หมวดหมู่: Action, Sci – Fi
เรทผู้ชม: TBC
 140 นาที
ผู้กำกับ: Lana Wachowski
นักแสดง
Keanu Reeves
Carrie-Anne Moss

เรื่องย่อ

สิ่งที่เข้ามาอยู่ในความคิดเมื่อพยายามอธิบายบรรยากาศฉากภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของลาน่า วาโชว์สกี้: เดจาวู

หรืออาจจะไม่ใช่ ผมดูอย่างไม่รู้เรื่องอะไรในช่วงที่นิ้วมือของโธมัส แอนเดอร์สัน (คีนู รีฟส์) เคลื่อนไหวบนคีย์บอร์ดและมีแสงไฟสาดส่องจากพื้นถึงเพดาน ดวงตาของเขาที่จ้องมองข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์ไปมาดูสว่างสดใส ผมอดคิดถึงตอนที่ยาเม็ดสีแดงดึงเขาออกมาจากชีวิตในคอกกั้นที่ทำงานสู่โลกแห่งหายนะอันสมจริง ฉะนั้นการที่ได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้… มันค่อนข้างน่าปวดหัวแล้ว นี่ไม่ใช่แฮคเกอร์ผู้เศร้าโศกลึกลับที่อยู่หน้าจอยุคมิลเลนเนียมเป็นครั้งแรก แต่ตอนนี้เรากำลังพบคุณแอนเดอร์สันที่อยู่ในชุดทำงานที่ดูสบาย: เสื้อฮู้ด รองเท้าผ้าใบ ผมถักดำยาว ทำให้เราตั้งคำถามกลับไปกลับมา นี่คือปัจจุบันหรือนี่คืออนาคตกันแน่? นี่คือโลกแห่งความจริงหรือเดอะ แมทริกซ์? นี่คือโธมัส แอนเดอร์สันหรือนีโอผู้ช่วยชีวิตในโลกคอมพิวเตอร์เวอร์ชันที่ตายไป?

ตอนนี้คุณคงเข้าใจความหมายคำว่าอาจจะของผมแล้ว หรือคุณอาจจะไม่เข้าใจอะไรเลย มีกวีที่เอเมอร์สันเคยกล่าวไว้และผมพยายามถอดใจความออกมา มันสอดคล้องกับความกลัวที่อยู่ในจินตนาการว่า หากจินตนาการที่มีความสร้างสรรค์จนรวมโลกหลายใบอยู่ในโลกอีกหลายใบได้ล่ะ นั่นเป็นการเปิดโอกาสให้ย้อนกลับไปสร้างคำจำกัดความใหม่ให้ผลงานที่เคยสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?

“มันมีไอเดียที่สอดคล้องกัน” วาโชว์สกี้กล่าวรำพึง “บางทีอาจมาจากพ่อแม่หรือความเป็นผู้นำ ซึ่งฉันรู้สึกชื่นชมตรงนั้นค่ะ ฉันคิดว่าหลายคนสร้างศิลปะอันยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ ฉันเองก็สร้างขึ้นมาได้จากตรงนั้น แต่ก็มาถึงช่วงเวลาที่ฉันไม่สามารถสร้างศิลปะแบบนั้นขึ้นมาได้อีกแล้ว”

นี่เป็นการปฏิเสธว่าความเคยชินไม่ใช่เคล็ดลับ แต่กลับหมายถึงการค้นพบ การค้นหาสิ่งแปลกใหม่ เพื่อความสอดคล้องกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของเธอ ผู้กำกับฯ เลือกใช้เทคนิคการทำงานแบบไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบในภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องดังของฮอลลีวูด: “ฉันอยากสร้างความตื่นเต้นแบบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้ฉันตื่นเต้นไปพร้อมกับเพื่อนๆ ทุกคนด้วย”

การทำงานร่วมกับเพื่อนๆ เช่น ผู้อำนวยการสร้างฯ และเพื่อนร่วมงานกันมาอย่างยาวนาน เจมส์ แม็คทีก และ แกรนท์ ฮิลล์ ผู้กำกับฯ เล่าว่าพวกเขาได้สร้างความแปลกใหม่ให้ “The Matrix Resurrections” ตั้งแต่แรกเริ่ม “เราแค่พูดว่า ‘เราจะไม่ทำเหมือนที่เคย เราจะไม่มีการเตรียมตัวกันก่อนถ่ายทำ’” วาโชว์สกี้เล่าย้อนไป “ฉากไล่ล่าบนถนนในเรื่อง Reloaded มีการวางแผนเตรียมไว้อย่างดี มันเป็นฉากที่น่าทึ่งเหลือเชื่อมาก ตอนอายุแค่นั้นฉันยังถ่ายทำแบบอื่นไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้เรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์ทุกซอกทุกมุมมากขึ้น ทำให้เราถ่ายทำฉากไล่ล่าได้อย่างดุเดือดและบ้าคลั่งพร้อมกับนักแสดงสมทบนับพันคนได้ เราใช้เวลาถ่ายทำกัน 6 คืนด้วย”

