ในทุกกลโกง จะมีหนึ่งเซียน

แซนดร้า บูลล็อค, เคท แบลนเช็ตต์, แอน แฮทธาเวย์, มินดี้ แคลิ่ง, ซาร่าห์ พอลสัน, ออควาฟิน่า, ริฮานน่า และ เฮเลน่า บอนแนม คาร์เตอร์ มารวมตัวกันในภาพยนตร์แอคชันผจญภัย เรื่อง “Ocean’s 8”

ระยะเวลา 5 ปี 8 เดือน กับอีก 12 วัน คือช่วงเวลาที่เด็บบี้ โอเชียน (แซนดร้า บูลล็อค) ใช้เวลาคิดแผนปล้นครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ

เธอรู้ว่าต้องใช้อะไรบ้าง เช่น ทีมผู้ชำนาญงานด้านนี้ที่สุด เริ่มจากคู่หูด้านอาชญากรรมของเธอ ลู มิลเลอร์ (เคท แบลนเช็ตต์) และพวกเธอต้องหาสมาชิกมือดีมาร่วมทีม ได้แก่ ช่างทำอัญมณี อมิตา (แคลิ่ง); นักต้มตุ๋น คอนสแตนซ์  (ออควาฟิน่า); ผู้ชำนาญด้านการรับของโจร แทมมี่ (พอลสัน); แฮคเกอร์ ไนน์ บอล (ริฮานน่า) และแฟชั่นดีไซน์เนอร์ โรส (บอนแนม คาร์เตอร์)

เป้าหมายคือเพชรมูลค่า 150 ล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งเป็นเพชรที่อยู่บนคอนักแสดงหญิงชื่อดังระดับโลก แดฟนี คลูเกอร์ (แฮทธาเวย์) ที่จะอยู่กลางเวทีงานอีเวนท์แห่งปีที่มีชื่อว่า เดอะ เม็ต กาล่า

แผนการวางไว้อย่างรัดกุมมาก แต่ทุกอย่างต้องแนบเนียน หากทีมเข้าไปในงานและออกมาได้อย่างสงบ ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติ

“Ocean’s 8” ยังรวมนักแสดงอย่างเจมส์ คอร์เดน มารับบทผู้ตรวจสอบกรมธรรม์ที่พยายามประกอบเรื่องราว และริชาร์ด อาร์มิเทจ ผู้รับบทคู่เดทโดยบังเอิญของคลูเกอร์ในงานกาล่า

แกรี่ รอส (“Seabiscuit,” “The Hunger Games”) กำกับฯ “Ocean’s 8” จากบทภาพยนตร์ที่เขาร่วมเขียนกับโอลิเวีย มิลช์ เนื้อเรื่องโดยรอส อำนวยการสร้างฯ โดย สตีเว่น โซเดอร์เบร์ก และ ซูซาน อีคินส์ อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย ไมเคิล แทดรอส, ไดอาน่า อัลวาเรซ, เจสซี่ เออร์แมน และ บรูซ เบอร์แมน ร่วมอำนวยการสร้างฯ โดย มิลช์  

ทีมงานเบื้องหลังของรอส ได้แก่ ผู้กำกับภาพ ไอกิล บรายด์ (“In Bruges”) ผู้ออกแบบฉาก อเล็กซ์ ไดการ์แลนโด  (“Beasts of the Southern Wild”) ผู้ลำดับภาพที่เคยเข้าชิงรางวัล Oscar จูเลียต เวลฟลิง (“The Diving Bell and the Butterfly”) ผู้ลำดับภาพเจ้าของรางวัล Oscar วิลเลียม โกลเดนเบิร์ก (“Argo”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซาราห์ เอ็ดเวิร์ดส  (“The Secret Life of Walter Mitty”) และผู้ประพันธ์ดนตรี แดเนียล เพมเบอร์ตัน (“Steve Jobs”) สร้างอิงจากตัวละครที่สร้างโดย จอร์จ เคลย์ตัน จอห์นสัน และ แจ็ค โกลเดน รัสเซล

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์ร่วมกับ Village Roadshow Pictures, a Rahway Road production เรื่อง “Ocean’s 8” เปิดตัววันที่ 8 มิถุนายน 2018 ภาพยนตร์จะจัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และในบางพื้นที่โดยวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส  เข้าในประเทศไทย 14 มิถุนายน 2018 ในโรงภาพยนตร์

www.Oceans8movie.net

https://www.facebook.com/Oceans8MovieThailand/

 

 

รายละเอียดการถ่ายทำ

 

อีก 3 อาทิตย์ครึ่ง เม็ตจะจัดงานเลี้ยงประจำปี
และพวกเราจะเข้าไปปล้นในงานกัน

เป็นเวลานานกว่า 10 ปีที่ผู้นำโอเชียนได้พาทีมสู่เงินมูลค่านับล้านดอลลาร์ คราวนี้ถึงทีของแก๊งค์ใหม่ที่มารวมตัวกันปล้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่คราวนี้เป็นทีของเด็บบี้ โอเชียนมาเป็นผู้วางแผน และเธอต้องการเพียงผู้หญิง 8 คนที่มีฝีมือเหนือชั้นมาโจรกรรมเท่านั้น .

ผู้กำกับฯ / ผู้เขียนบทฯ แกรี่ รอส เล่าว่า “อาชญากรมักเป็นบุคคลสำคัญในหนังอเมริกันเสมอ แต่มีข้อยกเว้นอยู่บ้างว่า “อาชญากร” เหล่านั้นเป็นผู้ชาย ผมเลยสนใจกับไอเดียที่จะให้กลุ่มสาวแสบมาอยู่ในหนังที่มีข้อจำกัดอยู่ในตัว บวกกับผมรักหนังการโจรกรรมมาเสมอ”

แซนดร้า บูลล็อคเล่าว่า “นี่เป็นหนังเกี่ยวกับการปล้นค่ะ และหนังแนวนี้ก็สนุกเสมอ พวกเขาจะออกไปกับของที่ขโมยมายังไง และจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนั้นบ้าง? แต่จริงๆ แล้วหนังเรื่อนี้เกี่ยวกับผู้หญิงทั้ง 8 ที่มีความซับซ้อน อัจฉริยะ สนุกสนาน พวกเธอจะพาเราเข้าสู่การผจญภัยของพวกเธอ และมีเรื่องพลิกผันเกิดขึ้นตลอด”

บูลล็อครับบทเด็บบี้ โอเชียน เธอใช้เวลา 5 ปีกว่าไปกับการคิดแผนแผนโจรกรรมที่ซับซ้อนเพื่อขโมยทอสเซนต์ หนึ่งในสร้อยคอเพชรของคาร์เทียร์ที่มีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์ และเธอวางแผนก่อเหตุในงานที่มีการจับตามองมากที่สุดแห่งปีอย่างเดะ เม็ต กาล่า

รอสเกิดไอเดียสำหรับตอนใหม่ของหนังแฟรนไชส์ “Ocean’s” ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และยกให้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับฯ ไตรภาค “Ocean’s” อย่างสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก

“สตีเว่นเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง และเราได้ร่วมงานกันอย่างไม่เป็นทางการในโปรเจ็กต์หลายอย่างช่วงหลายปีที่ผ่านมา” รอสเล่า “ถ้าเขาไม่ได้มาร่วมงานด้วย ผมคิดว่าเราคงไม่ได้ทำแน่ เป็นการร่วมมือกันที่ดีมากเลยครับ”

โซเดอร์เบิร์กเล่าว่าเขาตื่นเต้นกับคอนเซ็ปต์ รวมถึงทีมนักแสดงที่รอสเลือกให้มารับบทนำด้วย “แกรี่มาหาผมและบอกว่า ‘ถ้าให้แซนดี้มารับบทน้องของแดนนี่ล่ะ?’ ผมคิดว่ามันน่าสนใจมากครับเลยตอบว่า ‘ยกให้เป็นหน้าที่ของเจอร์รี่  [เวนทรอบ] ละกัน’ และเจอร์รี่ก็คิดว่านั่นเป็นไอเดียที่เฉียบมาก”

อันที่จริงเวนทรอบเป็นคนแรกที่ติดต่อบูลล็อค “มันยังไม่มีบทด้วยซ้ำ แต่ด้วยพลังของเจอร์รี่ที่สนุกสนานและหลงใหลในแฟรนไชส์เรื่องนี้มันลามไปถึงคนอื่นอย่างรุนแรงมาก” นักแสดงหญิงกล่าว

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนบทกับเพื่อนร่วมงานตั้งแต่บทภาพยนตร์แรกของเขา “บิ๊ก” รอสรู้ดีว่ามันต้องมีความแตกต่าง เขาติดต่อผู้ร่วมเขียนบทฯ โอลิเวีย มิล์ช เพื่อเขียนบทร่วมกับเขา “สุดท้ายจึงกลายเป็นการร่วมงานกันที่วิเศษมาก” เขากล่าว

“แกรี่เข้าใจดีว่าการมีความคิดของผู้หญิงในการทำงานครั้งนี้มีความสำคัญขนาดไหน” มิล์ชกล่าว “และฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วม และรู้สึกสบายใจกับตัวละครเหล่านี้ที่พูดกลับไปมากันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรารู้สึกแบบเดียวกันจากคีย์บอร์ดคนละฝั่ง”

โซเดอร์เบิร์กเล่าว่า “ผมคิดว่าแกรี่และโอลิเวียเจอความสมดุลจากการแชร์ดีเอ็นเอของแฟรนไชส์ ‘Ocean’s’ ร่วมกันมา แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความไม่เหมือนใครอยู่ในตัว”

