โลกต้องการฮีโร่… จึงมีแบล็ก อดัม

 

ผลงานจาก New Line Cinema สู่ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยนำแสดงโดยดเวย์น จอห์นสัน เรื่อง “Black Adam” ภาพยนตร์เรื่องแรกที่จะเข้าไปสำรวจเรื่องราวของดีซี ซูเปอร์ฮีโร่บนจอยักษ์ ภายใต้การกำกับฯ ของเจาเม โกเยต เซร์ร่า (“Jungle Cruise”)

ที่คาห์นดักในอดีต เทธ อดัมได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้า แต่หลังจากใช้พลังนั้นไปกับการล้างแค้น เขาถูกกักขังและกลายเป็นแบล็ก อดัม เวลาผ่านไปเกือบ 5,000 ปี แบล็ก อดัมกลายร่างจากมนุษย์สู่เรื่องเล่าและตำนาน จนตอนนี้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมที่มาจากความโกรธแค้น และถูกฮีโร่รุ่นใหม่ในแวดวงแห่งความยุติธรรมเข้ามาท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นฮอว์คแมน, ดร.เฟท, อะตอม สแมชเชอร์ และ ไซโคลน

จอห์นสันนำแสดงคู่กับอัลดิส ฮอดจ์ (“City on a Hill,” “One Night in Miami”) รับบทฮอว์คแมน, โนอาห์ เซนทินีโอ (“To All the Boys I’ve Loved Before”) รับบทอะตอม สแมชเชอร์, ซาราห์ ชาฮี (“Sex/Life,” “Rush Hour 3”) รับบทอาเดรียนนา, มาร์วาน เคนซารี (“Murder on the Orient Express,” “The Mummy”) รับบทอิชมาเอล, ควินเทสซ่า สวินเดล (“Voyagers,” “Trinkets”) รับบทไซโคลน, โบดฮี ซาบอนกุย (“A Million Little Things”) รับบทอามอน และเพียร์ซ บรอสแนน (“Mamma Mia!” และแฟรนไชส์เจมส์ บอนด์) รับบทดร. เฟท

โกเยต เซร์ร่ากำกับจากบทภาพยนตร์ของอดัม สไตคีลและโรรี่ ไฮเนส แอนด์ โซห์แรบ โนเชอร์วานี สร้างอิงจากตัวละครของดีซี แบล็ก อดัม สร้างขึ้นโดยบิล ปาร์คเกอร์ และ ซี.ซี. เบ็ค อำนวยการสร้างฯ โดยโบว์ ฟลินน์, ดเวย์น จอห์นสัน, ไฮแรม การ์เซีย และ ดานี การ์เซีย อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยริชาร์ด บรีเนอร์, วอลเตอร์ ฮามาดะ, เดฟ นิวสแตดเตอร์, คริส แพน, อีริค แม็คเลียด, เจฟฟ์ จอห์นส และ สก็อตต์ เชลดอน

ทีมงานเบื้องหลัง ได้แก่ ผู้กำกับภาพที่เข้าชิงรางวัล Oscar ลอว์เรนซ์ เชอร์ (“Joker”) ผู้ออกแบบฉาก ทอม เมเยอร์ (“Real Steel”) ผู้ลำดับภาพ ไมค์ เซล (“Red Notice,” “Skyscraper”) และจอห์น ลี (“Anyone Home?”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเคิร์ตและบาร์ท (“Deadpool 2,” “The Hunger Games: Mockingjay – Part 1 & 2”) ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์เจ้าของรางวัล Oscar บิล เวสเทนโฮเฟอร์ (“Life of Pi,” “Wonder Woman”) และผู้ประพันธ์ดนตรี ลอร์น  เบลฟ์ (“Black Widow”)

นิว ไลน์ ซีเนม่า นำเสนอภาพยนตร์ผลงานจาก Seven Bucks/Flynn Co. Production, A Jaume Collet-Serra Film เรื่อง “Black Adam” ฉายในโรงภาพยนตร์และระบบไอแมกซ์ทั่วโลกเริ่มวันที่ 19 ตุลาคม 2022 ในอเมริกาเหนือวันที่ 21 ตุลาคม 2022 จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

รายละเอียดการถ่ายทำ

คุณเป็นได้ทั้งผู้ทำลายล้างโลกนี้… หรือจะเป็นผู้กอบกู้

 

ในเรื่อง “Black Adam” นักแสดงชื่อดังระดับโลก ดเวย์น จอห์นสัน มารับบทนำในตัวละครฮีโร่แหวกแนวของจักรวาล DC ถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจสู่จอยักษ์เป็นครั้งแรก

จอห์นสันผลิตภาพยนตร์ผ่านบริษัท Seven Bucks ของเขาเอง เคยผ่านผลงานมาแล้วแทบทุกแนว และการสวมชุดซูเปอร์คือสิ่งที่เขานึกถึงมาตลอด เขากับเพื่อนผู้อำนวยการสร้างฯ โบว์ ฟลินน์ และไฮแรม การ์เซียแห่ง Seven Bucks และดานี่ การ์เซียต่างเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนจนถึงช่วงที่โตขึ้นมา

“แบล็ก อดัมเข้ามาสู่เรดาร์ของผมตั้งแต่ตอนยังเด็กมาก” จอห์นสันกล่าว “ผมรักหนังสือการ์ตูนและเป็นแฟนดีซีมาตลอด ผมหลงใหลการย้อนกลับไปหาแบล็ก อดัม เพราะเขาเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ไม่กี่คนที่มีความร้ายและแหวกแนวฮีโร่ ไม่ว่าเราจะอยากเรียกเขาอย่างไรก็ตาม เขามีผิวสีน้ำตาลเหมือนผมด้วย บวกกับการที่เขาชอบสร้างความปั่นป่วนตลอดด้วย” เขาฉีกยิ้ม และการเดินทางสู่จอยักษ์ของเขาใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปี ความผูกพันระหว่างจอห์นสันกับตัวละครและเนื้อเรื่องของเขามีความแข็งแกร่งมาก “แบล็ก อดัมเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอและจิตวิญญาณของผมมานานนับหลายปี”

ฟลินน์เคยร่วมงานกับจอห์นสันและทีมงานที่ Seven Bucks ในโปรเจ็กต์ 8 ชุดที่ผ่านมารวมถึงภาพยนตร์แอ็คชั่นอีกหลายเรื่อง เล็งเห็นว่านี่คือโอกาสที่จะได้ก้าวสู่ผลงานอีกแนว และเป็นการสำรวจเรื่องราวในทิศทางที่ต่างออกไป “โปรเจ็กต์นี้เป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของแบล็ก อดัม คุณจะได้รู้จักเขามากกว่าภาพรวมทั้งหมดที่เห็น และจะได้รู้ว่าทำไมเขาถึงต่างจากซูเปอร์ฮีโร่ที่เราเคยเห็นมาก่อน เขาใช้ชีวิตบนเส้นทางสีเทาและไม่ค่อยเล่นตามเกมกติกา เขามีพลังมหาศาลและใช้อย่างไม่เกรงกลัวอะไร ผู้ชมจะไม่ได้รับความสนุกแค่ตัวละครแบล็ก อดัมเท่านั้น แต่ยังตื่นเต้นเร้าใจไปกับเรื่องราวของเขาด้วย”