วาโชว์สกี้ต้องใช้เวลากว่าจะพัฒนาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์มากความสามารถอย่างทุกวันนี้ นักแสดงในผลงานแฟรนไชส์ คีน รีฟส์ ได้เปิดเผยให้ฟังว่า “ผมเล่าถึงลาน่า วาโชว์สกี้ ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ และสามารถพูดถึงผู้สร้างภาพยนตร์ที่ผมเคยร่วมงานเมื่อปี 2001 ได้ ซึ่งต่างกันอย่างลิบลับ” รีฟส์กล่าว “อย่างแรกเลยคือเธอได้ร่วมงานกับจอห์น โทลล์ เขาเป็นคนสอนเธอเรื่องแสงธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญกับภาพยนตร์ไตรภาคต้นฉบับเลย และผมกับวาโชว์สกี้ผูกพันกับการอยู่หลังมอนิเตอร์มาด้วยกัน ตอนนี้การร่วมงานกับลาน่ากลายเป็นเธออยู่หน้ามอนิเตอร์แล้ว ตอนนี้เราเลยมีศิลปินที่สนใจเรื่องแสงธรรมชาติ ผู้ที่

อยากอยู่ใกล้ชิดกับกล้อง อยากเอาตัวเองผูกติดกับกล้องและกลายเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมเห็นแล้วรู้สึกเจ๋งมากเลยครับ”

รีฟส์ยังเล่าถึงความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องใหม่ด้วยการตั้งคำถามน่าสนุกเอาไว้ว่า “ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ผมรักความรู้สึกนี้ ยากที่จะเจอหนังที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นได้ ผมรู้สึกสบายใจที่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ? นีโอไม่ตาย? ที่นั่นไม่สงบสุข? ในเรื่อง Revolutions พวกเครื่องจักรมีปัญหา พวกเขาต้องติดอยู่ในนั้นและมีชีวิตรอด โดยที่จะต้องพาผู้คนออกไปจากเดอะ แมทริกซ์ให้ได้ ในซีออนทุกคนพากันเต้นรำและส่งเสียงเชียร์ ทุกอย่างดูดีมาก… สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด มันมีความน่าสนใจจริงๆ”

เมื่อพูดถึงเรื่องความแตกต่างที่น่าสนใจ ในเรื่อง Resurrections มีนักแสดงหน้าใหม่หลายคน โจนาธาน กรอฟฟ์ เป็นแฟนพันธุ์แท้ Matrix มาอย่างยาวนาน รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ก้าวสู่โลกดิจิตอลที่วาโชว์สกี้สร้างขึ้นมา “การทำงานที่ไม่รู้สึกว่ากำลังทำงานอยู่ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความสร้างสรรค์ร่วมกับคนอย่างลาน่า คีนู… มันคือเรื่องที่ราวกับความฝัน ได้แสดงจริงในแบบที่ผมไม่เคยทำมาก่อน มันสนุกมากเลยครับ”

นอกจากหลายเหตุผลที่เราควรไปดูหนังเพื่อทำความเข้าใจอย่างเต็มที่แล้ว การถ่ายทอดตัวละคร มอร์เฟียส ที่ปรึกษาของนีโอในภาพยนตร์ต้นฉบับ วาโชว์สกี้ได้ยกให้เป็นหน้าที่ของยาห์ย่า อับดุล-มาทีนที่ 2 เขาเป็นแฟนมาอย่างยาวนานอีกคนหนึ่ง และพบแรงบันดาลใจในความซับซ้อนของเรื่อง Resurrections เป็นการส่วนตัว

“คุณจะได้แรงบันดาลใจจากการดูหนังเรื่องนี้หลายมุมเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์” อับดุล-มาทีนกล่าว “ถ้ามันทำให้เราเกิดการพูดคุยกันว่าอะไรจริงและไม่จริง ผมคิดว่าคุณคงพอเข้าใจแล้วว่าเดอะ แมทริกซ์คืออะไร มันเป็นสิ่งที่มีความหมาย วันหนึ่งผม

อาจจะบอกคุณได้ว่ามันเป็นการผจญภัยเกี่ยวกับอะไร หรือผมอาจจะบอกไม่ได้ แต่ผมแน่ใจว่าเราผ่านหลายทฤษฎีมามากพอให้พูดคุยเรื่องนั้นกันได้อย่างสนุก นั่นล่ะความสนุกของหนังเหล่านี้”

แฟนภาพยนตร์อีกกลุ่มหนึ่งไม่รู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นแคร์รี่-แอน มอสกลับมารับบททรีนิตี้ เชนเดียวกับอับดุล-มาทีน มอสรู้สึกว่าโปรเจ็กต์มีความสมจริงมากขึ้น และเธอเกิดการตั้งคำถามถึงการอยู่ในโลกใบนี้ มันคือเรื่องจริงหรือการเลียนแบบขึ้นมากันแน่