น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการสร้างฯ แห่งตำนานอย่างเจอร์รี่ เวนทรอบได้เสียชีวิตก่อนที่เขาจะได้เห็นหนังฉบับสมบูรณ์ “มันยากที่จะนึกภาพหนังเรื่อง ‘Ocean’s’ โดยไม่มีเจอร์รี่มาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฯ” โซเดอร์เบิร์กกล่าว “เจอร์รี่ไม่ใช่แค่ผู้อำนวยการสร้างฯ แต่เขาเป็นบุคคลที่มีความสำคัญกว่านั้นมาก”

เวนทรอบร่วมงานกับซูซาน อีคินส์มาอย่างยาวนาน ซึ่งเธอเคยเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ ในหนัง “Ocean’s” ภาคก่อน จึงมารับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฯ โซเดอร์เบิร์กเล่าว่า “แกรี่กับผมไปหาเธอและบอกว่า “คุณคือส่วนหนึ่งที่ได้รับความไว้ใจจาก 3 ภาคแรก พวกเราจะยินดีมากถ้าคุณมารับหน้าที่สำคัญกว่านั้นในครั้งนี้’”

อีคินส์รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาร่วมแฟรนไชส์ที่มีความสำคัญต่อชีวิตและการทำงานของเธอมานานเกือบ 20 ปีอีกครั้ง “ตั้งแต่ ‘Ocean’s Eleven’ เมื่อปี 2001 จนถึง ‘Ocean’s Twelve’ และ ‘Ocean’s Thirteen’ ฉันมีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเจอร์รี่ เวนทรอบ และ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก ทั้งคู่เป็นผู้สร้างภายนตร์ที่สุดยอดมากค่ะ และตอนนี้ฉันได้รับสืบทอดตำนานนั้นไปกับสตีเว่นและแกรี่ ฉันคิดว่าสิ่งที่ทำให้หนังทั้ง 3 ภาคมีความน่าสนใจสำหรับผู้ชมส่วนใหญ่ คือความคิดของการปล่อยใจไปกับบางสิ่งบางอย่างและสนุกไปกับมัน”

ตามธรรมเนียมของหนังเรื่อง “Ocean’s” สมาชิกแต่ละคนในทีมต้องแสดงความชำนาญพิเศษของตัวเองออกมาให้เห็น ผู้ที่มาร่วมทีมกับหัวหน้าทีมบูลล็อคอีก 8 คน ได้แก่ เคท แบลนเช็ตต์, แอนน์ แฮทธาเวย์, มินดี้ แคลิ่ง, ซาร่าห์ พอลสัน,ออควาฟิน่า, ริฮานน่า และ เฮเลน่า บอนแนม คาร์เตอร์

รอสเล่าว่า “ผมไม่ได้คัดเลือกตัวทีละบท ผมรวมกลุ่มคนที่ดูเข้ากันได้ดีมารวมตัวกัน ซึ่งมันตื่นเต้นตั้งแต่แรกเริ่มเลย”

โอกาสที่ได้ร่วมงานกันกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความสนใจให้บรรดานักแสดงสาว แบลนเช็ตต์ยืนยันว่า “ตอนที่แกรี่และสตีเว่นเริ่มคุยเรื่องนักแสดงที่มารวมตัวกัน มันทำให้ฉันรู้สึกว่า “เพราะอะไรล่ะ” ถือว่าเป็นกลุ่มของผู้หญิงที่มีความน่าทึ่ง และมันวิเศษมากที่ได้มาเล่นร่วมกับพวกเธอ”

แฮทธาเวย์เล่าว่า “การแสดงหนังเหมือนการมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน แต่พอเราบวกผู้หญิงไปอีก 7 คน มันเป็นจุดเริ่มต้นที่มีอะไรเหนือธรรมดา มันมีพลังในการทำงานร่วมกันอย่างไม่ต้องเปลืองแรงซึ่งทำให้เกิดความสนุกสนานมากค่ะ”

“สปิริตในการร่วมงานกันแบบนั้นเกิดขึ้นตลอดการถ่ายทำ” รอสกล่าว “ในฉากจะมีการแลกเปลี่ยนพลังกันระหว่างผู้หญิงที่มีความสร้างสรรค์ทั้ง 8 คนนี้ บางครั้งผมก็ต้องถอยหลังและเฝ้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“นักเขียนบางคนจะไม่ชอบหากเรามีการเล่นนอกบท แต่แกรี่ยินดีกับสิ่งที่เราเพิ่มเข้าไป” แฮทธาเวย์ยืนยัน “ในฐานะของผู้กำกับฯ เขาอยากให้ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองแสดงออกมาอย่างสุดความสามารถ ฉันคิดว่าเขาทำหน้าที่ของเขาได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ”

“แกรี่นำความรู้สึกของผู้เขียนมารวมไว้ตลอดการทำงาน” แบลนเช็ตต์กล่าวเสริม “เขามีการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความสมดุลหลายอย่างในฉาก สิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้มีเหมือนหนังทั่วไป คือมันมีจุดพลิกผันซ้อนกันอยู่ในเรื่อง แต่เขาใช้มันได้อย่างมีไหวพริบ ทำลายสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ไปเลย”

มีการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ไปอีกทิศทางหนึ่งโดย “Ocean’s 8” เป็นเหตุการณ์ที่เกิดนอกคาสิโนในเวกัส ย้ายไปที่นิวยอร์คและในงานอีเวนท์ที่ถูกจับตามองที่สุดของเมือง Costume Institute Benefit ที่ The Metropolitan Museum of Art หรือที่รู้จักกันในงานเดอะ เม็ต กาล่า ผู้สร้างภาพยนตร์ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เข้าไปในงานเดอะ เม็ต ใช้เวลาถ่ายทำภาพยนตร์ที่นั่น 10 วัน ยาวนานกว่าการถ่ายทำเรื่องไหนมาก่อน รอสเล่าว่า “เราไม่ได้ถ่ายทำที่เดอะ เม็ต ผมคิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนี้ แต่ในความจิรงที่เราสามารถเข้าไปในนั้นได้ถือว่าเป็นโอกาสที่สุดวิเศษ”

คาเทียร์ได้เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญมาก เพื่อสร้างสร้อยคอ Toussaint ที่ดัดแปลงขึ้นมาเป็นพิเศษอย่างน่าทึ่ง  ซึ่งรับหน้าที่สำคัญของเรื่องในฐานะที่ตกเป็นเป้าหมายของแผนการ “Toussaint เป็นสร้อยคอชิ้นหนึ่งในคอลเลคชั่นของพวกเขาที่มีขนาดใหญ่สุด วางอยู่ในอุโมงค์ของพวกเขา” ผู้อำนวยการสร้างฯ ไดอาน่า อัลวาเรซ กล่าว “มันสำคัญมากที่จะต้องสัมผัสได้ว่า… เหมือนจริง ทีมงานในคาร์เทียร์เป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความชำนาญที่พวกเขามีได้อย่างน่าทึ่งเพื่อช่วยเหลือพวกเรา และอนุญาตให้พวกเขาถ่ายทำที่ Cartier Mansion เพื่อก้าวสู่โลกของพวกเขาและถ่ายทอดออกมาบนจอยักษ์ได้อย่างยิ่งใหญ่”

“Ocean’s 8” ถ่ายทำในนิวยอร์คทั้งหมดและโซเดอร์เบิร์กเล่าว่า “แกรี่ถ่ายทอดชีวิตชีวาของเมืองออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ผมนึกภาพสถานที่ถ่ายทำดีกว่านี้ไม่ออกเลย ถ้าเราเลือกเมืองไหนในโลกเพื่อร้างหนัง ‘Ocean’s’ ภาค 4 ผมคิดว่านี่เพอร์เฟ็กต์สุดแล้ว และยังได้เห็นผู้หญิงที่น่าทึ่งอีก 4 คนด้วย ทุกคนอยู่เฟรมเดียวกันในเวลาเดียวกัน…  มันตรงประเด็นที่สุด น่าตื่นเต้นมาก”

 

ทีมนักแสดง

 

เด็บบี้ โอเชียนไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเวลาที่เธอมีมานานกว่า 5 ปี และเธอก็ใช้มันอย่างคุ้มค่า แซนดร้า บูลล็อค อธิบายว่า “เธอมีเวลาให้คิดมากมายและสร้างแผนอย่างแยบยล จนออกมาจากคุกด้วยความพร้อมที่จะลงมือทำ”

บูลล็อคเล่าว่ามันเหมือนกับพี่ชายของเธอที่ชื่อ แดนนี่ “เด็บบี้เป็นเจ้าแห่งความคิด มีความสามารถด้านการแยกแยะรู้วิธีการรวมทีมที่เก่งที่สุด และให้พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเอง มันอยู่ในสายเลือดของเธอ เธอคือโจรจากครอบครัวของเหล่าโจร นั่นคือสิ่งที่เธอรักและเป็นความถนัดของเธอ สำหรับเด็บบี้มันถือเป็นความตื่นเต้นที่ได้ขโมยและดูว่าจะหนีออกมาได้มั้ย ในครั้งนี้เธอตั้งใจขโมยบางสิ่งในที่สาธารณะ รายล้อมไปด้วยผู้คนนับร้อย ถูกจับจ้องจากกล้องหลายตัว มันทำให้เราแปลกใจว่าทำไมเธออยากทำอะไรแบบนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งออกมาจากคุก เหมือนการวอนโดนลากกลับเข้าคุก”

“แซนดี้มีความเก่งอยู่ในตัวเธอ” รอสกล่าว “แต่ที่สำคัญสุดคือเธอเป็นนักแสดงหญิงที่เก่งมาก สามารถถ่ายทอดทั้งความรู้และประสบการณ์ในตัวเธอออกมาได้”

