขายิ้ม
“ความท้าทายของการสร้างฉากเดอะ สแตคส์คือมันต้องดูไม่ใช่บ้านที่ถูกวางแผนมาอย่างปลอดภัยรอบคอบโดยสถาปนิก” สตอคฮาวเซนเล่าต่อว่า “ไอเดียคือมันต้องเริ่มจากบนพื้นและสูงขึ้นไปแบบไม่ตั้งใจ ส่วนที่ยากสุดคือต้องแน่ใจว่าโครงสร้างปลอดภัย ขณะที่เราต้องทำให้มันดูเหมือนมันโคลงเคลง ไร้ทิศทาง และไม่ปลอดภัยสุดๆ มันเลยต้องอาศัยทริคนิดหน่อย แต่มันก็สนุกดีครับ”
บนหน้าจอเดอะ สแตคส์จะดูยืดขยายกว้างไกลสุดสายตา แต่มีเพียงฉากส่วนหนึ่งเท่านั้นที่สร้างขึ้นมาจริงๆ ทีมจาก The Digital Domain ที่นำโดยผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ แมทธิว บัตเลอร์ รับหน้าที่ขยายภาพในเจ็กต์ที่ไม่เหมือนใครให้ไกลสุดขอบฟ้า
การระเบิดที่เกิดขึ้นที่เดอะ สแตคส์ได้รับการควบคุมอย่างรัดกุมโดยทีมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ นำโดย ผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ นีล คอร์โบลด์ ที่ควบคุมฉากเดียวให้ออกมาถูกต้อง “มีชนวน 28 ชนวนที่ถูกตั้งเวลาให้ระเบิดใน 5 วินาที ต้องมีการสร้างกองไฟขนาดใหญ่และเศษซากจำนวนมากขึ้นมา” เขากล่าว แล้วทุกอย่างก็พังทลายลง เราต้องทดสอบหลายครั้งเพื่อความปลอดภัยติดตั้งระบบฉีดน้ำด้วย หลังจากที่ทุกอย่างโดนเผาหมดแล้ว เราจะได้เปิดสวิตช์ฉีดน้ำได้” หลังจากนั้น Digital Domain จะทำได้การระเบิดดูรุนแรงมากขึ้นและทำลายสิ่งก่อสร้างทั้งหมด
ด้านนอกของเดอะ สแตคส์จะเต็มไปด้วยกองรถที่เป็นเศษซากขนาดใหญ่ ซึ่งมีการรวมกันไว้ที่ Leavesden “เรารวมรถเก่าเอาไว้และเริ่มเรียงมันขึ้นไปจนกระทั่งออกมาดูดี” สตอคฮาวเซนเล่าว่า “จากนั้นเราจะกลับเข้ามาดูให้แน่ใจว่ามันปลอดภัยดี เราติดตั้งโครงเหล็กเพื่อประคองทุกอย่างเอาไว้ และเพื่อให้แน่ใจว่ารถจะไม่ตกลงมาทับกันหรือที่สำคัญคือทับใคร เราอยากให้มันดูไม่ปลอดภัยแต่จริงๆ แล้วต้องปลอดภัย”
ในกลางกองขยะนั้น เวดได้แปลงสภาพรถตู้คันเก่าให้กลายเป็นที่ซ่อนตัวอย่างสงบ เขาเก็บสมบัติส่วนตัวที่สำคัญเอาไว้ในนั้น “เขาปรับเปลี่ยนสภาพข้างในให้ดูเหมือนรถแวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งสะสมหลายปีเกี่ยวกับฮีโร่ของเขา เจมส์ ฮัลลิเดย์และ ออกเดน มอร์โรว” สปีลเบิร์กกล่าว
สำหรับการแต่งตัวของเวด วาลิคก้า ไมโมน ให้ความเห็นว่า “เขามีเงินไม่มากนัก เราจึงทำให้เขาดูไม่สะดุดตาเท่าไหร่ เขาสวมเสื้อทีเชิ้ตที่มีดีไซน์ในแบบของเขาเอง ลายตะแกรงที่พิมพ์บนเสื้อสะท้อนถึงความหลงใหลในการขแงขันของฮัลลิเดย์ และเสื้อผ้าของเขาก็อ้างอิงมาจากยุค 80 ด้วย”
