ถูกยกให้เป็นหนึ่งคุณพ่อที่ยังหล่อแซ่บไม่เปลี่ยนสำหรับจอนนี่ แอนโฟเน ที่วันนี้มาเผยถึงอาการเวทหนักจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล พร้อมควงลูกๆ มาออกสื่อ เพราะลูกๆ เก็บตัวหนักมาก เผยสาเหตุที่ไม่มีใครยอมเข้าวงการบันเทิง และยังเล่าถึงความหวงลูกสาสของคุณพ่อ พร้อมพูดถึงเรื่องฟ้องร้อง ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร


เพิ่งเข้าโรงพยาบาลมา?
จอนนี่ : ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะว่ากระดิกตัวไม่ได้ กระดูกหลังร้าว แล้วก็หมอนรองฉีก มาจากเล่นเวท เทรนเนอร์ผมเพลิน ก็อัดปรากฎว่ากระดูกสันหลังลั่นเลย ยังไม่ผ่าตัดหมดรอดูอาการสัก 2 เดือน ตอนนี้หมอฉีดยาชาเข้าไปในไขสันหลังเพื่อให้ร่างกายมันดูแลตัวเองก่อน เราจะลดความบ้าคลั่งลง

ลูก 3 แล้วทำไมต้องบ้าคลั่งขนาดนี้?
จอนนี่ : ผมเป็นเหมือนพี่ตูนกระดูกคอทับเส้นประสาท หมอจะผ่าอย่างเดียวเราไม่ผ่า หมอบอกงั้นต้องไปสร้างกล้ามเนื้อคอเราเล่นไปเทรนด์ เล่นไปเล่นมาก็มันส์ เล่นไปหลัง

ลูกยังเด็กไหมในสายตาพ่อ?
จอนนี่ : ก็ไม่เด็กแล้ว เขาก็มีแฟน ทำงาน ทำโปรเจ็กค์ของเขา เราไม่เคยไปเกาะเกี่ยวไว้เลย

ลูกสาวมีหนุ่มๆ มารุมจีบ?
จอนนี่ : ไม่เคยรู้เรื่อง มันก็ต้องดูฝั่งนั้นหน้าตาเป็นยังไง

เคยเห็นน้องๆ ตอนเด็กแล้วก็หายไปเลย เพราะอะไรรำคานวงการบันเทิงหรอ?
จอนนี่ : ผมว่าเขารำคานนะ ตอนเล็กๆ เราก็จะประสาทไปด้วย เขาไล่เลี่ยกัน 3 คน เราก็กระเตงข้างนึง ขี่คอบ้าง รถเข็นบ้าง คนก็จะมาเล่นกับเขา เขาก็จะปัด คนมายุ่งกับเขาเยอะมาก เหมือนเขาไม่ชอบ เขาเลยไม่อยากจะเข้าวงการ วันไหนจะไปกองถ่าย ถ่ายรายการเราชวน เขาก็ไม่ไป

ตอนนั้นเราบอกพ่อว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวในวงการ?
จีนส์ : เรามากกว่า ส่วนตัวคือจำตอนที่พ่อเล่าไม่ได้ แต่มันไม่ได้เอเนอร์จี้เราที่อยากพรีเซนต์อะไรต่อหน้าคนเยอะๆ เป็นคนที่ค่อนข้างอยู่ในมุมของตัวเอง
เจมส์ : ตอนเด็กเราได้ไปอยู่ในประสบการณ์นี้กับเขาเยอะแล้ว พอโตมาก็พอใจแล้ว สบายใจกับตรงนั้นแล้วไม่อยากได้แล้ว เลยอยากได้ความส่วนตัวมากกว่า

มีคนจะดึงไปเล่นละครก็ไม่เอา?
เจมส์ : แล้วแต่ค่าตัวครับ (หัวเราะ)
จอนนี่ : ตอนเล็กๆ คนนี้เป็นคนเดียวที่ยอมเล่น ในขณะที่2 สาวไม่เอาเลย

มีคุณพ่อคุณแม่เป็นซุปตาร์รู้สึกยังไง?
เจมส์ : ตอนแรกๆ ก็สนุกไปกับการที่มีคนสนใจ มีคนเข้ามาเล่นด้วย พอโตขึ้นมาเริ่มให้ค่าความเป็นส่วนตัวมากกว่า