มิล์ชเห็นด้วยว่า “มาบางอย่างที่ทรงพลังอยู่ในตัวเธอ มีความมั่นใจในตัวเธอที่แผ่ออกมา นี่คือคนที่ควบคุมได้และเหมาะกับตัวละครของเธอ”

คนแรกที่เด็บบี้ติดต่อคือคู่หูร่วมอาชญากรรมมายาวนานอย่างลู “เด็บบี้เกลี้ยกล่อมลูให้กลับมาสู่โลกนั้น” บูลล็อคกล่าว “เธอไม่ยอมเสียเวลา เดินหน้าเข้าสู่แผนทันที และโน้มน้าวลูว่าเธอมีความสามารถเก่งพอตัวขึ้นแล้วระหว่างที่เด็บบี้ถูกขัง”

เคท แบลนเช็ตต์ ผู้รับบทลูเล่าว่า “เด็บบี้อยากได้คนที่วางใจในฝีมือได้ คนที่ไว้ใจได้ และพวกเขาเคยมีอดีตร่วมกันมาอย่างยาวนาน ลูได้กลายเป็นคนซื่อสัตย์หรือตรงไปตรงมาในการบริหารไนท์คลับ เธออยู่อย่างปกติดีแต่ไม่มีความตื่นเต้นสักเท่าไหร่ ฉันคิดว่านั่นคือเหตุผลที่เธอกระโดดกลับมาหาเด็บบี้ เพราะมันเป็นการทำเรื่องยากที่มีความท้าทาย เธอคิดถึงเวลาที่เลือดฉีดพุ่งพล่าน”

โซเดอร์เบิร์กเล่าว่า “สิ่งที่เคทจะทำได้ไม่มีขีดจำกัดเลย เธอมีความมหัศจรรย์หลายด้าน เธอสามารถพูดได้โดยชำเลือกบททั้งหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับลู”

“ไม่มีใครเหมือนเคทเลยครับ” รอสกล่าว “เราจะเห็นภาพรวมของตัวละครเธอทีละส่วน มีรายละเอียดที่สะดุดตาเธอในช่วงที่สร้างทีมขึ้นมาให้กลายมาเป็นหนึ่ง มันมีความตื่นเต้นที่ได้เห็นอะไรแบบนั้น”

เป้าหมายในแผนของพวกเธอคืองานเดอะ เม็ต กาล่า พวกเธอไม่ได้เข้าไปเอาเงิน แต่ตั้งใจจะเข้าไปขโมย Toussaint สร้อยเพชรที่มีเอกลักษณ์และมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งเก็บอยู่ในห้องนิรภัยที่ล็อคอย่างแน่นหนาของคฤหาสน์คาร์เทียร์ ประเด็นสำคัญคือต้องแน่ใจว่าคาร์เทียร์นำมันออกมาจากห้องนิรภัย และมีทางเดียวที่จะทำได้คือการสวมใส่ไว้บนคอของ แดฟนี คลูเกอร์ ที่มีรายชื่อบนเก้าอี้กาล่า

การคัดเลือกบทนี้ แอน แฮทธาเวย์ เปิดเผยว่าเธอได้ยินเกี่ยวกับภาพยนตร์ครั้งแรกจากแหล่งพิเศษ “A maître d’ ในร้านอาหารบอกฉันว่าแซนดร้า บูลล็อคกำลังแสดงหนังเรื่อง ‘Ocean’s’ ภาคใหม่กับทีมนักแสดงหญิง และจำได้ฉันคิดว่า  ‘ฟังแล้วเป็นงานที่วิเศษมาก’ เพราะฉันรักหนังภาคก่อนๆ จากนั้นแกรี่ก็โทรมาหาฉันและบอกว่า ‘ผมมีบทนางเอกให้คุณแสดง’

“มันสนุกมากค่ะที่ได้เล่นเป็นคนที่อยู่ในโลกที่ฉันรู้จักดี แต่หวังว่าจะไม่เหมือนกับฉันนะ” เธอหัวเราะ “แดฟนีเป็นคนโผงผางและมีชื่อเสียงมาก… เธอฉลาดกว่าที่ใครจะนึกได้เยอะเลย”

“แอนนี่สร้างพลังและความสนุกจากบทของเธออย่างมาก เธอถ่ายทอดการแสดงได้อย่างชัดเจนว่าเธอทุ่มสุดตัวได้ขนาดไหน” รอสกล่าว “เธอเป็นคนที่น่าทึ่ง เป็นนักแสดงที่มีความสามารถ เรามีช่วงเวลาที่วิเศษสุดกับเธอ”

แฮทธาเวย์แชร์ความเห็นว่า “แกรี่กับฉันอยากร่วมงานกันมานานแล้ว และมันก็วิเศษมากที่ได้สร้างตัวละครนี้ขึ้นมาร่วมกับเขา”

นอกจากจะเข้าไปชิงสร้อยคอจากแดฟนีแล้ว เด็บบี้และลูต้องการตัวแฟชั่นดีไซน์เนอร์เข้ามาร่วมทีมด้วย จากนั้นจึงแปลงโฉมให้กลายเป็นดีไซน์เนอร์ผู้สร้างชุดราตรีในงานเม็ตให้เธอ

เฮเลน่า บอนแนม คาร์เตอร์มารับบทโรส วีล เศรษฐีผู้มีชื่อเสียงที่ถูกจับตามอง เธอเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมา ตอนเราพบกับเธอ “โรสอยู่ในช่วงที่กำลังย่ำแย่” บอนแนม คาร์เตอร์ อธิบาย “ธุรกิจของเธอเกิดการติดขัดและเธอติดหนี้หลายล้าน เธอเองต้องการเงิน ส่วนพวกเธอต้องการแฟชั่นดีไซน์เนอร์ ฉะนั้นพวกเธออาจได้ประโยชน์ในกันและกัน”

นักแสดงหญิงเล่าว่าเธอเกิดความหลงใหลในบทฯ เพราะ “ฉันอยากทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาตลอด และฉันไม่เคยแสดงหนังแนวโจรกรรมมาก่อน ไม่เคยอยู่ในหนังพร้อมกับนางเอกถึง 8 คน ซึ่งนี่ก็ได้เวลาแล้ว ฉันว่ามันเป็นการเทียบให้เห็นในการที่มีผู้หญิงรับบทเยอะๆ ในบทที่ปกติจะเป็นผู้ชายเล่น มันเหมือนกับโบนัสอย่างหนึ่งเลย่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าจะสนุกดี”

“เฮเลน่าเปรียบเสมือนราชินีเลยค่ะ” บูลล็อคกล่าวด้วยความชื่นชมจากใจ “ฉันไม่เคยเจอใครที่มีความโดดเด่นและอ่อนหวานแบบนี้มาก่อนเลย เราไม่มีทางรู้ว่าเธอในฉากนั้นเธอจะไปในทิศทางไหน อาจเป็นอย่างที่บทเขียนไว้และ… เป็นในแบบเฮเลน่า เธอทำให้พวกเราต้องพร้อมจะถ่ายทอดตัวตนของเราออกมา”

ในความเป็นจริงแล้วบอนแนม คาร์เตอร์เลือกที่จะให้โรสพูดสำเนียงไอริช เธอยอมรับว่า “ไม่มีเหตุผลเลยสักนิดว่าทำไมเธอถึงมีความเป็นไอริช แต่ฉันคิดว่ามันจะทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดามากขึ้น ถ้าฉันช่วยเธอด้วยสำเนียงแบบนั้น” เธอยิ้ม

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่บอนแนม คาร์เตอร์ ต้องการความช่วยเหลือ คือการทำท่าเหมือนรู้ว่าต้องจัดการกับพวกเข็มและด้ายแบบไหน เธอใช้เวลาหลายวันอยู่กับฝ่ายเครื่องแต่งกาย ศึกษาเรื่องการเย็บผ้าและการตกแต่งผ้าที่ถูกต้อง “แม้ว่าโรสจะใช้เวลาอยู่กับมันเพียงไม่นาน แต่เหมือนเธอมีทักษะการเป็นดีไซน์เนอร์อยู่ในตัว” เธออธิบาย “ฉันอยากให้ดูเหมือนฉันสามารถผลิตเสื้อผ้าผู้หญิงได้ นั่นคือพรสวรรค์จากสิ่งที่ฉันมีค่ะ เราได้เห็นโลกผ่านมุมมองของคนอื่น ในบทของโรสคือมองจากมุมของดีไซน์เนอร์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากสำหรับฉัน”

สำหรับแผนการขโมยเครื่องประดับ ในทีมต้องการช่างทำอัญมณีด้วย และเด็บบี้รู้ว่าควรจะติดต่อใคร มินดี้ แคลิ่งรับบทอมิตา เธอเล่าให้ฟังว่า “เธออยู่กับแม่แต่เป็นคนที่ดื้อสุดๆ เธอเคยทำธุรกิจเถื่อนร่วมกับเด็บบี้มาบ้างแล้ว พอเธอโผล่ขึ้นมาอมิตาคิดเลยว่าจะต้องมีเรียบง่ายเข้ามาอีก แต่ปรากฎว่าเป็นแผนที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ฉันคิดว่าอมิตาอยากทำตัวแย่ๆ เพราะเธอทำตัวดีมาตลอดชีวิตแต่ก็อยากปลดปล่อยความชั่วร้ายในตัวออกมาด้วย”

“ผมเป็นแฟนของมินดี้ แคลิ่งตลอดมา” รอสกล่าว “ถ้าเคยเห็นการแสดงของเธจะรู้ว่าเธอเป็นศิลปินที่มีความสามารถขนาดไหน เธอมาพร้อมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่รู้ว่ามันงดงามขนาดไหน จนกระทั่งเราได้เข้าไปในห้องตัดต่อ”

