การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของ “ไดอาน่า” ที่โลกไม่เคยรู้

แนวหนัง: ชีวประวัติ/ดราม่า

ความยาว: 117 นาที

ผู้กำกับ: พาโบล ลาร์เรน

คนเขียนบท: สตีเว่น ไนท์

นักแสดง: คริสเต็น สจ๊วต, ทิโมธี สปอลล์, ฌอน แฮร์ริส, แจ็ค ฟาร์ธิง, แซลลี่ ฮอว์กินส์

 

เรื่องย่อ: เดือนธันวาคมปี 1991 เหล่าสมาชิกราชวงศ์อังกฤษต่างเดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ณ พระตำหนักแซนดริ้งแฮม แต่ทว่าเทศกาลอันชื่นมื่นนี้ช่างแตกต่างออกไปสำหรับ ไดอาน่า (คริสเต็น สจ๊วต) เจ้าหญิงแห่งเวลส์ที่ในเวลานั้นกำลังเกิดความสับสนในชีวิต จากปัญหาเรื้อรังภายในราชวงศ์และต้องเผชิญกับแรงเสียดทานต่างๆ นานาจากสังคมภายนอกไปพร้อมกัน

เรื่องราวช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3 วันของสตรีผู้หนี่งที่ชีวิตเคยเริ่มต้นเหมือนเทพนิยายต้องจบลงด้วยความจริงที่แสนเจ็บช้ำ การตัดสินใจที่จะแยกทางจากพระสวามี เจ้าชายชาร์ลส์ (แจ็ค ฟาร์ธิง) มกุฎราชกุมาร และแสดงความประสงค์ที่จะพาโอรสทั้ง 2 ไปเลี้ยงดูให้มีชีวิตเฉกเช่นเดียวกับเด็กสามัญ

ชนทั่วไป เพื่อไม่ให้ถูกบีบบังคับให้ตกอยู่ภายใต้ระบบสถาบันกษัตริย์ คือช่วงเวลาอันยากลำบากที่ประชาชนไม่เคยรับรู้ว่าไดอาน่ารู้สึกอย่างไร รวมถึงการต้องเป็นเป้าสายตาของประชาชนทั้งประเทศและทั่วโลกที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล

 

ไฮไลต์ของหนัง

1) เตรียมพบการพลิกบทบาทครั้งสำคัญและท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดงสู่ ‘ว่าที่ผู้เข้าชิงออสการ์’ ของ “คริสเต็น สจ๊วต” นักแสดงหญิงมากฝีมือที่แจ้งเกิดในระดับโลกจากภาพยนตร์ชุด The Twilight Saga และขอพิสูจน์ความสามารถที่หลากหลายด้วยผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น On the Road (2012), Still Alice (2014) และ Clouds of Sils Maria (2014) ที่ส่งให้เธอเป็นนักแสดงชาวอเมริกันคนแรกที่คว้ารางออสการ์ฝรั่งเศส หรือ “ซีซาร์ อวอร์ด” (César Awards) มาครองได้อย่างพลิกความคาดหมาย จนมาถึง “SPENCER สเปนเซอร์” ซึ่งครั้งนี้คริสเต็นขอใส่สุดพลังทั้งกายและวิญญาณเพื่อแปลงโฉมให้เป็นเจ้าหญิงแห่งปวงชน ‘ไดอาน่า’ ยืนยันจากคนใกล้ชิด “เคน วาร์ฟ” อดีตบอดี้การ์ดประจำเจ้าหญิงไดอาน่าตัวจริง ถึงกับออกปากชมการแสดงของคริสเต็นว่าเป็นผู้ถ่ายทอดบทเจ้าหญิงแห่งเวลส์ได้สมจริงและยอดเยี่ยมที่สุดที่เคยมีมาเลยทีเดียว

2) ทรงพลังขึ้นอีกขั้น ด้วยผู้กำกับสายละเมียดละไมและจอมทำลายล้างทางด้านอารมณ์ “พาโบล ลาร์เรน” จากความยอดเยี่ยมที่ไม่ธรรมดาใน Jackie (2016) จนส่งให้ชื่อนักแสดงหญิง “นาตาลี พอร์ตแมน” ได้รับการเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งรับประกันได้ว่าการคัมแบ็กครั้งนี้ใน “SPENCER สเปนเซอร์” จะครบถ้วนทุกแง่มุม ความสง่า ความโศกสลด ความงาม ความสะเทือนใจ และเป็นประสบการณ์ภาพยนตร์ครบรสที่ห้ามพลาด

3) กำกับโดน! บทเข้ม! จากฝีมือผู้เขียนบทเข้าชิงรางวัลออสการ์ “สตีเว่น ไนท์” จาก Dirty Pretty Things (2002) รวมถึง Eastern Promises (2007), The Hundred-Foot Journey (2014), Allied (2016) และซีรีส์ See ที่เพิ่มความซับซ้อนอันแยบยลให้กับเรื่องราวของ “SPENCER สเปนเซอร์” ในระดับตรึงคนดูอยู่กับที่ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม

4) ร่วมสมทบความร้าวให้จุกอกถึงใจ ด้วยนักแสดงฝีมือปังตัวท็อปของวงการ ทั้ง “ทิโมธี สปอลล์ (Mr. Turner), ฌอน แฮร์ริส (Mission: Impossible – Rogue Nation), แจ็ค ฟาร์ธิง (The Lost Daughter)” และนักแสดงหญิงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ “แซลลี่ ฮอว์กินส์” จากบทบาทในภาพยนตร์ที่คนทั้งโลกหลงรักเรื่อง The Shape of Water (2017)

5) งานภาพคือสุด! ด้วยฝีมือการถ่ายทอดสุดทะเยอทะยานและงดงามราวกับภาพวาด จากผู้กำกับภาพหญิง “แคลร์ มาตง” เจ้าของผลงานภาพที่มีรางวัลการันตีอย่าง Stranger by the Lake (2013), Atlantics (2019) และที่ฮือฮาจนสร้างความติดตรึงในอารมณ์สูงสุดก็คือเรื่อง Portrait of a Lady on Fire (2019)

6) สกอร์ติดหูแน่นอน! ผู้ประพันธ์ดนตรีเข้าชิงออสการ์ “จอนนี่ กรีนวู้ด” (Phantom Thread) มือกีตาร์จากวงร็อคแห่งมวลมนุษยชาติในตำนานชื่อ Radiohead และคนทำสกอร์คู่บุญผู้กำกับระดับโลก “พอล โธมัส แอนเดอร์สัน” จาก There Will Be Blood (2007), The Master (2012) และ Inherent Vice (2014)

7) คอสตูมปังทุกชุด! “แจ็คเกอลีน ดูร์แรน” นักออกแบบเครื่องแต่งกายที่ยอมบิดความเป็นจริงในประวัติศาสตร์เพื่อสร้างนัยความหมายใหม่ให้เกิดขึ้นกับเครื่องแต่งกายของตัวละคร โดยเฉพาะชุดกระโปรง Chanel ในภาพโปสเตอร์ที่ต้องใช้เวลาเนรมิตนานถึง 2 เดือนเต็มเพื่อให้ “คริสเต็น สจ๊วต” กลายเป็นเจ้าหญิงไดอาน่าที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็กต์ในสายตามหาชน ทั้งที่ในใจต้องทนทุกข์สาหัส รับประกันความยอดเยี่ยมด้วย 2 รางวัลออสการ์จาก Anna Karenina (2012) และ Little Women (2019)

8) เนรมิตโลกของ Spencer ให้สมจริงและลุ่มลึกผ่านฝีมือผู้ออกแบบงานสร้างระดับเข้าชิงรางวัลออสการ์ “กาย เฮนดริกซ์ ไดแอส” จาก Passengers (2016) และ Inception (2010) จัดเต็มทุกรายละเอียดความหรูวิลิศมาหรา และดำดิ่งลงไปถึงห้วงภวังค์ของเจ้าหญิงแห่งปวงชนให้ออกมาเป็นภาพที่ชวนตะลึงอย่างถึงที่สุด

9) ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งไหน! แม้เรื่องราวของ ‘เจ้าหญิงไดอาน่า’ จะเป็นเรื่องที่รับรู้กันดีในวงกว้าง และถูกนําไปสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีและบันเทิงคดีนับไม่ถ้วน แต่ความพิเศษของภาพยนตร์ “SPENCER สเปนเซอร์” จะมาพร้อมกับแง่มุมใหม่ที่โลกไม่เคยรู้และเข้าถึงใจผู้ชมให้เป็นมากกว่าหนังชีวประวัติ ซึ่งผู้สร้างได้หยิบยกประเด็นสำคัญที่สื่อถึงผู้หญิงทุกคนที่เบื่อหน่ายกับการโกหก เพราะมันคือตัวทำลายความสุขที่พึ่งมีให้ย่อยยับลงต่อหน้าต่อตา ไม่ต่างจาก ‘เจ้าหญิงไดอาน่า’ ผู้มีทุกอย่างทั้ง ความงาม ความมั่งคั่ง และครอบครัว แต่ทั้งหมดล้วนต้องแลกมาด้วยอิสรภาพและตัวตนของเธอเอง ไม่ใช่แค่นั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมล่วงลึกเข้าไปในจิตใจก้นบึ้งของเจ้าหญิงที่เต็มไปด้วยมิติมนุษย์อันซับซ้อนที่หลายคนต้องเซอร์ไพรส์ และมีให้ดูที่แรกที่ “SPENCER สเปนเซอร์” ที่เดียวเท่านั้น

10) ยืนยันด้วยปรากฏการณ์ยืนปรบมือยาวนาน 5 นาทีเต็ม! ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสครั้งที่ 78 ประจำปี 2021 และทุกเทศกาลที่หนังไปเยือนไม่เว้นแม้กระทั่งวันฉายจริงเมื่อ 5 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ต้องมี “คนดูร้องไห้ทุกรอบฉาย” พร้อมถูกยกให้เป็นสุดยอดภาพยนตร์แห่งปีที่ทุกคนควรดู

ตัวอย่างภาพยนตร์ (ซับไทย)

การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของ “ไดอาน่า” ที่โลกไม่เคยรู้

Spencer – สเปนเซอร์”

13 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

#Spencer #สเปนเซอร์