รู้สึกยังไงลูกไม่อยากเอาทางด้านนี้เลย?
นก : เราสอนลูกตลอดว่าพ่อแม่เป็นอย่างนี้เราอยู่ได้เพราะคนดูนะ เขาเข้าใจแต่ว่าเราก็สงสารลูกเล็กๆ เขาจะโดนคนโน้นคนนี้ พอโตมาเป็นวัยรุ่นก็ต้องเคารพความที่เขาโตแล้ว เขาอยากมีชีวิตของเขา พี่โอเคมาก เขาอยู่เบื้องหลังพี่ก็โอเคไม่ต้องห่วงเยอะดี

หน้าตาลูกๆเล่นหนังเล่นละครได้สบาย?
นก : มันแล้วแต่ความชอบของเขา ชีวิตของเขา พี่ให้สิทธิลูกทุกอย่างชีวิตเป็นของลูก ไม่ได้เสียดายหรอก

อยากเล่นละครมั้ย?
จีนส์ : เวลาไปกองถ่ายกับแม่ เคยอยากเป็นตัวประกอบข้างหลัง แต่ไม่ได้เล่น ถ้าตอนนี้ก็น่าจะลอง

อยากไปเรียนต่อ ป.โทที่ลอนดอน?
จีนส์ : ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ติดโควิด ที่อยากไปเรียนลอนดอนเพราะเราอยากไปเรียนที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องภาพยนตร์ ตอนแรกอยากไปแคนาดาแต่พ่อแม่บอกมันไกลไป ที่ลอนดอนมีหลายคนช่วยกันดูแล

น้องเจมส์ทำไมเลือกอยู่บ้าน?
เจมส์ : ตอนที่น้องเรียนจบ ทำไมเราต้องอยู่ไทย พ่อแม่ก็บอกอ้าวก็ไม่ได้ขอไปต่างประเทศนิ ตอนแรกพอใจที่จะอยู่ไทยมากกว่า

มีหนุ่มต่างชาติจีบลูกสาว?
จีนส์ : ตอนนั้นกำลังเดินกลับบ้านจากที่เรียนที่ลอนดอน ติดสายคุณพ่อคุณแม่ คือจะคุยกันตลอด  ระหว่างทางมีคนมาถามทาง เราก็บอกทางเขา  เขาก็ถามไปเรื่อยขอชื่อขอเบอร์ ตอนนั้นเราก็วางสายพ่อไป ละโทรกลับไปใหม่ เขาก็ถามว่าเมื่อกี้ใครมาจีบ
จอนนี่ : เขาจะมีชื่อเรียกผมว่า เป็นพ่อที่โทรหาลูกมากที่สุดในโลก โทรจนลูกรำคาน ทุก 15 นาที ทุกชั่วโมง
จีนส์ : ความจริงก็ไม่รำคาน เพราะว่าบางทีเราเดินอยู่มันก็ไม่เหงาปาก

ฝรั่งคนนั้นที่มาจีบลูก ตอนนั้นหวงมั้ย?
จอนนี่ : อยากรู้มันมาแนวไหนมากกว่า ดูเป็นคนอันตรายมั้ย โรคจิตหรือปล่าว

หวงน้องมั้ย?
เจมส์ : รู้สึกไม่ค่อยต้องหวงเท่าไหร่ ถ้าน้องเข้าสังคมมากกว่านี้อาจจะหวง น้องเป็นคนหนีสังคมเอง หนีผู้ชายเอง เลยไม่ต้องหวง
จอนนี่ : ลูกพี่เป็นคนไม่เที่ยวเลยสักคน

เขาเป็นพี่ชายที่ดีมั้ย?
จีนส์ : ดีคะ แต่ว่าเขาเป็นคนโผงผางไม่เลือกคำ บางทีเราเซนซิทีฟ อยากให้เลือกคำน่าฟัง