ต่างฝ่ายต่างมีความยกย่องกันโดยแคลิ่งยืนยันว่า “สิ่งที่ดีที่สุดในการร่วมงานกับแกรี่ สำหรับฉันคือเขาเขียนบทในหนังโปรดของฉันบางเรื่อง เช่น ‘Big’ และ ‘Dave’ รวมถึง ‘Seabiscuit’ ซึ่งเขาเป็นผู้กำกับฯ ด้วย ฉันเองก็ชอบอะไรหลายอย่าง ฉันชอบที่เขาเป็นผู้เขียนและผู้กำกับฯ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักเขียนมาตั้งแต่แรก พอเขาเขียนบทเรื่องนี้และฉันได้มาถ่ายทอดจินตนาการของเขาให้เป็นรูปร่างขึ้นมา มันกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับฉันมากค่ะ”

การจะแปลงเพชรให้กลายเป็นเงินได้ต้องอาศัยผู้ชำนาญด้านรับซื้อของโจร เด็บบี้จึงเดินทางไปที่สุเบอร์เบียและตามหา แทมมี่ อดีตเพื่อนร่วมชาติที่เคยค้าขายของในตลาดมืดให้กับซูเปอร์มาร์เก็ต เธอดูแลทุกสิ่งเหมือนภรรยาและคุณแม่ทั่วไป… แต่อย่าดูในโรงรถของเธอเพราะเต็มไปด้วยของที่ขโมยมา

สำหรับการคัดตัวรับบทนี้ ซาร่าห์ พอลสัน เล่าว่า “แทมมี่เหมือนจะอยู่นอกเกมนี้ จากนั้นเพื่อนเก่าอย่างเด็บบี้ โอเชียนก็ดึงเธอกลับเข้ามาโดยให้สัญญาว่าเกมนี้มีรางวัลยิ่งใหญ่กว่าเท่าที่เคยมีมา ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับแทมมี่ที่ต้องเป็นคุณแม่แต่กลับมีชีวิตลับๆ แบบนี้ ซึ่งเธอมีควาสุขสุดๆ ที่ได้ออกจากบ้าน”

“ท่าทางของซาร่าห์ พอลสันมีความน่าทึ่งมาก” รอสกล่าว “ทุกเทคมีความแตกต่าง ทุกเทคชวนจินตนาการ ทุกเทคมีการตีความในแบบของตัวเอง หากเราไม่ทันระวังคงพลาดวันนั้นไปเลย เพราะเราไม่อยากหยุดการแสดงเอาไว้ ผู้ช่วยผู้กำกับฯ ของผมจะคอยดูผมและบอกว่า “ผมรู้ว่าคุณสนุกกับซาร่าห์ แต่มันถึงเวลาต้องเดินต่อแล้ว” เขาหัวเราะ

ลูเป็นคนหาสมาชิกที่เหลืออีก 2 คนสุดท้ายในทีม โดยเริ่มจาก “แฮคเกอร์ยอดฝีมือคนหนึ่งในชายฝั่งทางตะวันออก” ซึ่งเป็นความหวังเดียวในการเจาะระบบความปลอดภัยที่ซับซ้อนมากของเดอะ เม็ต ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างริฮานน่ามาร่วมทีมในบทผู้ชำนาญด้านคอมพิวเตอร์ไว้ผมทรงเดรดล็อคที่เรียกกันว่า ไนน์ บอล

“ผมเจอริฮานน่าหลังคอนเสิร์ตคืนหนึ่งที่สวีเดน เราได้คุยกันเรื่องความเป็นไปได้ของตัวละคร มีการอิงถึงที่มาของเธอและพูดในสำเนียงบาจันของเธออย่างสมจริง” รอสกล่าว “พวกเราต่างตื่นเต้นกับมัน ผมรักทุกวินาทีที่มีเธออยู่ในฉาก เธอเป็นคนที่เหลือเชื่อ น่ารัก มีความกระตือรือร้น และสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นในหนัง เธอทำให้โลกรอบตัวเธอสว่างสดใส พวกเราสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา”

ลูพาเด็บบี้พาไปหาเหล่าตัวแม่ และไปพบกับสาวบริการข้างถนนมือหนึ่งที่ชื่อคอนสแตนซ์ นักล้วงกระเป๋าผู้ชำนาญที่มือไหวกว่าสายตา คอนสแตนซ์รับบทโดย อวาฟิน่า นักแสดงดาวรุ่งที่ได้รับชื่อว่า โนรา ลัม

นักแสดงหญิงเป็นที่รู้จักสำหรับผู้เขียนบทฯ โอลิเวีย มิล์ช อยู่เลย เธอเคยร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่มิล์ชกำกับฯ ครั้งแรกเรื่อง “Dude” รอสเล่าว่า “ผมดูหนังของโอลิเวียและคิดว่าออควาฟิน่าไม่ธรรมดาเลย ผมรู้ทันทีว่าอยากได้เธอมาเล่นเรื่อง  ‘Ocean’s 8’ และเธอก็มหัศจรรย์สำหรับหนังเรื่องนี้”

ออควาฟิน่าเล่าว่า “พวกเธอเจอคอนสแตนซ์ที่เอลม์เฮิร์ส ใกล้กับที่ฉันโตขึ้นมาเลค่ะ เธอเล่นกลไพ่ 3ใบซึ่งเป็นกลลวงแบบนิวยอร์ค เธอมีความเป็นนิวยอร์คเต็มตัวไม่ต่างกับฉัน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าสื่อถึงเธอได้ เหมือนฉันเป็นคอนสแตนซ์ เว้นแต่พวกเรื่องล้วงกระเป๋ากับขโมยของนะคะ แต่เธอตรงกับฉันสุดๆ”

สำหรับการเตรียมตัวรับบทบาทเธอเล่าว่า “ฉันได้เรียนรู้พวกกลที่ใช้มือบางอย่าง มันวิเศษมากเลยค่ะ แต่การร่วมงานกับนักแสดงหญิงเก่งๆ ที่ฉันนับถือในตัวพวกเธอถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ฉันรู้สึกโชคดีสุดๆ”

ทัศนคติของเธอมีการส่งต่อถึงเพื่อนร่วมแสดงคนอื่นๆ บูลล็อคยืนยัน “พวกเรามี 8 คนและไม่มีใครเหมือนกันเลย แต่ความแตกต่างก็ไม่ใช่เป็นปัญหาของเรา เพราะเราแชร์เป้าหมายและสนับสนุนกัน และต้องมั่นใจว่าเราต่างมีสิ่งที่เราต้องการ ฉันชื่นชมในความเป็นมิตรต่อกันนะคะ”

“มีการหยอกล้อกันระหว่างฉาก” แบลนเช็ตต์เห็นด้วย “และฉันหวังว่าความรู้สึกนั้นจะถ่ายทอดสู่หน้าจอ ทุกคนมีพลังที่ดีในฉาก มันมีความอบอุ่นและกำลังใจมาก”

นักแสดงหลักของ “Ocean’s 8” ยังรวมถึง 2 นักแสดงชื่อดัง ซึ่งแต่ละคนต้องรับหน้าที่ขัดขวางสาวๆ ด้วยวิธีต่างๆ

ริชาร์ด อาร์มิเทจมาร่วมทีมนักแสดงในบท คลอด เบ็คเกอร์ ผู้ดูแลแกลอรี่งานศิลปะที่กลายเป็นผู้เลนคนหนึ่งในเกมอย่างไม่ทันตั้งตัว อันที่จริงแล้ว “เด็บบี้และคลอดเคยมีอดีตร่วมกันมาก่อน” อาร์มิเทจเปิดเผยว่า “ตอนเธอโผล่ที่แกลอรี่ของเขา ความช็อคจึงเกิดขึ้นเหมือนเขาตกลงไปอยู่เบื้องล่าง เด็บบี้เคยสร้างวีรกรรมไว้ในอดีต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาที่จบไม่สวย เธอยังคงทำเขาหายใจไม่ออก… เหมือนโดนต่อยไปที่ช่องท้อง”

เจมส์ คอร์เดน รับบท จอห์น ฟราเซียร์ ผู้ตรวจสอบกรมธรรม์ ซึ่งคุ้นหูชื่อของโอเชียนเป็นอย่างดี “เขามีอดีตกับโอเชียนทั้งครอบครัว เพราะพวกเขาเหมือนกับเสี้ยนหนามตลอดเวลา” คอร์เดนเล่าว่า “เขารู้ว่าสร้อยคอที่มีมูลค่าอย่างนับไม่ได้กำลังตกเป็นเป้าหมายในงานที่เด็บบี้อยู่ในงาน และทำให้ทั้งสองมาเจอกัน แต่หลังจากนั้นได้เกิดคำถามเรื่องตัวเลขที่ถูกต้องขึ้นมา สุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่ตำรวจ เขาไม่สนใจเรื่องอาชญากรรมอะไรเลย เขาแค่สนใจว่าบริษัทของเขาจะต้องจ่ายเงินหรือไม่”

เมื่อถามว่าเขามาร่วมงานในเรื่องนี้ได้อย่างไร คอร์เดนตอบด้วยอารมณ์ขันในแบบเขา “สตูดิโอโทรหาผมและบอกว่ากำลังสร้างหนังเรื่องนี้ และกังวลว่าจะไม่มีพลังของความโดดเด่นในหนัง พวกเขาต้องการนักแสดงชื่อดัง.. เปล่าหรอกครับ ผมเป็นแฟนหนังเรื่อง ‘Ocean’s’ คนหนึ่ง ตอนที่ผมอ่านบทและรู้ว่าผู้กำกับฯ คือใคร ผมคิดว่าการได้ร่วมงานด้วยคงเป็นเรื่องที่สนุกดี ผมมีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางนักแสดงสาวๆ ที่ผมชื่นชมและรู้สึกเคารพ”