ไม่ต่างกับจอห์นสัน ความหลงใหลของไฮแรม การ์เซียที่มีต่อแบล็ก อดัมไม่ลดน้อยลงเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังปักใจว่าจอห์นสันคือนักแสดงที่มีความเพรียบพร้อมเหมาะจะถ่ายทอดบทบาทร่างชายชุดดำ “‘Black Adam’ เป็นโปรเจ็กต์ที่ลงตัวเหมาะเจาะกับดเวย์นและ Seven Bucks” เขากล่าว “เราอยากเข้าไปในโลกของซูเปอร์ฮีโร่มานานแล้ว แต่มีความท้าทายตรงที่การหาตัวละครที่มีรัศมีเทียบเท่ากับดเวย์น และมีการเปิดโอกาสให้เราได้ทำทุกอย่างที่เราอยากทำด้วย มีซูเปอร์ฮีโร่เก่งๆ มากมายที่เคารพกฎเกณฑ์และมีความสำคัญในอดีต เราอยากหาตัวละครที่แหวกแนว  ทำให้เราได้ทดสอบกับความมีศีลธรรมในตัวซูเปอร์ฮีโร่ หากดเวย์นต้องถ่ายทอดความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ออกมา เขาต้องเป็นคนที่มีพลังล้นเหลือจนต่อสู้เพื่อความถูกต้องได้ เพียงแค่ต้องลงมือทำในแบบของเขา”

สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ มีจุดหมายที่การถ่ายทอดแบล็ก อดัมให้ตรงตามแบบฉบับหนังสือการ์ตูนและใส่อารมณ์ความรู้สึกผสมกับตลกร้ายลงไป พร้อมฉากแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์บนจอหนัง สำหรับพวกเขาแล้วมีผู้กำกับฯ เพียงคนเดียวที่จะถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ล้ำสมัยได้ และเขาเคยมาควบคุมผลงานภาพยนตร์หนึ่งในนั้นของพวกเขามาแล้ว

ทีมงานขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เคยร่วมงานกับจอห์นสันในเรื่อง “Jungle Cruise” คือเจาเม โกเยต-เซร์ร่าในการกำกับฯ “Black Adam” แม้เขาจะเป็นมือใหม่ในจักรวาลดีซี แต่ก็มีความสนใจในตัวฮีโร่จำเป็นที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ และมีมุมมองที่น่าสนใจจากข้อมูลของเรื่องที่รอให้เข้าไปสำรวจ รวมถึงบทภาพยนตร์ที่มีธีมเรื่องที่เป็นอมตะ ผู้กำกับฯ เล่าว่า “ผมหลงใหลในตัวละครที่เดินขนานระหว่างการทำสิ่งที่ถูกต้องกับการทำสิ่งที่เขาอยากสะสางให้เสร็จ ผมมองว่าตัวละครคล้ายกับคนที่ชอบแหกกฎ สามารถทวงความยุติธรรมได้ในแบบที่คนอื่นไม่สามารถกัน ผมรู้สึกว่าไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นในโลกของซูเปอร์ฮีโรเลยรู้สึกตื่นเต้นมาก”

ตามจินตนาการของโกเยต-เซร์ร่า แบล็ก อดัมเหมือนคนแปลกหน้าที่เข้ามาอยู่ในเมืองและกลายเป็นพวกชอบทำตัวแหกกฎ มีความเป็นตะวันตกและเหมือนตำรวจที่ชอบบุกเดี่ยว นับเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่น่าสนใจสำหรับผู้สร้างฯ ที่รู้สึกว่าเรื่องราวของเขาควรสร้างความสนุกให้ทั้งผู้ชมภาพยนตร์และแฟนหนังสือการ์ตูนพันธุ์แท้ การ์เซียเล่าว่า “ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม เจาเมมีจินตนาการเกี่ยวกับ ‘Black Adam’ ที่เหลือเชื่อมาก และผสมกับหลักการทำงานที่น่าทึ่ง เราเห็นได้จาก ‘Jungle Cruise’ ทุกอย่างดูรอบคอบ มีการเตรียมการมาอย่างดี เขารู้ว่าอยากให้หนังออกมาเป็นเวอร์ชันไหน และเขาใส่ทั้งความรู้สึกและความอดทนลงไปในโปรเจ็กต์”

โกเยต-เซร์ร่าออกความเห็นว่า “สิ่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษในตัวของแบล็ก อดัม คือการสำรวจว่าอะไรทำให้เกิดฮีโร่ขึ้นมา และใครมีสิทธิ์กำหนดนิยามของความยุติธรรม ผมจะไม่พูดว่าศีลธรรมของแบล็ก อดัมคือสิ่งที่ชวนตั้งข้อสงสัย แต่บางทีศีลธรรมของเขาอาจไม่เข้ากับยุคสมัยของเรา เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เลือกที่จะทำสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้องในแบบของเขา”

และสิ่งที่เขาเชื่อว่าถูกต้องล้วนมาจากการต่อสู้ดิ้นรน… และเสียสละ จุดกำเนิดของตัวละครเทธ-อดัมมาจากเรื่องน่าสลด ตามที่อดัม สไตคีลและโรรี่ ไฮเนสกับโซแฮรบ โนเชอร์วานีเขียนเอาไว้ ภาพยนตร์เล่าถึงชะตาที่พลิกผัน นอกจากการได้รับพรสวรรค์เป็นพลังวิเศษแล้ว เขากลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและขื่นขมด้วย เพราะการไร้ความปราณีของเขาทำให้ถูกพ่อมดเวทมนตร์ใน Rock of Eternity ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเวทมนตร์ทั้งหมดกักขังคุมตัวเขา ที่นั่นกลายเป็นที่ฝังแบล็ก อดัมยาวนานกว่า 5,000 ปี  แต่เวลาที่ผ่านไปไม่ทำให้ร่างกายหรือจิตใจของเขาถดถอยลดลงไป เมื่อถึงช่วงที่เขาถูกปล่อยเป็นอิสระ เขายังคงมีพลังอำนาจเหมือนพระเจ้า มีความแข็งแกร่งเหลือเชื่อ รวมถึงมีความว่องไวดุจสายฟ้า… และเต็มไปด้วยความโกรธ