“ผู้คนคอยถามฉันว่า ‘จะมี Matrix ภาคอื่นอีกมั้ย?’” มอสกล่าว “และฉันคิดว่า ‘ไม่หรอก ไม่มีแน่ๆ’ ฉันไม่คิดมานานหลายปีแล้วว่าเราจะสร้างเรื่องนี้กันอีกครั้ง บางครั้งฉันสงสัยว่าตัวเองกำลังอยู่ในเดอะ แมทริกซ์เพื่อสร้างเดอะ แมทริกซ์หรือเปล่า บางทีนี่อาจเป็นโลกแห่งความฝันของฉัน เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อมากค่ะ”

มอสเล่าต่อว่า “ฉันคิดว่าเนื้อเรื่องจะทำให้ทุกคนต้องอึ้งค่ะ มันมีความน่าสนใจเพราะมีทั้งบรรดาผู้ที่เคยดูหนังภาคแรกๆ มาแล้ว และคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อายุน้อยกว่ามาร่วมสำรวจโลกของเดอะ แมทริกซ์เป็นครั้งแรก มันต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ”

ในส่วนของความคาดหวังและการตอบสนองผู้ชมกลุ่มแรกของวาโชว์สกี้ ผู้ที่โตมาพร้อมกับ The Matrix ได้ดูตั้งแต่ช่วงที่หนังฟอร์มยักษ์แทรกซึมเข้าสู่กระแสความนิยม บางคนเฝ้ารอให้นีโอและทรีนิตี้กลับมาพบกันอีกครั้ง ซึ่งผู้ลำดับภาพ โจเซฟ เจ็ตต์ แซลลี่ ได้ลึถึงเรื่องนี้ว่าการสร้างความสัมพันธ์บนหน้าจอระหว่างมอสและรีฟส์ขึ้นมามีเทคนิคอยู่ที่ “เราพยายามสร้างช่วงเวลาของทั้งคู่ขึ้นมา เพราะครั้งแรกที่พบกันพวกเขาต่างไม่รู้จักกัน และในความทรงจำของเรามีเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนหน้าจอ นั่นคือความเป็นนีโอและทรีนิตี้ แต่ตอนนี้ผู้ชมต้องมาตั้งคำถามเรื่องนั้น ตลอดทั้งเรื่องเราพยายามสร้างช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่าง นั่นล่ะคือความมหัศจรรย์ ครั้งแรกที่พวกเขาสัมผัสกัน จับมือกันครั้ง

แรก…. มันมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมา เราพยายามจับคู่พวกเขา และนีโอต้องหาคำตอบว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เธออาจจะไม่ต้องการก็ได้ มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตพวกเรา ‘เขารักฉันมั้ย? เธอรักฉันมั้ย? สิ่งที่ฉันคิดไว้คือเรื่องจริงมั้ย?’”

การตั้งคำถามของแซลลี่ได้รวบรวมเข้าไว้ในเรื่อง Resurrections และในตัวของเดอะ แมทริกซ์เอง: สิ่งที่ฉันคิดไว้มันคือเรื่องจริงหรือเปล่า? มันแทรกซึมอยู่ในใจความหลักของภาพยนตร์ คอนเซ็ปต์และจิตวิญญาณของเรื่อง คำถามแรกที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องปกติที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวอันซับซ้อน มันคือความเป็นธรรมชาติ The Matrix Resurrections เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกสมมุติที่อิงจากโลกแห่งความจริง (หรือเกี่ยวกับโลกแห่งความจริงที่อิงจากโลกสมมุติกันแน่?) ซึ่งภาพยนตร์อิงจากโลกแห่งความจริง อย่างที่ผมพูดเอาไว้ว่าอาจจะ… อาจจะไม่ใช่

นั่นอาจเป็นกุญแจสำคัญ การที่ไม่สามารถล่วงรู้ถึงอัลกอริธึม บางทีโลกสมมุติอาจล่มสลายลงหากเรารู้ความจริง บางทีความซับซ้อนอาจเป็นโค้ดเริ่มต้นเดียวระหว่างเรากับความจริง บางทีมันอาจไม่เกี่ยวกับเรื่องการทำความเข้าใจแต่เป็นการเข้าไปสัมผัสประสบการณ์มากกว่า

เมื่อกองถ่ายเสร็จสิ้นการถ่ายทำ ผมได้สืบหาคำตอบเรื่องการทดลองที่แสนฉลาดจากมอส ทุกคำถามที่มีและคำตอบที่ทำให้ผมหลงอยู่ในการออกแบบของวาโชว์สกี้ เธอขัดจังหวะผมและพูดต่ออย่างเรียบง่ายว่า “ไมต้องรับรู้พวกความอัจฉริยะอะไรที่เกิดขึ้นแล้ว แค่ใช้ความรู้สึกกับมัน… ฉันอดใจรอดูไม่ไหวแล้วว่ามันรวมกันแล้วจะเป็นแบบไหน”

“The Matrix Resurrections – เดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์”เข้าฉาย 16 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/TheMatrixMovieTH/#TheMatrixResurrections #เมทริกซ์