 

เป้าหมาย : ทอสเซนต์

 

เป้าหมายในการปล้นของเรื่อง “Ocean’s 8” คือทอสเซนต์ที่ผลิตขึ้นโดยคาร์เทียร์ ผู้สร้างภาพยนตร์จึงเดินทงไปยังร้านขายอัญมณีชื่อดังระดับโลกที่ปารีส เพื่อผลิตสร้อยคออันงดงามที่คุ้มค่าพอกับเวลา 5 ปีกว่าที่เด็บบี้ โอเชียนวางแผนขโมยมันมา คาร์เทียร์เห็นด้วยอย่างทันที

เป็นเวลานานหลายยุคสมัยที่คาร์เทียร์ได้สร้างเครื่องประดับที่มีความงดงามและเป็นที่ต้องการระดับโลก อีกทั้งมีประวัติยาวนานในโลกภาพยนตร์ อาทิเช่น ภาพยนตร์เรื่องดัง “Gentlemen Prefer Blondes,” “Some Like It Hot,” “Sunset Boulevard” และ “High Society”

ปิแอร์ ไรนีโร ผู้บริหารที่รับช่วงต่อของคาร์เทียร์ด้านภาพลักษณ์และสไตล์ได้เล่าว่า สร้อยคอเพชรในเรื่องที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการมีความสำคัญเป็นสองเท่า “มันต้องเป็นทั้งสร้อยคอที่มีความสำคัญ ในแง่ของกะรัตและต้องมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ เราคิดถึงสร้อยคอเพชรชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ของเราทันที”

ต้นฉบับถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1931 โดย ชาก คาร์เทียร์ แด่มหาราชาแห่ง Nawanagar โดยบรรยายไว้ว่าเป็น “เพชรที่มีสีสันแห่งน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก” เครื่องประดับปรากฎให้เห็นเพียงไม่นาน แต่คาร์เทียร์ได้เก็บเอกสารเกี่ยวกับร่างการออกแบบและภาพถ่ายของชิ้นส่วนเอาไว้ มีการใช้ภาพร่างอ้างอิงเพื่อทำให้นึกถึงทอสเซนต์ในเรื่อง ตั้งชื่อเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อ ฌาน ทอสเซนต์ ผู้บริหารสร้างสรรค์แห่งคาร์เทียร์ตั้งแต่ปี 1933 ถึง 1970 ซูซาน อีคินส์เล่าว่า “ฌานสร้างอิทธิพลต่อการออกแบบเครื่องประดับในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งและเป็นที่นับถือ ซึ่งผมคิดว่าสร้อยคอทอสเซนต์ในเรื่อง ‘Ocean’s 8’ เหมาะจะมอบให้เธอมาก”

แทนที่จะผลิตเลียนแบบขึ้นมาให้เหมือน คาร์เทียร์เลือกใช้ศิลปะจากผลงานชิ้นโบว์แดงเป็นแรงบันดาลใจ  สำหรับออเดอร์สุดพิเศษนี้ คาร์เทียร์ได้ระดมทรัพยารจากโรงงานเครื่องประดับชั้นสูงที่ตั้งอยู่ใน rue de la Paix ที่ปารีส  ผู้ผลิตเครื่องประดับที่มีฝีมือสุดเป็นที่ต้องการตัวเพื่อผลิตงานฝีมืออย่างเร่งรีบ เพื่อให้ลงตัวกับกำหนดการถ่ายทำของภาพยนตร์ “โดยปกติแล้วสำหรับออเดอร์พิเศษที่มีความสำคัญ อย่างน้อยต้องใช้เวลาผลิต 8 เดือน” ไรนีโรยืนยัน “เราสร้างสร้อยคอเส้นนี้ขึ้นมาในเวลา 8 สัปดาห์”

สำหรับภาพยนตร์ที่มีทอสเซนต์ประดับเพชรบริสุทธิ์ไร้ตำหนิ ผู้ผลิตเครื่องประดับต้องใช้เซอโคเนียมออกไซด์ที่ใช้แช่ทองคำขาว ต้องมีความใส่ใจอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างฉากให้สมบูรณ์แบบเมื่อมองใกล้ๆ และด้วยมาตรฐานของคาร์เทียร์ย่อมไม่ยอมให้มีตำหนิใดๆ เกิดขึ้น แม้แต่ตอนการผลิตขึ้นมาใหม่ ทอสเซนต์ต้องอาศัยผู้ผลิตเครื่องประดับยอดฝีมือจากคาร์เทียร์เพื่ออาศัยฝีมือและความเป็นเลิศ

สำหรับการให้แอน แฮทธาเวย์เป็นผู้สวมใส่ในบทแดฟนี คูเกอร์ สร้อยคอจะมีการปรับลดลง 20% จากต้นฉบับถูกผลิตขึ้นสำหรับผู้ชาย เมื่อนักแสดงหญิงสวมใส่ครั้งแรกที่นิวยอร์ค ทอสเซนต์เหมาะกับเธออย่างพอดีมาก พวกเขาสร้างผลงานได้อย่างวิเศษมากค่ะ แฮทธาเวย์กล่าว อันที่จริงฉันไม่ได้ชื่นชมว่าสร้อยคอมีความพิเศษยังไง จนกระทั่งได้เห็นฉากที่ฉันเดินขึ้นบันไดและมันส่องประกายออกมา ฉันเข้าใจทันทีเลยว่ามันมีความสำคัญมาก เหมือนเป็นเวทมนตร์ของหนังเลยค่ะ

 

เดอะ บิ๊ก แอปเปิ้ล

 

กองถ่ายของ “Ocean’s 8” มีการถ่ายทำทั้งหมดที่นิวยอร์ค ซึ่งแกรี่ รอสและตากล้องของเขา ไอกิล ไบรล์ด ได้ถ่ายทอดเมืองที่ไม่เคยหลับใหลออกมา

“หากเราจะถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับนิวยอร์คซิตี้ เราก็ต้องเดินทางไปที่นั่น” บูลล็อคกล่าว “นิวยอร์คมีพลังอยู่ในตัวค่ะ มันจุดประกายบางสิ่งในตัวคุณและทำให้คุณพร้อมที่จะทำทุกอย่าง พวกเราต่างคุ้นเคยกับเมืองนั้นดี ฉันอยู่ที่นั่นมานาน มันเหมือนกับเพื่อนเก่าของฉัน แต่ยังมีความแปลกใหม่ที่คาดเดาไม่ได้อยู่ และเป็นเมืองที่ไม่มีวันหยุดเวลาถ่ายทำภาพยนตร์ที่นั่น เราก็แค่ถ่ายทำภาพยนตร์ไปรอบเมือง”

ความร่วมมือของภาพยนตร์กับคาร์เทียร์ได้ขยายไปสู่สถานที่แห่งหนึ่งที่สำคัญต่อการถ่ายทำ คือคฤหาสน์คาร์เทียร์ คลังสินค้าสำคัญของเครื่องประดับบนถนน 52nd Street ถูกปิดลง 2 วัน เพื่อใช้สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ รวมถึงฉากสำคัญที่โรส วีล และอมิตา “ผู้ช่วย” ของเธอยืนยันที่จะสำรวจทอสเซนต์อันล้ำค่า สิ่งที่ทำให้การปิดห้องสินค้าดูพิเศษมากขึ้น คือในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นฤดูกาลช่วงวันหยหุดที่มีการซื้อสูงสุด ผู้ออกแบบฉาก อเล็กซ์ ไดเกอร์แลนด์โด เล่าว่า “พวกเขามอบกุญแจสู่อาณาจักร เครื่องประดับทุกชิ้นที่เห็นในฉากเหล่านั้นคือของจริง ไม่มีฉากสำหรับภาพยนตร์เลย”

สำหรับที่บรูคลิน Bushwick United Methodist Church ถูกแปลงสภาพเป็นห้องใต้หลังคาของลู ซึ่งกลายเป็นกองบัญชาการที่มีตัวตนของทีมที่พวกเธอวางแผนการปล้น อาคารนี้มีอายุตั้งแต่ประมาณปี 1900 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ที่ตกแต่งภายใน 2 ชั้น มีระเบียงอยู่ด้านบน และมีเวิ้งเล็กๆ อยู่บนชั้นที่ 2 ทำให้มันดูวิเศษมาก ไดเกอร์แลนโดอธิบายว่า “ตอนที่เรากำลังคิดถึงเรื่องห้องใต้หลังคา เราต้องการอะไรที่ดูน่าสนใจ แต่ก็สะท้อนบุคลิกของลูออกมาด้วย เธอเป็นคนที่มีความชัดเจน ไม่ตกแฟชั่น เราจึงตกแต่งด้วยข้าวของที่เธอสะสมจากการเดินทางช่วงหลายปี”

คลังสินค้าริมแม่น้ำบริเวณ Red Hook ในบรูคลินถูกใช้ด้านนอกเป็นห้องใต้หลังคา และด้านในเป็นไนท์คลับของลู ในเมืองเดียวกันนั้นพวกเขาได้ถ่ายทำฉากหนึ่งที่ Junior’s Deli ซึ่งขึ้นชื่อไปทั่วโลกเรื่องชีสเค้ก

ย้อนกลับไปที่แมนฮัตตัน กองถ่ายได้ร่วมงานกับ Vogue เพื่อใช้เวลา 1 วันถ่ายทำสำนักงานใหญ่ของแมกกาซีนที่  World Trade Center ซึ่งแทมมี่จัดแผนการทำงานของเธอสำหรับเดอะ เม็ต กาล่าที่นั่น