เจมส์ ฮัลลิเดย์ก็เลือกให้ทีเชิ้ตสื่อถึงความนิยมในยุค 80 รวมถึงวง Rush และวีดีโอเกมคลาสสิค รวมถึงแจ็คเก็ตสีฟ้าที่วาลิคก้า ไมโมนเล่าว่า “มีความคลาสสิคมากพอที่จะปรากฎได้ในอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้า มาร์ครับบทตัวละครที่ทำตัวชอบหมกมุ่น ฉะนั้นเราจะใส่รายละเอียดเดิมๆ เข้าไปในการตีความหมายที่ต่างกัน เขารวยมากแต่ก็มีเสื้อผ้าเพียง 5 แบบในตู้” เธอหัวเราะ
วาลิคก้า ไมโมนเล่าว่าขณะที่เธอออกแบบเครื่องแต่งกายที่สะท้อนถึงยุค 1980 มันต้องดูไม่เป็นการลอกเลียนแบบเป๊ะจนเกินไป “เรารู้ว่าทุกยุคสมัยจะมีการพัฒนาเทรนด์ของตัวเองขึ้นมา ในยุค 80 ก็มีลักษณะเฉพาะของมันเอง แต่ในทุกยุคก็จะหวนกลับมา มีการผลิตขึ้นมาใหม่ ความนิยมในยุค 80 อย่างที่อธิบายในหนังสือคือมีพลังมาก แต่ถึงอย่างไรมันก็มีรูปแบบตามยุคสมัยของมัน เราต้องศึกษาข้อมูลกันเยอะมากและรวมสไตล์ยุค 80 ไว้อย่างที่ฉันพิจารณาแล้วว่ามันยังคงวนเวียนในช่วง 30 ปีและได้สร้างรูปแบบแฟชั่นของเราเองขึ้นมา”
เธอได้ขยายไปถึงสมาชิกที่เหลือของเดอะ ไฮไฟว์ เมื่อพวกเขาปรากฎตัวบนโลกแห่งความจริง แต่ต้องมั่นใจว่าพวกเขามีรสนิยมในแบบตัวเอง “สำหรับซาแมนธา” เธอเล่าว่า “เราอยากให้เสื้อผ้าของเธอต่างจากอาร์ทิมิสอย่างสิ้นเชิง เราเลยให้เธอสวมเสื้อหนาวตัวใหญ่ทับเสื้อทีเชิ้ต Joy Division สุดเท่และกางเกงยีนที่มีรอยขาด แจ็คเก็ตของโซมีความอินใน ‘The Breakfast Club’ และสิ่งที่แปะอยู่บนแจ็คเก็ตของเฮเลนสื่อถึงดนตรี ภาพยนตร์ ทีวี และความนิยมอื่นๆ ยกเว้นโทชิโรที่เสื้อผ้าจะดูคล้ายชุดกีฬาและเหมือนเทรนด์ในปัจจุบันบนท้องถนนญี่ปุ่น”
การออกแบบข้าวของเครื่องใช้ที่ไฮเทคเพื่อให้สอดคล้องกับโอเอซิสเกิดขึ้นจากสิ่งที่วาลิคก้า ไมโมนเรียกว่า “เป็นการรวบรวมความคิดของกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งรวมถึง (ผู้ควบคุมเครื่องแต่งกาย) แดน เกรซ, ที่ปรึกษาพิเศาด้านเครื่องแต่งกาย ปิแอร์ โบฮานนา และ ผู้ศึกษาข้อมูล ซูซาน กิลโบ นี่เป็นขั้นตอนที่น่าสนุกไปกับการทดลองและออกแบบอีก 30 ปีพวกอุปกรณ์เครื่องมือจะมีหน้าตาแบบไหน 30 บางอย่างก็ปรากฏอยู่แล้วในท้องตลาด นั่นคือจุดเริ่มต้นของเราค่ะ ส่วนที่เหลือนั้น…ก็ก้าวเกินความเชื่อของเราไปเลย”
การออกแบบที่มีการก้าวกระโดดสุดยังรวมถึงการออกแบบบูทสูท X1 สุดหรูอย่างที่โปรโมทเอาไว้ว่า “เหมือนกับผิวหนังชั้นที่ 2 ในโอเอซิส” วาลิคก้า ไมโมนยืนยันว่า “โดยหลักแล้วเราต้องการให้ไม่เห็นวัสดุ มันจะได้ดูเป็นการวางแผนควบคุมครั้งใหญ่จากทีมผู้อัจฉริยะของเราที่มารวมตัวกันแก้โจทย์ เราเริ่มจากไอเดียชุดซีทรู จากนั้นได้เพิ่มชั้นที่เป็นลายตะแกรงด้านล่างตรงลำตัวอย่างที่เห็นจากคอมพิวเตอร์ องค์ประกอบทั้งหมดจะอยู่ในชั้นนั้น สตีเว่น สปีลเบิร์กเล่าว่าชั้นที่อยู่ด้านล่างสร้างขึ้นมาจากอะตอม เพราะมันควรเป็นองค์ประกอบที่ได้มาจากการเชื่อมโยงกับผิวหนังโดยตร ฉะนั้นจึงเป็นอะตอมเล็กๆ . สิ่งที่ปกคลุมตัวจะเหมือนมีการเดินสายไฟและต้องมองเห็นได้แบบโปร่งใส นั่นคือที่มาของการสร้างบูทสูทขอเวด ส่วนชุดของซอร์เรนโตได้แรงบันดาลใจมาจากความงดงามของการออกแบบสินค้าหรูหรา