เขากลับมาพร้อมการแก้แค้นและการทวงคืนความยุติธรรมในแบบของเขาท่ามกลางผู้ที่อยู่รอบตัว การกลับมาของแบล็ก อดัมเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วของคาร์เตอร์ ฮอลล์ หรือ ฮอว์คแมน รับบทโดยอัลดิส ฮอดจ์ ที่ติดต่อเพื่อนอย่างเคนท์ เนลสัน หรือ ดร.เฟท รับบทโดยเพียร์ซ บรอสแนน; อัล รอธสเตน/อะตอม สแมชเชอร์ รับบทโดยโนอาห์ เซนทินีโอ และแม็กไซน์ ฮันเคล/ไซโคลน รับบทโดยควินเทสซ่า สวินเดล การรวมตัวเดอะ จัสติส โซไซตี้ เพื่อขัดขวางการทำลายล้างของฮีโร่แหวกแนวที่เกิดขึ้นครึ่งรอบโลก

แบล็ก อดัมโผล่ขึ้นมาในคานดักยุคใหม่ ในสมัยของเขาเคยเป็นดินแดนอันยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้เหลือเพียงเงาในอดีต  ครั้งหนึ่งเคยมีการเรียงลำดับชนชั้นและเป็นเมืองที่มั่งคั่ง เป็นต้นกำเนิดของเวทมนตร์โบราณและเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญ มีทรัพยากรล้ำค่าอย่างอีเทอร์เนียมที่ตอนนี้ถูกปล้นไปหมดแล้วโดยอินเตอร์แก๊งค์ องค์กรร้ายที่วางทุ่นระเบิดอีเทอร์เนียมครั้งล่าสุด และทำลายชาวคานดักจนไม่เหลือโอกาสสร้างอนาคต 

เมื่ออินเตอร์แก๊งค์เจาะภูเขาที่รายล้อมไปด้วยเมืองที่ร่ำรวยลึกยิงขึ้น นักต่อสู้อิสระพยายามขัดขวางอย่างเต็มกำลัง ซึ่งนำโดยอาเดรียนนา รับบทโดยซาราห์ ชาฮี พี่ชายของเธอ คาเมอร์ รับบทโดย โม อาเมอร์ เพื่อนของพวกเขาอย่างอิชมาเอล รับบทโดยมาร์วาน เคนซารี และแม้แต่ อามอน ลูกชายของอาเดรียนนา รับบทโดยโบดี ซาบงกี โดยระหว่างการพร้อมรับความเสี่ยงนั้นอาเดรียนนาบังเอิญร่ายมนตร์ใส่แบล็ก อดัม เมื่อเขาเป็นอิสระขึ้นมาดูเหมือนจะไม่มีอะไรหยุดยั้งเขาไว้ได้ หรือแม้แต่เหล่าอินเตอร์แก๊งค์ก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากเขาให้ได้

หลังจากนั้นยังมีเดอะ จัสติส โซไซตี้ที่ไม่ต่างจากทุกสิ่งรอบตัวที่เข้ามารบกวนเขา เมื่อแบล็ก อดัมเริ่มเข้าใจเมืองและประเทศเวอร์ชันใหม่ขึ้นมาบ้าง เขายังเต็มไปด้วยความโกรธ และจุดมุ่งหมายของเขาไม่มีแปรเปลี่ยน เจตนารมณ์ที่เขามีต่อคานดักยังคงเหมือนเดิม  

ขณะเดียวกันยังมีคู่ต่อสู้อื่นที่อันตรายกว่า มีพลังมากกว่า อริทั้ง 3 เหล่าทั้งแบล็ก อดัม, เดอะ จัสติส โซไซตี้ และผู้นำอินเตอร์แก๊งค์จะต้องร่วมมือกันเพื่อกำหนดอนาคตของคานดัก และอาจหมายถึงโลกด้วย

ทีมงานที่มีพลังของโกเยต-เซร์ร่าผู้อยู่เบื้องหลัง รวมถึงผู้กำกับภาพ ลอว์เรนซ์ เชอร์ ผู้ออกแบบฉาก ทอม เมเยอร์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เคิร์ตและบาร์ต และผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ บิล เวสเทนโฮเฟอร์ พร้อมด้วยผู้ลำดับภาพ ไมค์ เซล ตัดต่อโดย จอห์น ลี และแต่งเพลงโดย ลอร์น เบลฟ์

“เราเคยสร้างหนังที่มีความยิ่งใหญ่มากร่วมกัน และเราได้สร้างมาตฐานใหม่ในการเล่าเรื่อง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการสร้างภาพยนตร์” ฟลินน์กล่าว “แต่อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมารวมตัวกันลงตัวในจังหวะของ ‘Black Adam’ เราสามารถใช้ผนัง LED เวทีที่วัดปริมาตรได้และกล้องที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ IP ที่น่าทึ่งสำหรับการเล่าเรื่องของเรา พร้อมด้ยการมีเจาเมมาทำหน้าที่ควบคุม… ทุกอย่างดูน่าตื่นเต้น เช่นเดียวกับตัวละครของเขา ผมคิดว่าเราผลักดันจนถึงระดับความสำเร็จที่พิเศษมากแล้วตอนนี้”

สำหรับจอห์นสัน ทุกสิ่งที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหน้าและเบื้องหลังกล้องที่สร้างแบล็ก อดัมขึ้นมา ไม่ใช่ส่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ แต่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าจะคงอยูในจักรวาลดีซีตลอดไป “เรียกว่าเป็นเรื่องยากที่จะพบโอกาสได้เข้าไปสำรวจความแปลกใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม จนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีการผสมผสานจนเกิดเป็น ‘แบล็ก อดัม’ ขึ้นมาได้ เวลาที่ผมพูดว่า ‘การปกครองในจักวาลดีซีกำลังจะเปลี่ยนไป’ ฟังแล้วดูกล้าหาญมาก แต่ผมพูดด้วยความเคารพที่มีต่อจักรวาลดีซี แฟนตัจริงจะรู้ว่าแบล็ก อดัมน่ายกย่องขนาดไหน เขามีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงการสร้างสมดุลพลังได้ และเมื่อเราจำแนกพลังเหล่านี้เหมือนแบล็ก อดัม คุณจะรู้ว่ามันอิงมาจากเรื่องจริงทั้งนั้น” 

 

พลังเหล่านี้ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นคำสาป ล้วนมาจากความแค้น

 

นักแสดงและตัวละครต่างๆ 

 

เปิดตัวในฐานะของทาสผู้กลายมาเป็นแชมเปี้ยน มนุษย์ทาส เทธ-อดัม ได้รับพลังจากพระเจ้า เมื่อเขาเลือกใช้พลังเพื่อการแก้แค้น เขาถูกฝังในสุสานและกลายร่างเป็นแบล็ก อดัม เวลาผ่านไปเกือบ 5,000 ปี แบล็ก อดัมได้รับอิสรภาพจากการคุมขัง และพบความยุติธรรมในรูปแบบของเขาที่ท้าทายเหล่าฮีโร่ยุคใหม่อย่างเดอะ จัสตัส โซไซตี้  