สถานที่ถ่ายทำอื่นๆ ในแมนฮัตตันนอกจากเดอะ  เม็ตแล้ว ยังมี Plaza Hotel; Rockefeller Plaza ของคริสตี้; The Pierre Hotel; Casa Lever ร้านอาหารขึ้นชื่อ Lever House บน Park Avenue; ห้างของ Bergdorf Goodman และตึก 52-story ของ The New York Times

สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่จดจำได้ดีคือตึก Eero Saarinen ที่ JFK ครั้งหนึ่งเคยเป็น TWA Flight Center แต่ตอนนี้ไม่มีการใช้งานใด ที่นั่นกลายเป็นฉากที่โรส วีลหวังว่าจะจะกลับมาอยู่แถวหน้าของแฟชั่น

สำหรับเวทีรันเวย์ของโรส ผู้สร้างภาพยนตร์ขอความช่วยเหลือจาก อเล็กซานเดร เดอ เบตาค ดีไซน์เนอร์ชื่อดังด้านการสร้างแฟชั่นโชว์ที่น่าประทับใจ ก่อนการถ่ายทำ เดอ เบตาค ได้พาแกรี่ไปดูแฟชั่นโชว์ 3 งาน ผลลัพธ์ที่ได้คือ Vogue ช่วยจัดการ 2-3 แถวแรกด้วยประสบการณ์จริงจาก New York Fashion Week

จริงๆ แล้วคอลเลคชั่นใหม่ของโรสเกิดขึ้นโดยผู้ออกแบบฉาก ซาร่าห์ เอ็ดเวิร์ดส ผู้ออกแบบลุคที่ต่างกันทั้ง 50 แบบบในสีฟ้าและเทา ทำให้นึกถึงเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนสายการบิน สะท้อนถึงสไตล์ของช่วงกลางศตวรรษแห่งห้วงอวกาศ “แกรี่รู้สึกว่าถ้าเราจะคงสภาพตึกอาคารในสมัยก่อนเอาไว้ มันคงจะดูสวยแต่มีบางด้านที่สะท้อนถึงมุมแฟชั่น” เดเวิร์ดสกล่าว “เราอยากให้โชว์ของเธอมีข้อผิดพลาดมากกว่าดูล้มเหลว เราไม่อยากให้มันดูน่าตกใจ แค่มีบางอย่างที่ไม่ตอบโจทย์ลูกค้าสมัยใหม่”

สำหรับการออกแบบเรื่องแต่งกายของตัวละครหลักในแต่ละวัน เอ็ดเวิร์ดเล่าว่า “เราอยากใช้เวลาสร้างความมั่นใจเรื่องเครื่องแต่งกายที่เหมาะสำหรับแต่ละคน และสื่อถึงบุคลิกของแต่ละคนในเรื่อง สำหรับนักแสดงนำหญิงทั้ง 8 คน มันสำคัญมากที่ต้องให้พวกเธออยู่ในเส้นทางของตัวเอง ฉะนั้นพูดได้ว่ามันมีความท้าทายแต่ก็สนุกดี”

เอ็ดเวิร์ดสเล่าว่าเครื่องแต่งกายสำหรับบูลล็อคออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึง “บุคลิกที่ดูเท่และมีความโดดเด่น ทุกอย่างดูเรียบง่ายมาก เป็นชุดยาว เบาบาง และเรียบง่าย เด็บบี้ โอเชียนต้องดูสามารถเคลื่อนไหวผ่านช่องว่างและสถานการณ์ที่ดูมีลับลมคมในได้ ต้องรักษาสีสันโทนมืด มีเค้าโครงเรียบง่ายและสะอาดอย่างสมบูรณ์แบบ”

ดีไซน์เนอร์ยังเล่าต่อว่าตัวละครลูของแบลนเช็ตต์จะมีลวดลายและสีสันมากกว่า “เราอยากให้มีความรู้สึกว่าในชุดมีข้าวของที่เธอสะสมมานาน มีการผสผสานรายละเอียดทั้งเก่าและใหม่อย่างพิถีพิถัน มีลวดลายสัตว์และหนังผสมในชุด ลูเป็นเจ้าของไนท์คลับสุดเก๋ ส่วนเคทมีเซนส์ในเรื่องสไตล์ของเธออย่างชัดเจน เธอจึงแสดงความเห็นได้หลายอย่าง”

“ซาร่าห์ เอ็ดเวิร์ดสสร้างผลงานสุดพิเศษด้านเครื่องแต่งกายออกมา และการร่วมงานกับเธอก็นุกมากค่ะ” แบลนเช็ตต์กล่าว

นักแสดงชื่อดังในหนังอีกคนที่มีสไตล์ของเธอชัดเจนคือริฮานน่า ซึ่งรับบทไนน์ บอล เธอสวมชุดที่ดูแปลกตาสำหรับเธอ เป็นชุดเดนิมตัวใหญ่ทั้งชุด เสื้อขนสัตว์ตัวใหญ่ และรองเท้าบูทแบบทหาร

สำหรับความแตกต่างที่เอ็ดเวิร์ดสเล่าว่า “แดฟนี คลูเกอร์เป็นดาราหน้าใหม่ของฮอลลีวูด ได้รับความนิยมในเมือง แอน แฮทธาเวย์อยากให้เธอดูเหมือนเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ในยุคใหม่ พร้อมความมองแบบบาร์บี้ในตัวอีกนิด” เธอกล่าว

 

 

เดอะ เม็ต

 

เดอะ เม็ต กาล่าไม่ใช่แค่งานปาร์ตี้ แต่ยังเป็นงานระดมทุนประจำปีของ The Metropolitan Museum สำหรับ Art’s Costume Institute และเป็นการเปิดตัวงานแสดงช่วงฤดูใบไม้ผลิของพวกเขาด้วย ด้วยข้อจำกัดของเวลาและพื้นที่ งานแสดงเสื้อผ้าของภาพยนตร์จึงไม่สามารถสร้างขึ้นที่เดอะ เม็ตได้ แต่อาศัยการรวมตัวกับเวทีในงาน Gold Coast Studios ที่ลองไอร์แลนด์แทน

ไดเกอร์แลนโดและทีมงานของเขาใช้เวลาเกือบ 9 เดือนในการออกแบบและสร้างฉากที่มีความซับซ้อนของงานแสดงเครื่องแต่งกายในหนังที่ชื่อ “The Scepter and the Orb: Five Centuries of Royal Dress” ซึ่งชื่อนี้ได้รับเลือกจาก ฮามิช โบว์เลส นักเขียนอิสระแห่ง Vogue ซึ่งทำหน้าที่ดูแลงานจัดแสดงแฟชั่นมานานหลายปี และได้รับการแนะนำโดยแอนนา วินทัวร์ ให้มาช่วยใน “Ocean’s 8” โบว์เลสเล่าว่า “แทนที่จะใช้ไอเดียของการผลิตเสื้อผ้ายุคพีเรียด เราจัดงานแสดงด้วยไอเดียชุดแห่งราชวงศ์ ซึ่งสร้างความหลงใหลให้แฟชั่นดีไซน์เนอร์ได้ตลอดกาล”

โบว์เลสสามารถจูงใจให้บริษัทแฟชั่นระดับแถวหน้าเปิดสถานที่สำหรับกองถ่าย เสื้อคลุมยาวที่คัดเลือกโดยแฟชั่นดีไซน์เนอร์ถูกแพคส่งไปที่สตูดิโอ โดยพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาชุดเหล่านั้นไว้อย่างดีบนหุ่นที่เป็นแบบ จากนั้นได้นำมาตั้งบนเวทีที่โบว์เลสและไดเกอร์แลนโดกำหนดเอาไว้

ทางเข้าทูดอร์-เอส มีการสะท้อนถึงอิทธิพลจากราชวงศ์อังกฤษด้วยแฟชั่นโดยซาร่าห์ เบอร์ตัน สำหรับ  Alexander McQueen และโดยมาเรีย กราเซีย ชิอิร และ ปิแอร์เพาโล พิคซิโอลิ สำหรับ Valentino คฤหาสน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสสะท้อนผ่านทางชุดคลุมโดย Dolce & Gabbana, Zac Posen, Jean Paul Gaultier, John Galliano for Christian Dior, Vivienne Westwood, Valentino และ Alexander McQueen

เครื่องแต่งกายทั้งหมดถูกตกแต่งด้วยอัญมณีที่เจิดจรัส ซึ่งเป็นงานฝีมือจากผู้ชำนาญด้านอุปกรณ์ประกอบฉาก ไมเคิล จอร์ตเนอร์ ที่ต้องร่วมงานกับผู้ผลิตเครื่องประดับ

นอกจากความหรูหราของเสื้อผ้าจากช่างตัดเสื้อแล้ว ฉากมีความน่าประทับใจตรงที่สื่อถึงสระน้ำปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ โดยเครื่องแต่งกายเหมือนสิ่งที่ปกคลุมอยู่ด้านบน ซึ่งน้ำส่วนใหญ่เป็นของจริง  แม้ว่าน้ำจะอยู่ด้านล่างและเสริมเข้าไปด้วยเทคนิคดิจิตอลทีหลัง เพื่อสร้างความแน่ใจว่าแฟชั่นมูลค่ามหาศาลจะไม่ถูกความชื้นทำลาย