“การออกแบบเครื่องแต่งกายทั้งหมด” เธอเล่าต่อว่า “มาจากการแลกเปลี่ยนความเห็นกันว่าอนาคตอันใกล้น่าจะมีหน้าตาแบบไหน ซึ่งอิงจากหนังสือและมีการค้นข้อมูลเพิ่มเติมในนวัตกรรมเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน รวมถึงด้านแฟนชั่นด้วย ”
ยังไม่ได้กล่าวถึงที่เขาเป็นผู้นำทีม บูธสูทและอุปกรณ์ทั้งหมดจำหน่ายโดยไอโอไอ ผู้มีอิทธิพลต่อโคลัมบัส โอไอโอ มีเส้นขอบฟ้าเป็นตัวแบ่งความแตกต่างกับสแตคส์
ด้านในของไอโอไอสร้างขึ้นที่โรงถ่าย Leavesden รวมถึง Loyalty Center ห้องปะลองสงครามเดอะ ซิกเซอร์ส และออฟฟิศอันโอ่โถงของโนแลน ซอร์เรนโต ส่วนสำคัญในออฟฟิศของซอร์เรนโตคือบัลลังก์ขนาดยักษ์ ที่มีรูปร่างเหมือนครึ่งวงกลมที่สามารถควบคุมอะไรได้หลายอย่างเพียงปลายนิ้ว ด้วยความสะดวกสบายบนเก้าอี้ ทำให้เขาทำอะไรได้มากกว่าการเข้าถึงโอเอซิส เพราะเขาสามารถคว้าโอเอซิสเป็นของตัวเองได้ อย่างน้อยก็ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ในฉากสำคัญที่มีการบรรจบกันระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกเสมือนจริง ซอร์เรนโตได้เชิญพาร์ซิวอลมาสู่การประชุม จากนั้นได้พาเขาไปที่ออฟฟิศด้วยรูปแบบโฮโลแกรม ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์จาก Digital Domain แมทธิว บัตเลอร์ อธิบายว่า “เรามีการแสดงให้เห็นร่างอวาตารของเวดในโลกแห่งงความจริง เราต้องทำให้สอดคล้องกับการออกแบบของ ILM ที่ออกแบบตัวละครระหว่างที่มีการแสดงภาพโฮโลกราฟฟิค เราทุกคนเห็นภาพโฮโลแกรมและนั่นคือสิ่งที่คาดหวังว่ามันจะดูเป็นแบบไหน ในฐานะผู้สร้างวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เราไม่อยากให้มันดูลอกเลียนแบบจากอะไรมา แต่ขณะเดียวกันเราก็อยากให้ผู้ชมนึกออกว่ามันคืออะไร การสร้างความแปลกใหม่คือสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ผมดีใจมากกับสิ่งที่ได้”
ในฐานะของผู้กำกับฯ “Digital Domain ได้สร้างเอ็ฟเฟ็กต์ได้ยอดเยี่ยมที่สุดในภาพยนตร์ทุกเรื่อง” สปีลเบิร์กยืนยันว่า “ผลงานที่เขาสร้างโฮโลแกรมขึ้นมามันน่าทึ่งมากครับ แถมยังสร้างความสำเร็จได้มากกว่านั้น”
ฉากออฟฟิศของซอร์เรนโตจะอยู่บนเสาที่ถูกยกสูงขึ้นมา และมีผนังกระจกที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เขาจึงมองเห็นห้องการปะลองสงครามขนาดยักษ์ ควบคุมโดยกลุ่มซิกเซอร์สในเครื่องแบบ โดยแต่ละคนจะถูกเชื่อมเข้ากับเชือกส่วนตัว พวกเขาทำงานกันเป็นกะทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง พยายามเอาชนนะการแข่งขันและครอบครองไข่ให้ได้ ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเลย
เชือกของเดอะ ซิกเซอร์ออกแบบโดยคอร์โบลด์ เขาเล่าว่า “การพัฒนาหลายอย่างต่อยอดจากการออกแบบและสิ่งก่อสร้างในช่วงแรก เมื่อทุกคนพอใจกับโมเดล ก็ยิ่งต้องทำให้มันเพิ่มขึ้นอีก 80 เท่า”
จากนั้นเป็นหน้าที่ของ Digital Domain ที่ต้องเพิ่มจำนวนเชือกอีกนับร้อย บัตเลอร์ยืนยันว่า “ห้องปะลองสงครามเป็นห้องเดียวที่ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่มันต้องมีความยิ่งใหญ่ การทำให้มันมีขนาดที่ดูเหมาะสม เราต้องสร้างห้องในเวอร์ชั่นจำลองขึ้นมา แต่เราจะให้มีแค่ห้องไม่ได้ เราต้องมีผู้คนอยู่ในนั้นด้วย นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เราถ่ายทำด้วยโมชั่นแคปเจอร์สำหรับโลกแห่งความจริง ต่างจากโมชั่นแคปเจอร์ของโอเอซิส”
Digital Domain ยังควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของฉากอื่นทั้งหมดในโลกแห่งความจริงด้วย รวมถึงการใช้โดรนสำหรับฉากโคลสอัพของเวดที่เขาต้องเข้าสู่โอเอซิสอย่างกระทันหัน
สำหรับภายในกองบัญชาการของไอโอไอคือ Loyalty Center ประกอบด้วยแถวของห้องโลหะขนาดเล็กที่ยาวอย่างไม่มีสิ้นสุด แต่ละห้องจะเก็บอุปกรณ์ให้คนของไอโอไอสวมใส่ ซึ่งพวกเขาต้องเข้าระบบเพื่อทำงานใช้หนี้ด้วยการใช้แรงงานอย่างหนักในโอเอซิส แซค เพนน์เล่าว่า “Loyalty Center เหมือนห้องขังของลูกหนี้ที่ดูมีเงื่อนงำ กลไกของมันคือจะรวมทั้งการลงโทษเราด้วยเชือก การเข้าสู่ระบบและทุกอย่าง ฉะนั้นเราไม่มีทางหลุดจากการเป็นหนี้ได้เลย เมื่อเราเข้าไปแล้วส่วนใหญ่เราจะไม่ได้ออกมา”
นอกจาก Leavesden แล้ว การถ่ายทำยังใช้สถานที่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ตึกอาคารที่เป็นจุดเด่นซึ่งเคยเป็นโรงงาน Typhoo Tea factory ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยสตอคฮาวเซนและทีมงานของเขา ที่เนรมิตให้เป็นเซฟเฮาส์ของผู้ต่อต้าน The Jewellery Quarter ที่ใจกลางเมืองได้กลายเป็นฉากหลังของการขับรถไล่ล่ากันอย่างดุเดือด รวมถึงซอร์เรนโตและฟีแนลที่อยุ่ในรถหุ้มเกราของไอโอไอ และเดอะ ไฮไฟว์ที่อยู่ในรถไปรษณีย์ที่ถูกแปลงสภาพของเฮเลน ซึ่งคล้ายกันกับเวดที่เธอมีอุปกรณ์ครบครันอยู่หลังรถพร้อมอุปกรณ์ระบบแฮปติค… แม้ว่ารถตู้ของเฮเลนจะเคลื่อนที่ก็ตาม
สถานที่อื่นๆ ยังรวมถึงห้องโถงของโรงเรียน Holland Park School ทางตะวันตกขงลออนดอนที่กลายเป็น IOI Oology Department และ Sun Park ในเซอร์รีย์ ที่กลายเป็นโฮมออฟฟิศของ Gregarious Games ด้านนอกของไอโอไอก็พบเห็นได้ในลอนดอน

ออกจากระบบ