การสร้างตำนานของแบล็ก อดัมขึ้นมาใหม่ครั้งนี้ ไม่ใช่การดัดแปลงจากผลงานที่ผ่านมาโดยตรง หรือบทภาพยนตร์ มีการอิงจากเนื้อหาใน The New 52’s The Dark Age และหนังสือการ์ตูนล่าสุด  Hawkman ที่จดจำได้ ตัวละครและโลกโดยรวมของคานดัก รวมถึงการมาพบกันของตัวการ์ตูนมากมายระหว่างเดอะ จัสติส โซไซตี้ และ แบล็ก อดัม ล้วนเป็นแรงงบันดาลใจให้เรื่องนี้

ในช่วงแรกของเรื่องจะมีแต่ความหดหู่เกี่ยวกับต้นกำเนิดของแบล็ก อดัม เต็มไปด้วยความสะเทือนใจที่ได้เห็นเรื่องน่าเศณ้าในอดีตของเขา เขาเป็นทาสร่างกายซูบผอมที่ทำงานในเหมืองกับ ฮูรัต ลูกชายคนโตของเขา ชายหนุ่มผู้มีความเชื่อว่าเพียงเสียงเดียว แม้จะเป็นเสียงของทาสก็สามาถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้การปกครองได้ แต่ความกล้าของเขาย่อมต้องแลกด้วยบางอย่าง หลังจากการตายของฮูรัต เทธ-อดัมพบว่าตัวเองกลายเป็นแชมเปี้ยนผู้ทรงพลัง ไร้ความเกรงกลัวสิ่งใดด้วยพ่อมดเพื่อปกป้องจากการถูกกดขี่ แต่ความทุกข์ทรมาณของเขายิ่งใหญ่เกินไป พ่อผู้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นได้รวมพลังของแชมเปี้ยนสร้างความเสียให้ทั้งผู้ปกครองและเหล่าราชวงศ์โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด เหล่าพ่อมดรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจึงจองจำแบล็ก อดัมไว้เบื้องลึกของ Rock of Eternity แต่เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของคำว่าตลอดกาล เรื่องราวของเราจึงเริ่มต้นขึ้น แบล็ก อดัมโผล่ขึ้นมาราวกับการเอ่ยเพียงคำเดียวว่า …ชาแซม!

ตอนนี้เขายังมีจิตวิญญาณเดิมจากที่โดนฝังเมื่อ 5,000 ปีก่อน การเดินทางของแบล็ก อดัมในยุคใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น  

“แบล็ก อดัมคือตำนานของชาวคานดัก” จอห์นสันกล่าว ยอมรับว่าเขาหายตัวไปหลายพันปีและไม่อยากเป็นฮีโร่ของใคร “แต่พวกเขายังคงเรียกว่าเป็นแชมเปี้ยนของพวกเขา สำหรับประเทศและผู้ที่ถูกกดขี่ ผู้ที่ดูไร้ความหวังเพราะชายคนนี้มีความหมายบางอย่างสำหรับพวกเขา ความทรมาณและความเจ็บปวดไม่ต่างกัน เพราะเขาเองก็รู้สึกเช่นนั้น เขาเคยกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำทุกทางเพื่อปกป้องชาวคานดักจากกษัตริย์ผู้กดขี่พวกเขา และผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของลูกชายเขา”

เทธอดัม / แบล็ก อดัม

เปิดตัวในฐานะของทาสผู้กลายมาเป็นแชมเปี้ยน มนุษย์ทาส เทธ-อดัม ได้รับพลังจากพระเจ้า เมื่อเขาเลือกใช้พลังเพื่อการแก้แค้น เขาถูกฝังในสุสานและกลายร่างเป็นแบล็ค อดัม เวลาผ่านไปเกือบ 5,000 ปี แบล็ก อดัมได้รับอิสรภาพจากการคุมขัง และพบความยุติธรรมในรูปแบบของเขาที่ท้าทายเหล่าฮีโร่ยุคใหม่อย่างเดอะ จัสตัส โซไซตี้  

คาร์เตอร์ ฮอลล์ / ฮอว์คแมน 

ชุดของเขาถูกสร้างขึ้นจากโลหะต้านแรงโน้มถ่วง Nth  ฮอว์คแมนนำมาผสมกับความกล้าหาญและความมีคุณธรรมในตัว เขาใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับสมาชิกที่อายุน้อยกว่าจนแตกตัวเป็นจัสติส โซไซตี้ ผู้ชายที่รู้จักในนาม คาร์เตอร์ ฮอลล์ ต่อสู้เพื่อปกป้องความมั่นคงของโลก และเขาจะไม่ยอมให้สิ่งใดหรือใคร ซึ่งรวมถึงแบล็ค อดัม มาขัดขวางเขาเด็ดขาด

เคนท์ เนลสัน / ดร. เฟท

หลังจากที่ได้สวม Helmet of Fate สีทองโบราณจากต่างดาว เคนท์ เนลสันแปลงร่างจากนักวิชาการผู้อ่อนโยนสู่ร่าง ดร. เฟท ผู้วิเศษ หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งเดอะ จัสติส โซไซตี้ ดร. เฟทสามารถมีพลังควบคุมเวทมนตร์ สร้างภาพลวงตา และมองเห็นอนาคตได้ 

อัล รอธสเตน / อะตอม สแมชเชอร์

หนึ่งในสมาชิกคนล่าสุดของเดอะ จัสติส โซไซตี้ อัล รอธสเตนวัย 20 ปีสามารถแปลงร่างให้มีขนาดใหญ่เท่าตึกสูง จนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่อะตอม สแมชเชอร์ ประสบการณ์ใดที่เขาบกพร่องขาดหายไป อะตอม สแมชเชอร์จะพลังทดแทนที่เหมือนสัตว์ป่าและมองโลกในแง่ดีอย่างไร้เดียงสา

แม็กไซน์ ฮันเคล / ไซโคลน

หลังจากตกเป็นเหยื่อในการทดลองนาโนเทคโนโลยีของนักวิทยาศาสตร์ใจโหด แม็กไซน์ ฮันเคลวัย 19 ปีมีพลังจิตสามารถควบคุมกระแสลมได้โดยธรรมชาติ ในร่างซูเปอร์ฮีโร่ไซโคลนก็เป็นผู้มอบความคิดเห็นและพลังวิเศษเฉพาะตัวให้กับเดอะ จัสติส โซไซตี้ 

 

อาเดรียนนา

นักต่อสู้อิสระผู้กล้าหาญที่ตกเป็นผู้ลี้ภัย ต้องใช้ชีวิตภายใต้การกดขี่ของกองกำลังในคานดักมานานนับทศวรรษ อาเดียนนาพร้อมทำทุกทางเพื่อปกป้องชาคานดัก และที่สำคัญสุดคือ อามอน ลูกชายของเธอ 

คาริม

คาริมเป็นพี่ชายของอาเดรียนนา ลุงของอามอนและเขาไม่ต่างจากน้องสาว เขาคือนักสู้อิสระผู้ซื่อสัตย์ เขามีอาชีพเป็นช่างไฟฟ้า เขาไม่ได้ช่วยแค่คลายความเศร้าจากการใช้พลังในการต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้ทักษะความสามารถที่สำคัญ และเรียกเสียงหัวเราะได้ในระหว่างการทำภารกิจที่เคร่งเครียด