ในฉากไม่มีการจำกัดรายละเอียด แม้แต่ป้ายชื่อสำหรับงานแสดง ทุกอย่างเขียนขึ้นโดยโบว์เลสและทีมงานของเขา รายละเอียดเบื้องหลังเกี่ยวกับชุดคลุมแต่ละตัวและการอิงตามประวัติศาสตร์ถูกต้องทุกอย่าง แม้ว่าจะไม่สามารถอ่านได้บนหน้าจอ แต่โบว์เลสยืนยันว่า “ทุกสิ่งที่เราทำตรงตามหลักที่เราทำเพื่องานแสดงของพิพิธภัณฑ์”

ฉากอื่นๆ สร้างขึ้นบนฉากในโกลด์โคสต์ รวมถึงห้องโถงที่ยาวไปสู่ห้องน้ำผู้หญิงของพิพิธภัณฑ์และห้องอาบน้ำ และยังมีการขยายในส่วนเทมเปิลองเดนเดอร์แห่งเดอะ เม็ตในมุม The Sackler Wing กับรูปปั้นชาวอียิปต์ที่สร้างขึ้นให้คล้ายกับรูปปั้นในพิพิธภัณฑ์จริง “จริงๆ แล้วฉากมีการเชื่อมโยงถึงกันหมด” ไดเกอร์แลนโดกล่าว “เราสร้างขึ้นมาเพื่อให้เชื่อมโยงถึงกัน เราจึงสร้างให้ลื่นไหลจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่งได้”

ทุกเส้นทางใน “Ocean’s 8” ได้นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญคือเดอะ เม็ต กาล่า “ที่มีการบรรจบกันระหว่างแฟชั่น ศิลปะ และผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ความสูงที่ซับซ้อนของนิวยอร์คและวัฒนธรรมการจัดงานปาร์ตี้ และน่าจะเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่สุดแห่งปี” โอลิเวีย มิล์ชกล่าว

แม้จะรายล้อมไปด้วยผู้มีชื่อเสียงที่สวมชุดแฟชั่นระดับสูงและเครื่องประดับระยิบระยับ ความแพรวพราวของทอสเซนต์ได้กุมความสนใจของทุกคนในงาน โดยเฉพาะเด็บบี้ โอเชียนและทีมของเธอ “เราวางแผนปล้นเครื่องประดับกัน แต่อยากให้มันดูน่าสนุกกว่าการขโมยออกมาจากตู้เก็บเครื่องประดับหรือห้องนิรภัย” รอสกล่าว “ฉากหลังของกาล่ามีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้น ซึ่งเราคิดว่ามันคงดีถ้าได้พาผู้ชมไปที่นั่น”

ทีมงานและผู้สร้างฯ “Ocean’s 8” โชคดีมากที่ได้ถ่ายทำฉากงานกาล่าภายใน The Metropolitan Museum of Art โดยผู้สร้างฯ ได้พิจารณาถ่ายทำงานรื่นเริงในโรงถ่าย แต่รอสได้พบกับประธานและซีอีโอแห่ง Metropolitan Museum แดเนียล เอช. วีซ และเขาอนุญาตให้กองถ่ายสามารถถ่ายทำภายในพิพิธภัณฑ์ได้ 2 สัปดาห์ ซึ่งยาวนานกว่าภาพยนตร์เรื่องใดในอดีต

อีคินส์เล่าว่า “ความตื่นเต้นของการถ่ายทำที่นิวยอร์คซิตี้มันเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ และฉากหลังของเมืองไม่ได้เรียกความสนใจได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังให้การต้อนรับอย่างดีเยี่ยมอีกด้วย และการได้เข้าไปอยู่ในสถานที่สำคัญอย่างเดอะ เม็ตถือเป็นเกียรติสำหรับเราทุกคน”

เดอะ เม็ตตั้งอยู่บนถนน Fifth Avenue มุม Central Park ด้านหน้าของอาคาร Beaux-Arts แห่งเดอะ เม็ตได้ขยายไปถึง 4 ช่วงตึกของเมือง จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่กว้างสุดในสหรัฐฯ และยังเป็นสถานที่ๆ วุ่นวายที่สุดอีกด้วย ฉะนั้นมีทางเดียวที่จะถ่ายทำในพิพิธภัณฑ์ได้คือช่วงกลางคืน  ทันทีที่ประตูปิดในเวลา 5:30 การถ่ายทำจึงเริ่มขึ้น แต่พวกเขาต้องออกจากที่นั่นทุกเช้าราว 2-3 ชั่วโมงก่อนพิพิธภัณฑ์จะเปิดทำการใหม่ เพื่อให้พวกเขามีเลาเตรียมตัวต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมในช่วงกลางวัน

ธรรมชาติของสถานที่แห่งนั้นยังมีอุปสรรคที่น่ากลัวอย่างการที่มีทุกคนมารวมอยู่ในการถ่ายทำอีกด้วย เช่น นักแสดง นักแสดงสมทบ ทีมงานนับร้อยคน ยังไม่รวมถึงเรื่องไฟ กล้อง และอุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ท่ามกลางผลงานศิลปะนับมูลค่าไม่ได้และหาอะไรมาทดแทนไม่ได้

“ผมเรียกว่าการประชุม “ความปลอดภัย” เพื่องานศิลปะ เพราะเราจะมีการแสดงผาดโผนสำคัญ ผมหมายว่าการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่างบสร้างหนังก็ได้” รอสกล่าวติดตลก “เราต้องระมัดระวังสุดๆ เราเคยจัดประชุมกับเดอะ เม็ตเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังจะทำ เพื่อให้พวกเขารับทราบทุกการเคลื่อนไหว เราจะขนของเข้าออกยังไง ตั้งกล้องได้ตรงไหนบ้าง… และเราออกแบบฉากออกมาอย่างถูกต้องตรงตามแผนที่วางไว้ เราใส่ใจระมัดระวังตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายอย่างร้ายแรง” เขายิ้ม

แม้ว่าจะมีข้อจำกัดต่างๆ แต่ทุกคนก็รู้สึกชื่นชมในโอกาสอันน้อยนิดที่จะได้ชมผลงานชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑ์ในช่วงเวลาที่ยาวนาน บูลล็อคยืนยันว่า “ในช่วงระหว่างการถ่ายทำ เราจะเดินไปรอบๆ และถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์อย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน ได้หยุดมองผลงานศิลปะ พิจารณาและสังเกตการลากพู่กัน เรามีเวลา 2 สัปดาห์ในการสนุกสนานกับทุกอย่าง ฉะนั้นการถ่ายทำที่เดอะ เม็ตเหมือนเป็นของขวัญพิเศษในหลายระดับ”

ในทุกปีเดอะ เม็ต กาล่าจะมีธีมสำหรับงานจัดแสดงเสื้อผ้า ซึ่งมีการเปิดตัวในงานปาร์ตี้ยามค่ำคืน ซึ่งธีมนั้นจะสะท้อนจากเครื่องแต่งกายของบรรดาแขกและสิ่งที่ตกแต่งในงานปาร์ตี้ สำหรับ “Ocean’s 8” มีการเลือกธีมราชวงศ์ยุโรป

“เราเลือกพระราชวังแวร์ซายเป็นฉากสุดหรูหราอลังการของเรา” ไดเกอร์แลนโดเล่ารายละเอียด ห้องโถงใหญ่ถูกทำให้จินตนาการถึงสวนแห่งหนึ่งของพระราชวังแวร์ซาย พอเราเดินผ่านเข้าไปจะเจอบันไดที่หรูหราใหญ่โต”

ทีมของไดเกอร์แลนโดติดตั้งสวนพุ่มไม้และรูปปั้นที่เหมาะสำหรับสวนของราชวงศ์ ในบริเวณที่ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์จะเข้ามาเป็นจุดแรกของตึก สร้างความสมบูรณ์แบบด้วยสวนที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นองค์ประกอบบดบังแผงแจ้งข้อมูลข่าวสาร ในเทมเพิลแห่งเดนเดอร์ของพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดกาล่าดินเนอร์ วิหารอียิปต์โบราณถูกรายล้อมไปด้วยฉากของแวร์ซาย

บนบันไดกว้างที่ทอดจากห้องโถงใหญ่ไปจนถึงห้องแสดงผลงานศิลปะชั้นที่ 2 นักแสดงที่อยู่ด้านหลังแต่งตัวเป็นผู้รับใช้ “เราเกิดไอเดียที่ให้มีผู้รับใช้ 50 คนเรียงตรงบันได โดยมีโคมเทียนที่ตั้งฉากกับพรมที่มีการวาดไว้อย่างสวยงามและเรียงขึ้นไปบนบันได” ไดเกอร์แลนโดอธิบาย “เครื่องแต่งกายของพวกเธอกลายเป็นสิ่งสำคัญในการประดับตกแต่งฉาก”

 

 

 

 

การจัดงานเลี้ยง

 

แฟชั่นคือส่วนสำคัญสำหรับเม็ต กาล่า และซาร่าห์ เอ็ดเวิร์ดสได้ร่วมงานกับดีไซน์เนอร์ระดับแถวหน้าของโลก เพื่อแต่ตัวให้นักแสดงนำหญิงทั้ง 8 คนสำหรับงานเลี้ยง สิ่งแรกคือเธอคุยกับสาวๆ แต่ละคนว่าแฟชั่นดีไซน์เนอร์รู้สึกว่าตัวละครของพวกเธอเหมาะกับชุดแบบไหน ซึ่งสำหรับนักแสดงหญิงแล้วชุดเสื้อคลุมยาวมีอะไรมากกว่า “เราแต่งตัวเป็นใคร?”