เมื่อกองถ่าย “Ready Player One” ถึงช่วงปิดกล้อง ขั้นตอนทำงานหลังการถ่ายทำที่ยากลำบากก็ได้เริ่มขึ้น ทีมงาน ILM และ Digital Domain ที่อยู่ทั่วโลกต้องสร้างวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่มีความซับซ้อนให้ได้ระดับความพอใจของสปีลเบิร์ก ผู้กำกับได้ตัดภาพยนตร์ร่วมกับผู้ลำดับภาพที่ร่วมงานกันมานานของเขา ไมเคิล คาห์น พร้อมด้วยผู้ลำดับภาพ ซาราห์ โบรชาร์
องค์ประกอบที่สร้างความงดงามสุดท้ายคือเพลงประกอบภาพยนตร์โดยอลัน ซิลเวสทรี ภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 5 ระหว่างนักประพันธ์ดนตรีกับสปีลเบิร์กในฐานะผู้อำนวยการสร้างฯ รวมถึงภาพยนตร์ไตรภาคที่มีความเป็นต้นฉบับอย่างเรื่อง “Back to the Future” อีกด้วย อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งรแกที่พวกเขาร่วมงานกันโดยมีสปีลเบิร์กเป็นผู้กำกับฯ
พร้อมด้วยจอห์น วิลเลียมส์ที่ประพันธ์ดนตรีอย่างยากลำบากให้ผลงานของสปีลเบิร์กเรื่อง “The Post” ผู้กำกับฯ เล่าว่า “ผมจำได้ที่ตัวเองคิดว่า ‘จากผู้ประพันธ์ดนตรีทั้งหมด ใครกันที่มีเซนส์ของยุค 80 และมีองค์ประกอบทางดนตรีที่จะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเสียงเพลงตั้งแต่ต้นจนจบได้บ้าง? และผู้ประพันธ์ดนตรีเพียงคนเดียวที่ผมรู้จักนอกจากจอห์นนี่ที่สามารถถ่ายทอดทุกอย่างได้คืออลัน ผมรู้สึกโชคดีที่เขาพอมีโอกาสให้บ้าง ซึ่งมันมากพอที่เขาจะมาร่วมงานในหนังขอเงรา และเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เขาสร้างขึ้นมาก็ยอดเยี่ยมมาก!”
ซิลเวสทรียืนยันว่า “ผมไม่เคยอยู่ตรงนั้นโดยมีสตีเฟนเป็นผู้กำกับฯ จากการคุยกันครั้งแรกๆ เขาชวนให้ผมมาร่วมงานด้วยและเป็นการร่วมงานกันที่เหลือเชื่อมาก มันน่าตื่นเต้นมากครับ สตีเฟนรักเสียงดนตรีและใส่ใจเรื่องพลังของมันมากว่ามันทำอะไรได้หรือไม่ได้”
“ในหนังมีบางส่วนที่เป็นดนตรีเกี่ยวกับไข่อีสเตอร์ด้วย” สปีลเบิร์กเปิดเผย “แต่ดนตรีของอลันมีความสร้างสรรค์และชวนหลงใหล มันมีการผสมผสานประเด็นที่หลากหลายทั้งเนื้อเรื่องและตัวละคร นั่นเป็นการรวมตัวกันอย่างน่าทึ่งระหว่างดนตรีและภาพยนตร์ ดนตรีของเขาเต็มไปด้วยความเร้าใจที่ทำให้ ‘Ready Player One’ พุ่งทะยานขึ้นไปได้”
ผู้กำกับฯ กล่าวสรุปว่า “ผมอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังผจญภัยในแบบนั้น… เป็นการสร้างหนังขึ้นมาด้วยความเร็วในระดับทำให้ผมของคุณต้องพัดไปด้านหลังเมื่อต้องเข้าแข่งขันสู่อนาคต”

Ready Player One – สงครามเกมคนอัจฉริยะ #ReadyPlayerOne 
เข้าฉาย 29 มีนาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์ 
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ReadyPlayerOneMovieThailand