พ่อแม่เป็นซุปเปอร์ตาร์ แต่เวลาอยู่บ้านเป็นยังไง?
เจมส์ : คุณแม่คือรู้เลยน้องสาวได้ความขี้บ่นจากใคร ไฟแล่บใช้ได้ เรานอนดึกคุณแม่จะห่วงสุขภาพ
จีนส์ : ไม่ค่อยทะเลาะ เวลาเขาสอนแล้วจีนส์รู้อยู่แล้ว เขาบอกเป็นแม่สอนไม่ได้หรอ
นก : พี่กับลูกจะเหมือนเพื่อน เลยคุยอะไรภาษาเพื่อน เราเป็นแม่จะมีความเซนซิทีฟ ลูกบอกเขาไม่ได้เถียงเลยหนูแค่บอก แต่แม่บอกเนี่ยเถียง ภาษาแม่ลูก

ใครมีแฟนบ้าง?
จอนนี่ : เจมส์มีแฟน จีนส์ไม่มีแฟน
จีนส์ : รู้สึกว่าไม่ได้เป็นคนซีเรียสกับเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นคนที่ต้องการ ไม่ได้รอว่าจะต้องมี ถ้ามันมีคนที่เข้ามาแล้วคุยกันได้ก็ค่อยคิดอีกที มีแนวโน้มฝรั่งมากกว่า ไม่เคยมีแฟนมากก่อน ตอนเด็กๆ น่าจะพ่อหวง แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในความคิดของเรา

ไม่เคยเห็นไปไหนเป็นครอบครัวพร้อมหน้า?
จอนนี่ : มันว่างไม่ตรงกัน เราจะไม่รอกัน รอนานๆ ที

บ้านนี้เวลางอนกันน้องจีนส์เป็นตัวกลาง?
จีนส์ : จีนส์พูดอะไรนึกถึงความรู้สึกคน เลยเข้ากับทุกคนได้มากที่สุด เวลามีอะไรก็จะบอกให้จีนส์ไปพูดมันเป็นคำพูดที่กรองมาแล้ว

มีเรื่องฟ้องร้องกัน?
จอนนี่ : ฟ้องร้องกัยหุ้นส่วนเก่า มีโควิดมันก็เลื่อนมา เป็นกระบวนการทางศาล อันนี้เป็นการละเมิดการใช้ใบหน้าเรา เราไม่เครียดแต่แปลกๆ เพราะชีวิตไม่เคย ปกติก็จะช่างมัน แต่ตอนนั้นใช้รูปเราบ่อย เราไม่อยากมานั่งทะเลาะเลยไปศาลละกัน

มีการเหน็บแนมว่าขายผลิตภัณฑ์แต่ไม่ดีจริง?

จอนนี่ : เท่าที่ผมได้อ่าน ว่าเราทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม แล้วผมขึ้น แต่บอกว่าที่ผมขึ้นเพราะไม่ใช่ตัวนี้ไปเห็นว่าไปปลูกผมมา ผมบอกว่าผมไม่เคยปิดบังเลย ตั้งแต่วันแนกที่มีการแถลงข่าวผมบอกว่าผมลองมาเกือบหมดทุกอันแล้ว ผมขอท้าวความตอนที่ผมไปบวชพอได้โกนแล้วก็เห็นว่ามันเถิกเข้ามา พอสึกมาเราก็ไปปรึกษาคนโน้นคนนี้ หลายคนก็ให้เซรั่มมา ละปรึกษาหมอด้วย แต่ที่บอกว่าไปเจอผมเนี่ยเอาจิงๆเลยนะเป็นคลินิกที่ผมไปทำเลเซอร์หน้า เขาก็ชวนผมปลูกผมมั้ย เขาก็บอกต้องกรีดเราไม่เอา เขาบอกมีเทคโนโลยีใหม่แล้วทำให้ฟรีไม่คิดตังเราก็โอเคทำไป ผมอาจจะเซลล์ไม่ได้ ปฏิบัติตัวไม่ดี ปรากฏว่ามันไม่ติด เราก็ควานหาต่อลองไปเรื่อย ก็ไปเจอละลองแล้วให้น้องๆ ลองด้วยละมันใช้ได้ผล น้องที่ให้ไปก็ได้ผล เราเลยรู้สึกว่าน่าทำขายก็เลยทำออกมา
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ ครอบครัว แอนโฟเน่

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