·                แคมเปญแสดงถึงประสิทธิภาพและบริการที่น่าเชื่อถือของดีเอชแอล

·                หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้คือภาพยนตร์โฆษณาที่เผยแพร่ทั่วโลก ซึ่งเน้นความตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าเดิมของแบรนด์ดีเอชแอล

·                ดีเอชแอลเป็นลอจิสติกส์พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการของภาพยนตร์ No Time To Die

 

กรุงเทพประเทศไทย, 7 ตุลาคม 2564: ดีเอชแอลเปิดตัวแคมเปญใหม่เพื่อฉลองความร่วมมือที่มีมายาวนานกับภาพยนตร์เจมส์ บอนด์และโชว์จุดเด่นด้านบริการขนส่งที่เป็นเลิศ หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้คือภาพยนตร์โฆษณาที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องแฟรนไชส์ภาพยนตร์ซึ่งเป็นที่จดจำของคนทั่วโลก โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ที่ดีเอชแอลได้ให้บริการขนส่งและโซลูชั่นด้านลอจิสติกส์ต่างๆ สำหรับภาพยนตร์เจมส์ บอนด์

ดีเอชแอลภูมิใจที่ได้มอบการสนับสนุนด้านลอจิสติกส์สำหรับภาพยนตร์เจมส์ บอนด์มาถึง 5 ภาคด้วยกัน และสำหรับเบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์โฆษณาสุดยิ่งใหญ่ของดีเอชแอลนี้ เราได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทีมงานมืออาชีพระดับโลกของภาพยนตร์ No Time To Die เพื่อให้เจมส์ บอนด์มีชีวิตโลดแล่นบนโฆษณาของดีเอชแอล ในขณะเดียวกันเราก็ต้องแสดงให้เห็นความสามารถทางการแข่งขันของเราในแบบที่สนุกสนานและดึงดูดใจผู้ชมด้วย เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แสดงให้โลกเห็นว่าดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสสามารถนำประสบการณ์และความรู้ความชำนาญในแต่ละประเทศเพื่อรับมือกับความท้าทายในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างไร และเรายังคงเป็นลอจิสติกส์พาร์ทเนอร์ด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่ผู้ใช้บริการไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือมีความซับซ้อนเพียงใดก็ตาม” คุณเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าว

เพื่อให้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาที่เร้าใจและตื่นเต้นในระดับเดียวกับฉากขับรถไล่ล่าในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ การคัดเลือกทีมงานที่จะมาสร้างสรรค์ ดัดแปลง และผลิตภาพยนตร์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โฆษณาเรื่องนี้มีรถแอสตัน มาร์ติน DB5 เป็นจุดเด่น ซึ่งขับโดย เบน คอลลิน สตันท์ของตัวละครบอนด์ ผู้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ พีท ไวท์ ผู้ช่วยประสานงานด้านสตันท์ของภาพยนตร์ No Time To Die ภาพยนตร์โฆษณาของดีเอชแอลเรื่องนี้ถ่ายทำโดย อดัม เบิร์ก ไดเร็คเตอร์มือรางวัลแห่งสตูดิโอ Smuggler และยังได้ ไลนัส แซนด์เกรน แห่ง No Time To Die มาเป็นผู้กำกับภาพอีกด้วย แนวคิดของโฆษณามาจากการพัฒนาโดย 180 Amsterdam เอเจนซีหลักของดีเอชแอล

 

ภายใต้แคมเปญนี้ ดีเอชแอลได้เล่าเรื่องที่เพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจให้กับแบรนด์ โดยโฆษณาเปิดฉากขึ้นในเซี่ยงไฮ้ เมื่อเจ้าหน้าที่คูเรียร์รายหนึ่งของดีเอชแอลต้องออกไปส่งพัสดุสำคัญให้ เจมส์ บอนด์ แต่พอไปถึงจุดนัดพบปรากฎว่าการส่งมอบของมีอันต้องสะดุด เป็นสาเหตุให้มีการขับรถไล่ล่ากันตามมา และในขณะที่ 007 กำลังถูกเหล่าร้ายไล่ล่าไปตามท้องถนนนั้น เจ้าหน้าที่คูเรียร์​ของดีเอชแอลต้องหลบหลีกความชุลมุนวุ่นวาย เพื่อไปส่งของให้ถึงจุดหมายใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงผู้รับ โดยขนส่งอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

 