 

ต้องขังเอาไว้ให้ได้ ก่อนที่ผู้บริสุทธิ์จะเริ่มถูกทำร้าย

 

แบล็ก อดัมไม่ได้เดินทางมาที่คานดักเพื่อค้นหาความยุติธรรม… ตลกที่ความยุติธรรมต่างหากต้องเป็นฝ่ายตามหาเขา ความวุ่นวายของฮีโร่แหวกแนวผู้มีอำนาจมหาศาลนี้อยู่ที่จุดมุ่งหมายของฮอว์คแมนและเดอะ จัสติส โซไซตี้

ชุดของฮอว์คแมนถูกสร้างขึ้นจากโลหะต้านแรงโน้มถ่วง Nth  เขานำมาผสมกับความกล้าหาญและความมีคุณธรรมในตัว โกเยต-เซร์ร่าอธิบายว่า “เมื่อแบล็ก อดัมได้พบกับฮอว์คแมนผู้มีความยุติธรรมและศีลธรรมอย่างชัดเจน พวกเขาไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเทาไหร่ ราวกับเหรียญสองด้านและเป็นแบบนั้นตลอดทั้งเรื่อง ผู้ชมจะต้องอยู่ตรงกลางทำความเข้าใจทั้งสองฝ่าย เราไม่เคยบอกว่าใครถูกหรือผิด เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน พวกเขาต้องการกันและกัน ทั้งแบล็ก อดัมและฮอว์คแมนต้องหาทางร่วมมือกัน” 

อัลดิส ฮอดจ์ได้รับเลือกให้มารับ 2 บทบาททั้งคาร์เตอร์ ฮอลล์/ฮอว์คแมน ตัวละครโปรดของแฟน DC มาอย่างยาวนาน ในเรื่องคาร์เตอร์เป็นผู้เรียกซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นให้มาร่วมมือกับเขาและเกิดเป็นจัสติส โซไซตี้โฉมใหม่ คาร์เตอร์ตอสู้เพื่อปกป้องโลก และจะไม่ยอมให้สิ่งใดหรือใครมาขัดขวาง แม้แต่แบล็ก อดัม

โกเยต-เซร์ร่าและผู้สร้างภาพยนตร์รู้ตั้งแต่ช่วงแรกของการคัดเลือกตัวนักแสดงว่าฮอดจ์คือฮอว์คแมนสำหรับพวกเขา บทนั้นเหมาะกับนักแสดงที่จะสวมบทบาทดีซีซูเปอร์ฮีโร่ได้ เขาต้องยืนประกบคู่กับแบล็ก อดัมและที่มีความซับซ้อน ใช้ชีวิตมานานร่วมนับพันปีและยังจำทุกเรื่องราวในช่วงชีวิตได้

โกเยต-เซร์ร่าเล่าว่า “ตัวละครนี้มีความลึกซึ้งมาก และตั้งแต่วันแรกที่เอลดิสสวมบทบาทนั้น เขากลายเป็นคนที่มีความซับซ้อน มีความทุกข์ทรมาณ นั่นคือฮอว์คแมนที่อัลดิสต้องถ่ายทอดออกมาในหลายมิติ โดยเฉพาะในฐานะศัตรูคนสำคัญของแบล็ก อดัม บางส่วนฮอว์คแมนก็คล้ายแบล็ก อดัมมาก จนกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขา” 

ฮอดจ์พิถีพิถันกับการเตรียมบทบาททุกด้าน โดยเฉพาะบทของฮอว์คแมนที่ซึมลึกอยู่ในโลกของดีซี และมีเรื่องราวในอดีตมากมายให้ค้นหา 

ฮอดจ์อธิบายว่า “ฮอว์คแมน หรือ คาร์เตอร์ ฮอลล์ หรือ กาตาร์ โฮล ขึ้นกับว่าเรากำลังพูดถึงอายุและยุคไหน เขาเป็นตัวละครที่มีพลังกลับชาติมาใหม่ได้ ฉะนั้นย้อนกลับไปช่วงชีวิตแรขกองเขาที่เป็นเจ้าชายอียิปต์นามคูฟู เขาได้พบกับโลหะธากาเรียนที่เรียกว่าโลหะ Nth และรู้ว่าสามารถนำมาใช้ต้านแรงโน้มถ่วงได้ ช่วงเวลาที่ผ่านไปหลายปีเขานำไปดัดแปลงใช้เป็นนักรบฮอว์คแมน เขามีความเป็นนักรบตลอดกาล และผมรักที่เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยศีลธรรมยอดเยี่ยมมากครับ”

ขณะที่เรื่องราวในอดีตของตัวละครละพัฒนาการคือสิ่งที่ฮอดจ์ให้ความสนใจ หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญของเขาคือการเพิ่มขนาดร่างกายตามที่บทต้องการ เขาเหมือนกับนักแสดงคนอื่นที่พบเรื่องยากลำบากเมื่อต้องสวมชุดซูเปอร์ฮีโร่เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะการแสดงฉากผาดโผนและฉากแอ็คชั่นของบท แต่ใครจะให้คำแนะนำเขาได้ดีกว่าเพื่อนนักแสดงที่มีร่างกายเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ในชีวิตประจำวันปกติได้?

ฮอดจ์ไม่ต่างจากคนนับล้านที่เปิดช่องของจอห์นสันบนโซเชียลมีเดีย ดูข้อมูลและคำแนะนำด้านการออกกำลังกาย การฝึกความแข็งแกร่ง และการเตรียมเรื่องโภชนาการเพื่อบทสำคัญของเขา เมื่อได้รับเลือกให้มารับบท ฮอดจ์เริ่มสร้างความแข็งแกร่งและฝึกซ้อมร่างกายนานหลายเดือนอย่างเต็มที่ในช่วงเดินทางไปถึงแอตแลนต้า 6 สัปดาห์ก่อนการเปิดกล้อง เขาเริ่มเข้าค่ายฝึกซ้อมกับผู้ควบคุมการแสดงผาดโผนที่มีประสบการณ์ ทอมมี่ ฮาร์เปอร์ และทีมของเขา มีการเตรียมร่างกายเพื่อการต่อสู้แบบฮอว์คแมน และสไตล์การลอยตัวที่ต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงและการแสดงที่แม่นยำ 

ความทุ่มเทด้านร่างกายของฮอดจ์เพื่อรับบทฮอ์คแมนไม่สูญเปล่าสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ฯ การ์เซียเล่าว่า “อัลดิสไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่เพื่อการสวมบทฮอว์คแมนเพียงอย่างเดียว รูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน เขารูปร่างใหญ่ขึ้นและแสดงฉากผาดโผนเองให้ได้มากที่สุด หลายครั้งเราต้องรั้งเขาไว้เพื่อความปลอดภัยและให้สตั๊นท์แสดงแทน เขาน่าประทับใจทั้งฉากแอ็คชั่นและความสนุกสนาน เขาถ่ายทอดฮอว์คแมนที่เท่และเราทุกคนภูมิใจได้จริงๆ”