“มันเป็นการผลักดันไปให้ถึงขีดสุด ทั้งเรื่องการออกแบบเสื้อผ้า การแสดงตัวตนออกมาผ่านเนื้อผ้าและรูปแบบอย่างที่เราไม่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน” แซนดร้า บูลล็อคกล่ว “และสาวๆ ทุกคนต้องสวมเดรสสุดพิเศษสำหรับงานกาล่า

“อัลเบอร์ต้า เฟอร์เรตติออกแบบชุดของฉัน และฝีมือของเขาถูกแสดงออกมาอย่างน่าทึ่งค่ะ” บูลล็อคกล่าวต่อ “ฉันไม่รู้ว่านั่นเป็นความตั้งใจมั้ย แต่นามสกุลของตัวละครของฉันคือโอเชียน และตอนที่ฉันดูด้านล่างของชุดและชายกระโปรง มันมีทั้งปลาดาว หอย คลื่นทะเลที่เย็บปักถักร้อยด้วยสีทองและเงินอยู่บนท้องทะเลสีดำ ถือเป็นผลงานศิลปะอย่างหนึ่งเลยค่ะ

เสื้อคลุมของเฮเลน่า บอนแนม คาร์เตอร์ยังสื่อถึงชื่อของตัวละครของเธอด้วย เธออธิบายว่า “พวกเขาจับคู่ฉันเข้ากับ  Dolce & Gabbana ซึ่งเป็นการจับคู่กันที่น่ายินดีมากค่ะ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวนะคะแต่สำหรับตัวละครของฉันด้วย ฉันไปที่สตูดิโอของพวกเขา เห็นชุดนี้อยู่มุมห้อง เป็นเสื้อคลุมสีขาวยุค 50 ที่มีดอกกุหลาบเต็มไปหมด ฉันพูดว่า ‘นั่นดอกกุหลาบนี่’ จากนั้นเพื่อให้มันดูดียิ่งขึ้น มีการวาดภาพด้วยมือเพื่อทำให้ดอกกุหลาบโดดเด่นดูมีมิติ เหมือนฉันกลายเป็นสวนดอกกุหลาบเคลื่อนที่ได้เลยค่ะ”

มินดี้ แคลิ่งรู้สึกพิเศษกับชุดของอมิตาเป็นการส่วนตัว เธอเล่าว่า “ชุดของฉันออกแบบโดย Naeem Khan ซึ่งฉันเป็นแฟนเขามานานหลายปีแล้วค่ะ เขาเป็นชาวอินเดียซึ่งมีความหมายต่อฉันเป็นพิเศษ” แสงที่ดูเป็นประกายเกิดขึ้นจากสีทองหลายเฉดประกอบกับพวกโลหะและอัญมณีที่เป็นงานฝีมือ “มันเหมือนสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงที่รักแฟชั่นสมความปรารถนา”

ออควาฟิน่ามีสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดสเรียกว่า “ช่วงเวลาของซินเดอเรลล่า” ในร่างของคอนสแตนซ์ที่สวมชุดเสื้อคลุมของ   Jonathan Simkhai และนักแสดงหญิงเห็นด้วยว่า “มันมีความหรูหรามากค่ะ เป็นชุดที่สวยที่สุดเท่าที่ชีวิตฉันเคยสวมเลย” แต่อย่างไรก็ตามเธอมีปัญหาหนึ่งกับการสวมชุดแฟชั่น “ระดับสูง” “มันไม่ง่ายเลยค่ะที่ฉันจะเดินด้วยรองเท้าส้นสูง เหมือนฉันจะล้มลงเลย ฉันต้องฝึกการเดินด้วยรองเท้าที่ไม่ใช่ Ugg” เธอหัวเราะ

ตัวละครแทมมี่ของซาร่าห์ พอลสัน สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มจาก Prada ซึ่งเป็นสิ่งที่พอลสันเล่าว่า “เหมือนทุกอย่างที่ผมหวังเอาไว้ ก่อนหน้านี้ผมสนุกที่ได้ร่วมงานเม็ต กาล่า มันเป็นค่ำคืนที่ชวนหลงใหลอย่างน่าทึ่ง ผมคิดว่าทุกคนรวมถึงแผนกศิลป์ เครื่องแต่งกาย ทรงผม และเมคอัพถ่ายทอดเสน่ห์นั้นออกมาได้ดีเยี่ยม มหัศจรรย์มากครับ”

แทนที่จะสวมชุดยาวแบบโบราณ Givenchy ได้สร้างลุคที่โดดเด่นให้เคท แบลนเช็ตต์ในบทลู “มันเป็นชุดจั๊มพ์สูทตกแต่งด้วยลูกปัดสีเขียวมรกตสุดหรู ดูแล้วมีความเป็นร็อคแอนด์โรล คล้ายกับโบวี่” เอ็ดเวิร์ดสยืนยัน   “ผมคิดว่านั่นเป็นอย่างที่คิดไว้สำหรับตัวละครของเธอเลย”

ริฮานน่ามารับบทไนน์ บอล สวมชุดที่ออกแบบอย่างประณีตโดย Zac Posen “ภาพเงาและสีสันที่ดูเรียบง่ายเหมาะกับเธอมาก” _เอ็ดเวิร์ดสกล่าว

สำหรับการเลือกหญิงสาวที่สวยสุดในงานเลี้ยง แดฟนี คลูเกอร์ ดูสวยสดใสในชุดที่ “สร้างขึ้นโดยโรส วีล” ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นผลงานจาก Valentino ชุดยาวสีชมพูสดกับผ้าคลุมยาว 25 ฟุต ทำให้เธอดูเหมือนราชินีเหมาะกับธีมของงานกาล่ามาก แฮทธาเวย์เล่าว่า “ฉันมีอดีตที่ยาวนานร่วมกับครอบครัว Valentino ฉะนั้นฉันรู้ดีไม่ว่าเขาจะส่งอะไรมาให้มันต้องน่าทึ่งแน่ และฉันรักในหนังเก่าๆ ที่เห็นเกรซ เคลลี่ หรือ ออเดรย์ เฮพเบิร์นอยู่ในชุดจากดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ฉันรู้เลยว่าจะมีช่วงเวลาที่ดูน่ารักแบบนั้น”

มีองค์ประกอบในการออกแบบอย่างหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นให้ชุดของแฮทธาเวย์ เอ็ดเวิร์ดสอธิบายว่า “มันสำคัญมากที่เราต้องมี ‘ความแน่นหนา’ สำหรับสร้อยคอ ฉะนั้นจึงมีความตั้งใจให้ชุดดูเรียบง่าย ไร้สายรัด เย็บอย่างเรียบร้อย และสีสันก็ดูไม่ขัดตากับเพชร ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดพิจารณาเอาไว้”

เอ็ดเวิร์ดสรู้สึกชื่นชมในเหล่าดีไซน์เนอร์เป็นอย่างมาก สำหรับการสร้างสรรค์ชุดอย่างรวดเร็วให้ทันตามกำหนดการถ่ายทำ “เราขอร้องพวกเขาให้ประดิษฐ์ชุดเหล่านี้เวลาที่สั้นจนแทบไม่น่าเป็นไปได้” เธอยืนยัน “ในหนังเรามีตารางการทำงานที่บ้าหลุดโลกมาก แต่บริษัทออกแบบเสื้อผ้าไม่เป็นแบบนั้น พวกเขาสร้างผลงานที่น่าทึ่งออกมาผ่านชุดเหล่านั้นที่ผลิต นำเสนออกมาได้อย่างลงตัว ฉันต้องขอบคุณทุกคนเลยค่ะ มันเป็นงานที่ต้องทุ่มเทพยายามอย่างมาก”

นอกจากนั้นแล้วบริษัทผู้ออกแบบหลายแห่งยังมอบชุดคลุมยาวและชุดทักซิโด้อีกนับร้อย เพื่อให้นักแสดงสทบแต่งกายอย่งาเหมาะสมกับการร่วมงานรื่นเริง “มันต้องอาศัยคนจำนวนสำหรับจัดการเรื่องชุดของแขกในงานเดอะ เม็ต กาล่า แต่เราโชคดีมากที่มีทีมงานมืออาชีพ” เอ็ดเวิร์ดสกล่าว.

โซเดอร์เบิร์กจำได้ว่ารู้สึกประทับใจกับผลลัพธ์ที่ได้ “เราเพิ่งถ่ายทำฉากหนึ่งเสร็จ และต้องย้ายไปถ่ายทำอีกฉากในอีกส่วนหนึ่ง ผมเห็นทีมนักแสดงนักแสดงสมทบราว 300 คนเดินเรียงหน้าผ่านผมไป ดูแล้วเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด และเสื้อผ้าทุกชุดก็ดูน่าทึ่งมากครับ”

เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง แกรี่ รอสกลับไปที่ลอสแองเจลิสเพื่อจัดการรายละเอียดหลังถ่ายทำให้เรียบร้อย เขาร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ลำดับภาพ จูเลียต เวล์ฟลิง และผู้ประพันธ์ดนตรี แดเนยบ เพมเบอร์ตัน โดยเพมเบอร์ตันได้แต่งเพลงที่มีการผสมผสานโทนที่หลากหลายในหนังอย่างลงตัว

รอสแสดงความเห็นว่า “มันมีการผสมผสานกันหลายอย่าง” ทั้งความสนุกสนานแต่ไม่ใช่แนวคอมเมดี้ซะทีเดียว เป็นหนังเกี่ยวกับการโจรกรรม แต่ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป มีความสนุกสนาน ร่าเริงสดใส แต่ที่สุดแล้วผมคิดว่ามันเจ๋งมากครับ และผมคิดว่าผู้ชมจะมีความสุขกับหนัง”

ข้อมูลภาพยนตร์เรื่อง Ocean’s 8  – โอเชียน 8 
เข้าฉาย 14 มิถุนายนนี้  ในโรงภาพยนตร์