นอกจากภาพยนตร์โฆษณาที่ออกอากาศทางโทรทัศน์แล้ว แคมเปญนี้ยังออกอากาศทั่วโลกผ่านช่องทางดิจิทัล ทั้งในรูปแบบของแบนเนอร์โฆษณา วิดีโอ และสิ่งพิมพ์​ ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น เบื้องหลังการถ่ายทำ และภาพยนตร์โฆษณาฉบับเต็ม สามารถดูได้จากเว็บไซต์ NoTimeToDie.dhl

 

No Time To Die กำกับโดย แครี โจจิ ฟุกุนากะ และนำแสดงโดย แดเนียล เครก ผู้กลับมาเล่นภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ของเอียน เฟลมมิ่ง เป็นครั้งที่ และเป็นครั้งสุดท้าย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศไทยวันที่ ตุลาคม 2564 โดย Universal Pictures International เป็นผู้จัดจำหน่าย

เรื่องไม่ลับ เบื้องหลังความร่วมมือระหว่าง No Time To Die กับดีเอชแอล

  1. นับตั้งแต่ Casino Royale (2006) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ที่ดีเอชแอลได้ให้บริการด้านการขนส่งและโซลูชั่นด้านลอจิสติกส์ต่างๆ สำหรับการถ่ายทำและการผลิตภาพยนตร์ 007
  2. ในการทำงานด้านการขนส่งให้กับภาพยนตร์ No Time To Die ที่แฟนๆ ตั้งตารอนี้ ดีเอชแอลได้ขนส่งอุปกรณ์การถ่ายทำและอุปกรณ์สตันท์ไปยังโลเคชั่นต่างๆ ทั้งในนอร์เวย์ จาไมก้า อิตาลี และโดยรอบประเทศอังกฤษ ของที่ดีเอชแอลช่วยขนส่งมีตั้งแต่รถแอสตัน มาร์ติน ในตำนาน ไปจนถึงอุปกรณ์ประกอบฉากสำคัญๆ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านลอจิสติกส์ ดีเอชแอลปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องในทุกขั้นตอนเพื่อขนส่งสิ่งของต่างๆ ให้ถึงมือผู้รับตรงเวลาเสมอ
  3. รถแอสตัน มาร์ติน DB5 จำลองจำนวน 8 คัน ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการถ่ายทำ No Time To Die!
  4. การถ่ายทำภาพยนตร์ No Time To Die เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น ตลอด 604 วันของการถ่ายทำ ดีเอชแอลขนส่งตั้งแต่คอสตูมชุดแรก ไปจนถึงฟุตเทจภาพยนตร์ในขั้นสุดท้าย
  5. ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสได้ทำการบันทึกเอกสารการดำเนินพิธีศุลากรรวมถึง 948 รายการ สำหรับการขนส่งข้ามพรมแดนให้กับภาพยนตร์ No Time To Die
  6. ดีเอชแอลขนส่งเสื้อผ้าและคอสตูมรวมกว่า 11,039 กิโลกรัมทั่วโลกเพื่อภาพยนตร์เจมส์บอนด์ภาคที่ 25 เราได้จัดส่งบิกินี่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของภาค DR.NO ไปยังวิลล่า GoldenEye ของเอียน เฟลมมิ่ง ในจาไมก้า เพื่อเปิดตัวการเริ่มต้นถ่ายทำภาพยนตร์
  7. แม้ว่าฉากของเรื่องจะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แต่โฆษณาของดีเอชแอลเรื่องนี้ถ่ายทำที่ใจกลางกรุงเทพฯ ประเทศไทยไปดูโฆษณาอีกครั้งกันได้ที่ NoTimeToDie.dhl หรือชมผ่านโซเชียลมีเดียของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ขนส่งด่วนระหว่างประเทศ


###

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ     

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย (ขนส่งด่วนระหว่างประเทศ)

ภัทรียา ภาคพาไชย ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร

โทรศัพท์ +66 2345 5602  อีเมล Pattareeya.Pakpachai@dhl.com 

ติดตามข่าวสารได้ที่https://www.DHLtoYou.com และ https://www.mydhl.express.dhl

ติดตามเราผ่านโซเชียลมีเดีย https://www.facebook.com/DHLExpressTH

 

ดีเอชแอล – ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก

ดีเอชแอล คือผู้นำระดับโลกด้านการให้บริการลอจิสติกส์ เรามีบริการที่หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งสินค้าภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซและลอจิสติกส์โซลูชั่นครบวงจร การขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการซัพพลายเชนในธุรกิจต่าง ๆ เรามีบุคคลากรกว่า 400,000 คน ใน 220 ประเทศ จึงสามารถเชื่อมโยงผู้คนและการดำเนินธุรกิจทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องด้วยบริการขนส่งที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านลอจิสติกส์โซลูชั่นและสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดที่กำลังเติบโต อาทิ ด้านเทคโนโลยี ชีววิทยาศาสตร์และบริการทางการแพทย์ พลังงาน ยานยนต์ รวมถึงธุรกิจค้าปลีก ผนวกกับความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสังคม ดีเอชแอลจึงมั่นใจว่า เราคือ “ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก” ที่แท้จริง

ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล กรุ๊ป ซึ่งมีรายได้มากกว่า 66,000 ล้านยูโรในปี 2563 ด้วยหลักการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน สังคมและสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัทฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประโยชน์คืนสู่โลก โดยตั้งเป้าเป็นบริษัทลอจิสติกส์ที่ลดการปล่อยของเสียจากกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593

 

 

เรื่องย่อ No Time To Die

ใน No Time To Die บอนด์ได้ลาออกจากการปฏิบัติภารกิจเพื่อไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่จาไมก้า แต่บอนด์ก็อยู่อย่างสงบได้ไม่นานนักเมื่อสหายเก่า คือ เฟลิกซ์​ เลเทอร์ จากซีไอเอ ปรากฎตัวขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ และแล้วภารกิจค้นหานักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ก็กลับกลายเป็นการหักหลังแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้บอนด์ต้องต่อกรกับตัวร้ายลึกลับที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่สุดอันตราย

เกี่ยวกับ EON Productions: EON Productions Limited และ Danjaq LLC มีตระกูล Broccoli/Wilson เป็นเจ้าของและบริหารงานทั้งหมด Danjaq เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ James Bond ในปัจจุบัน และเป็นผู้ควบคุมลิขสิทธิ์การผลิตภาพยนตร์​ James Bond ในอนาคต ร่วมกับ Metro Goldwyn Mayer Studios ส่วน EON Productions เป็นบริษัทในเครือของ Danjaq ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ James Bond มาตั้งแต่ปี 1962 โดยบริษัทบริหารการจัดจำหน่ายทั่วโลกร่วมกับ Danjaq ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.007.com

เกี่ยวกับ Metro Goldwyn Mayer: Metro Goldwyn Mayer (MGM) เป็นหนึ่งในบริษัทบันเทิงชั้นนำที่เน้นการผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ทั่วโลก นอกจากนี้ MGM ยังได้ลงทุนในช่องโทรทัศน์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นเจ้าของหลักและผู้จัดจำหน่ายให้กับ United Artists Media Group (UAMG) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MGM ได้ที่ www.mgm.com

เกี่ยวกับ Universal Pictures International: Universal Pictures International (UPI) เป็นแผนกการตลาดและจัดจำหน่ายในต่างประเทศของ Universal Pictures ส่วนในอังกฤษ ไอร์แลนด์ สเปน อิตาลี เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส รัสเซีย เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโก และจีน (รวมถึงเขตบริหารพิเศษฮ่องกง) UPI ทำตลาดและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ผ่านสำนักงานของตนเองโดยตรง โดยสร้างสรรค์แคมเปญและวางกลยุทธ์การจัดจำหน่ายสำหรับแต่ละท้องถิ่น ในส่วนอื่นๆ ของโลก UPI ร่วมมือกับ Warner Bros และ Paramount ผ่านบริษัท United International Pictures (UIP) และร่วมมือกับ Sony ทั้งโดยตรงและผ่าน UIP ในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ ทั้งนี้ Universal Picture เป็นส่วนหนึ่งของ NBCUniversal บริษัทสื่อและความบันเทิงชั้นแนวหน้าของโลกที่ทำงานด้านการพัฒนา ผลิต และทำตลาด เพื่อนำความบันเทิง ข่าวสาร และข้อมูลไปสู่ผู้ชมทั่วโลก โดย NBCUniversal เป็นบริษัทย่อยของ Comcast Corporation

เกี่ยวกับ United Artists: United Artists Releasing​ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Metro Goldwyn Mayer (MGM) กับ Annapurna Pictures (Annapurna) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการฉายภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา บริษัทนี้เป็นมรดกจากสตูดิโอ United Artists อันลือลั่น การร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทก่อให้เกิดบ้านสำหรับคนทำภาพยนตร์ ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ และการจัดจำหน่าย ด้วยวิธีการอันชาญฉลาด United Artists Releasing ช่วยให้ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์มีทางเลือกในการจัดจำหน่ายนอกเหนือไปจากระบบของสตูดิโอ และยังให้การสนับสนุนผู้ผลิตภาพยนตร์อย่าง Annapurna และ MGM เช่น รวมถึงผู้ผลิตภาพยนตร์จากภายนอก