นักแสดงสนุกกับการได้ประกบคู่กับจอห์นสันในฉาก “การร่วมงานกับดีเจเป็นเรื่องวิเศษมากครับ” ฮอดจ์ยิ้ม “เขามีทัศนคติที่ดีและคอยสนับสนุนตลอดเวลา มันดีมากที่รู้ว่าเราจะได้พบกับคาวมตื่นเต้น ได้เข้าไปอยู่ในโลกของซูเปอร์ฮีโร่ในแบบของเรา ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ และผู้กำกับฯ เจาเมของเราก็เก่งมากครับ เขามีไอเดียตลอดและสร้างบรรยากาศที่ดีมาก

“การรวมตัวของพวกเราให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรกัน เมื่อมาถึงช่วงสำคัญของทั้ง 2 ตัวละคร มั่นใจได้ว่าผู้ชมจะพบความตื่นเต้น” เขาพูดต่อ “หากต่อสู้กันก็จะสู้สุดพลัง เราจะโฟกัสที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขาตลอด เส้นทางของพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด เพราะพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้กันโดยธรรมชาติ ต่างอยู่ในด้านดีของตัวเอง มีการปะทะกัน แต่ก็มีความเคารพกันระหว่างตัวละครด้วย ความสนุกอยู่ตรงที่ต้องหาจุดสมดุลในช่วงเวลาต่างๆ ให้เจอ แม้แต่ช่วงที่เคร่งเครียด และผู้ชมจะพบว่าพวกเขาพยายามหาพื้นที่สำหรับการอยู่ร่วมกัน”

ผู้ที่ยืนหยัดเคียงข้างฮอว์คแมนคือเคนท์ เนลสัน นักโบราณคดีผู้มีความอ่อนโยน เขาเป็นทั้งเพื่อนเก่าและผู้ยึดมั่นหลักศีลธรรมของเดอะ จัสติส โซไซตี้ เมื่อเขาสวมหมวกแห่งโชคชะตา สีทองโบราณจะกลายร่างเป็น ดร.เฟท พ่อมดผู้น่ากลัว สามารถควบคุมพลังเวทมนตร์ สร้างภาพหลอน มองเห็นอนาคต สามารถจำลองตัวเองขึ้นมาได้และเทเลพอร์ต ทำให้เคนท์มีอายุขัยอยู่ได้นานกว่าปกติ

การรับบทบาทของเพียร์ซ บรอสแนนยากจะหาใครเลียนแบบได้ บทนี้คือตัวละครที่มีมาตั้งแต่ช่วงแรกและมีการเคารพกันมากที่สุดในจักรวาลดีซี “ดร.เฟทเป็นตัวละครที่มีพลังมากที่สุดในโลกของดีซี และนับเป็นความน่าตื่นเต้นมากที่ได้เพียร์ซ บรอสแนน ผู้มีความอบอุ่นและอ่อนโยนมาถ่ายทอดบทนี้ ทำให้เกิดการผสมรายละเอียดอย่างลงตัว เขาสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนและเสน่ห์ลงไปในบทนี้ได้” โกเยต-เซร์ร่ากล่าว

โอกาสที่จะมารับบทในหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่คือเหตุผลที่มากพอสำหรับแฟนหนังสือการ์ตูนอย่างบรอสแนน ที่มาร่วมทีมกับนักแสดง “Black Adam” ซึ่งเขาได้พบกับความซับซ้อนหลายอย่างที่เกิดขึ้นในตัวละครทั้ง 2 บทบาทนับว่าเป็นเรื่องที่ดี

“ผมเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนและรักหนังพวกนี้มาก” บรอสแนนกล่าว พวกเขามีความตื่นเต้นมาก ฉะนั้นการได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง ‘Black Adam’ เรียกว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ตอนที่ผมได้รับข้อเสนอสำหรับบทนี้ ผมรู้สึกดีใจมกเป็นพิเศษและรู้สึกตื้นตันใจมาก ผมดูหนังพวกนี้และชอบพูดว่า ‘สงสัยจังจะมีใครเสนอให้เล่นหนังแบบนี้บ้างมั้ย?’ และก็อย่างที่เห็น ตอนนี้ผมได้รับบทตัวละครชื่อดังแห่งตำนานอย่าง ดร.เฟท ที่สวมหมวกสีทองแล้วทำให้เขามีพลังวิเศษ แต่พลังของเขาเป็นทั้งพรสวรรค์และคำสาป มันต้องอาศัยทั้งความแข็งแกร่งและความกล้าหาญเพื่อสวมหมวกใบนั้นและเข้าไปยังโลกใบนั้น ในตัวเขามีปีศาจร้ายอยู่ แต่เขาก็ยังคงเป็นเพื่อนที่มีความใจดีและชวนดึงดูดใจ”

สายสัมพันธ์ระหว่างคาร์เตอร์ ฮอลล์และเคนท์ เนลสันมีความลึกซึ้งและยาวนานนับหลายปี ฮอดจ์เล่าว่า “มันวิเศษมากที่เราได้เห็นความเป็นพี่น้องกันระหว่างคาร์เตอร์และเคนท์ที่ยาวนานหลายปี เคนท์มักจะคอยชี้นำเหตุผลให้คาร์เตอร์ เพราะเขาได้เรียนรู้ถึงการเป็นผู้นำที่ดีให้กับจัสติส โซไซตี้โฉมใหม่’ 

เนื่องด้วยเวลาเพียงน้อยนิดสำหรับการเตรียมตัวก่อนที่จะทำข้อตกลงในการรับมือการกลับมาของแบล็ก อดัม เคนท์พบกับคาร์เตอร์ที่แมนชั่นของเขา ที่นั่นพวกเขาได้ต้อนรับอีก 2 สมาชิกใหม่ของเดอะ จัสติส โซไซตี้ เหล่าผู้มีประสบการณ์ได้ชักชวน อัล รอธสเตน วัย 20 ปี หรือ อะตอม สแมชเชอร์ และแม็กไซน์ ฮันเคล หรือ ไซโคลน วัย 19 ปีสู่เดอะ จัสติส โซไซตี้ ขณะเดียวกันก็ต้องพบกับการต่อสู้ครั้งใหญ่ในชีวิตกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังมหาศาล

เขาเกิดความกังวลในการออกไปเผชิญหน้าครั้งแรกในฐานะของซูเปอร์ฮีโร่ อัลสามารถปรับโมเลกุลในร่างกายให้มีขนาดใหญ่จนตัวสูงเท่าตึกและกลายเป็นอะตอม สแมชเชอร์ เขาขาดเพียงประสบการณ์ แต่มีพลังที่โหดร้ายและการมองโลกแง่ดีเป็นสิ่งชดเชย

โนอาห์ เซนตินีโอ ผู้รับบทสมาชิกหน้าใหม่เล่าว่า “พลังวิเศษของอัลยอดเยี่ยมมากครับ เขาสามารถปรับโมเลกุลในร่างกายและควบคุมทั้งความหนาแน่นและกระดูกได้ ทำให้เขาตัวใหญ่ขึ้น หนักขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และว่องไวขึ้น”

เชื้อสายครอบครัวของเขามีทั้งความขัดแย้งและความกล้าหาญปรากฏให้เห็น ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาดึงความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ออกมาใช้  อัล คุณลุงของเขาเป็นฮีโร่โดยเชื้อสาย ส่วนคุณปู่ของเขาเป็นแกะดำของครอบครัวที่มีความโหดร้าย จนกลายเป็นแรงผลักดันให้อัลอยากพิสูจน์ความดีในตัวเอง และต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

นอกจากข้อมูลภูมิหลังที่ผู้สร้างต้องจัดเตรียมให้กับทีมงานและนักแสดงแล้ว เซนตินีโอยังเจาะลึกหนังสือการ์ตูนดีซีมากขึ้นเพื่อเข้าถึงมุมมองทั่วไปของแบล็ก อดัมด้วย โดยเฉพาะอะตอม สแมชเชอร์ เพื่อที่เขาจะสร้างตัวละครขึ้นมาได้จากข้อมูลที่ครบครัน

“อัลมีพลังล้นเหลือและตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของจัสติส โซไซตี้ แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจของผมมากที่สุดคืออะตอม สแมชเชอร์ที่จะมีโอกาสเสริมความตลกเข้าไป ได้ค้นหาโทนที่จะเหมาะกับฉากแอ็คชั่นตึงเครียด นั่นคือสิ่งที่ผมตื่นเต้นมาก” เซนตินีโอกล่าว

อัลเองก็ตื่นเต้นที่จะได้พบกับเพื่อนใหม่อย่างเจเอสเอ แม็กไซน์ ฮันเคลที่มีพลังธรรมชาติ หลังจากตกเป็นเหยื่อในการทดลองนาโนเทคโนโลยีของนักวิทยาศาสตร์ใจโหดตอนอายุ 19 ปี เธอมีพลังจิตสามารถควบคุมกระแสลมได้โดยธรรมชาติ ในร่างซูเปอร์ฮีโร่ไซโคลน รับบทโดยควินเทสซ่า สวินเดล ไซโคลนคือหลานของม ฮันเคล/เรด ทอร์นาโด ตัวละครชื่อดังของดีซีที่มอบทั้งแง่คิดและพลังวิเศษให้กับทีม

ทีมนักแสดงทุกคนสนิทกันทั้งหน้ากล้องและเบื้องหลังอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะสำหรับสวินเดลและเซนตินีโอความสนิทของพวกเขาเห็นได้จากการรับบทสมาชิกใหม่ของกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่

สวินเดลเล่าว่า “ทุกคนสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัว โนอห์เหมือนกับพี่ชายของฉันทุกด้านเลยค่ะ เราถ่ายทำฉากหนึ่งและก็ลองแสดงอะไรใหม่ๆ กันทุกเทค จากนั้นก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ มันสนุกมากค่ะที่มีคนทำอะไรแบบนั้นด้วยกัน ซึ่งมันทำให้เกิดความรู้สึกที่ลงตัวเหมาะกับเรื่องราว เพราะอัลและแม็กไซน์ต้องพึ่งพากันเหมือนฉันกับโนอาห์ค่ะ”

เซนตินีโอเล่าต่อว่า “ความสนิทเกิดขึ้นเร็วมากเพราะทั้งคู่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อายุน้อยมาก และนี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะสร้างผลงานบางสิ่งขึ้นมาด้วยตัเอง จึงเกิดความสนิทขึ้นทันที แต่นั่นก็ทำให้เห็นบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจนด้วย นั่นคือสิ่งที่ผมรักในตัวของพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นปุบปับ แต่มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่เผชญสถานการณ์นั้นร่วมกัน ต้องเรียนรู้การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด อาจจะมีการสปาร์คเกิดขึ้นได้บ้าง แต่พวกเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดและทำภารกิจให้สำเร็จ เรามีโอกาสทำอะไรหลายอย่างมากในฐานะของนักแสดง และควินเทสซ่าก็น่าทึ่งมากครับ” 

ในการร่วมมือกับอะตอม สแมชเชอร์และไซโคลน ฮอว์คแมนและดร.เฟทต้องรับมือกับการเป็นมือใหม่ของพวกเขาและมุมมองในแบบคนรุ่นใหม่ สมาชิก Gen Z ต้องแสดงความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในแบบตัวเองออกมาช่วงเผชิญหน้ากับแบล็ก อดัม และพวกเขาไม่จำเป็นต้องหันไปสบตากับฮอว์คแมนเลย ในทางกลับกันการช่วยเหลือผู้อื่นคือสิ่งที่อยู่ในดีเอ็นเอของพวกเขา บวกกับการที่มีแรงผลักดันสูงด้วย…

บรรยากาศในฉากสวินเดลรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้จากนักแสดงที่มีประสบการณ์ทั้งคู่ โดยเฉพาะจอห์นสัน “การร่วมงานกับอัลดิสและเพียร์ซเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้เรียนรู้หลายอย่างมาก มีหลายเรื่องที่พวกเขาแชร์และเราได้เรียนรู้จากพวกเขา พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมฉากที่วิเศษมากเลย” สวินเดลกล่า ส่วนจอห์นสัน?  “โอ้ เขาคือตำนานเลย!  ดีเจเจ๋งสุดๆ เขามีแรงผลักดันและตั้งใจอย่างเหลือเชื่อ เขาทุ่มเทมากเพื่อภาพยนตร์และการแสดงที่ดีที่สุด จะเห็นความทุ่มเทของเขาได้ในโปรเจ็กต์นี้ล่ะ”

สวินเดลสนุกกับการเตรียมตัวรับบทนี้โดยเล่าว่า “ผมได้ร่วมงานกับไพรเวทโค้ชที่แอล.เอ. เธอช่วยเรื่องความยืดหยุ่นร่างกายได้มากเลยครับ เธอจะช่วยทำลายขีดจำกัดหลายอย่างที่มี ผมไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างที่ต้องการได้เพราะผมไม่มีพื้นฐานด้านการเต้น เธอช่วยให้ผมใช้ร่างกายได้อย่างเต็มที่มากขึ้น และแรงบันดาลใจสำคัญที่เรามีต่อไซโคลนคือลอย ฟูลเลอร์ ผู้ริเริ่มฟรีแดนซ์จากฝรั่งเศสที่สามารถขยับผ้าบนร่างกายได้รอบทิศและสร้างความงดงาม มีการเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อที่ถ่ายทอดสีสันให้เห็น เธอคือแรงบันดาลใจสำคัญและทำให้ผมเกิดไอเดียบรรเจิดว่าไซโคลนควรเคลื่อนไหวแบบไหน และเรายังได้ไอเดียจากอัลวิน ไอลีย์ บวกกับสไตล์การต่อสู้ดั้งเดิมอย่างวูซู เราลองทุกอย่างและนำไปใส่ในเรื่องราว”

ในการเผชิญหน้ากันระหว่างแบล็ก อกัมและเดอะ จัสติส โซไซตี้ พลังมหาศาลของทั้งสองฝ่ายกลับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะสถานการณ์ที่คานดักย่ำแย่ และต้องการให้ทุกฝ่ายลดทิฐิเรื่องความแตกต่าง เพื่อรวมพลังกันเป็นหนึ่ง การต่อสู้ที่คานดักเพื่อปกป้องเมืองจากการยึดครองของ อินเตอร์แก๊งค์ กองกำลังทหารที่เข้ายึดพื้นที่ มีการบังคับควบคุมพลเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายด้วยอาวุธที่ใช้แร่อีเทอร์เนียม ซึ่งอีเทอร์เนียมทรัพยากรล้ำค่าและเป็นหินหลอมด้วยเวลายาวนานกว่าสหัสวรรษ สิ่งที่ซ่อนภายใต้สีดำทึบคือพลังวิเศษที่มาจากเดอะ ร็อค ออฟ อีเทอร์นิตี้ บางส่วนจะมีพลังความชั่วร้ายที่มาจากอีเทอร์เนียมบริสุทธิ์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อคราวน์ ออฟ แซบแบค มันถูกเก็บอย่างมิดชิดและถูกซ่อนเป็นเวลานานเกือบ 5,000 ปีแล้ว… 

อาเดรียนนานักสู้อิสระที่กลายมาเป็นผู้ลี้ภัย เธออยู่ภายใต้การกดขี่ของอินเตอร์แก๊งค์มานานหลายปี อาเดรียนนาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชาวคานดัก และที่สำคัญคือลูกของเธอที่ชื่ออามอน 

ซาราห์ ชาฮีรับบทอาจารย์ในวิทยาลัยคานดัก เธอทำงานเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์คใต้ดินเหมือนคนคอยช่วยเหลือบ้านเกิด สำหรับชาฮีแล้วบทอาเดรียนนาลงตัวกับเธอทุกอย่าง “อาเดรียนนามีความเป็นนักสู้อสระ เธอคือนักรบที่มีมนุษยธรรมอย่างเต็มตัว ฉันแน่ใจว่าเธอมีพื้นเพที่ไม่ธรรมดาแน่นอนค่ะ เธอคือหญิงแกร่งที่พร้อมปกป้องลูกเต็มที่ แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่โหดร้ายมีทั้งความกลัวและความอ่อนแอ ฉันชอบความแกร่งในตัวเธอมากเลย”

ชาฮีมาร่วมงานในโปรเจ็กต์และตื่นเต้นที่จะได้กลับมาร่วมงานกับโกเยต-เซร์ร่าอีกครั้ง (เคยร่วมงานกันในผลางนทางทีวี) และนักแสดงคนอื่นๆ โดยเฉพาะจอห์นสัน  ได้ประกบคู่กับเขาครั้งแรกในบทซูเปอร์ฮีโร่ และได้เห็นการถ่ายทอดความเป็นแบล็ก อดัมที่ซับซ้อน นักแสดงสาวได้พบกับความตื่นเต้น “ดเวย์นรับบทฮีโร่แหวกแนวได้น่าทึ่งมากค่ะ” เธอกล่าว “ทุกประโยคที่เขาพูดมีเรื่องของความรู้สึกในอดีตซ่อนอยู่ และฉันดูเขาแสดง บอกได้เลยว่าเขาถ่ายทอดความสูญเสียและความแค้นที่มีในตัวแบล็ก อดัมได้อย่างเต็มที่ แต่เขาคือดเวย์นที่มีประสบการณ์งานคอมเมดี้มาเยอะพอตัวด้วย เขาเลยจัดการกับช่วงเวลาเคร่งเครียดด้วยเสียงหัวเราะให้ตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ”

อามอน ลูกชายของอาเดรียนนา วัยรุ่นติดดินที่มีไหวพริบและรักซูเปอร์ฮีโร่ เขาไม่ต่างจากแม่ที่มองหาความเป็นอิสระจากการกดขี่ของอินเตอร์แก๊งค์ ดีเอ็นเอของอาเดรียนนาที่มีอยู่ในตัวเขาทำให้เขามีความมุ่งมั่นไม่ต่างจากเธอ พร้อมช่วยประเทศของตัวเองในทุกวิถีทาง อามอนมีแบล็ก อดัมเป็นต้นแบบเพราะเชื่อว่าเขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะเป็นฮีโร่ ในแบบที่เขาและชาวคานดักทุกคนต้องการ

โบดี ซาบงกีกระตือรือร้นที่จะมารับบทวัยรุ่นผู้ถอดแบบจากแบล็ก อดัม เพื่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหม่ แต่การได้พบและร่วมงานเคียงข้างดเวย์น จอห์นสัน รวมถึงทีมนักแสดงที่มากความสามารถทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม “สำหรับการเข้ามาอยู่ในกองถ่ายของเรื่อง ‘Black Adam’ ผมคิดว่าดเวย์นจะต้องเป็นคนใจดี กล้ามใหญ่ ตัวสูงมาก” เขาหัวเราะ “แต่ความจริงเหนือกว่าที่คาดเอาไว้ตั้ง 2 เท่า! ได้เห็นเขาทำสิ่งต่างๆ อย่างใกล้ชิด เรียกว่าเป็นประสบการณ์สุดพิเศษได้เลย บวกกับการมีคนให้คุยเรื่องฟุตบอลในฉากนี่ไม่เลวเลยครับ”

นักแสดงชายและนักแสดงตลก โมฮัมมัด อาเมอร์ รับบทคาริมพี่ชายของอาเดรียนนา เขาคือลุงที่มีความใส่ใจอามอน เขามีความสุขกับการนอนดูทีวีบนโซฟาหรือเล่นวีดีโอเกมทั้งวัน เขาเองไม่ต่างกับพี่สาวผู้เป็นนักสู้อิสระชาวคานดักผู้ซื่อสัตย์ เขามีอาชีพเป็นช่างไฟฟ้า เขาไม่ได้ช่วยแค่คลายความเศร้าจากการใช้พลังในการต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้ทักษะความสามารถที่สำคัญ และเรียกเสียงหัวเราะได้ในระหว่างการทำภารกิจที่เคร่งเครียด

อาเมอร์แสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในเรื่อง “Black Adam” ช่วยสร้างเสียงหัวเราะในฉากและไม่ใช่แค่การแสดงของเขา “รู้มั้ยว่าการร่วมงานกับดีเจ ผมคิดว่าเขาต้องอิจฉาหุ่นและพรสวรรค์ของผมที่ได้มาโดยธรรมชาติมากกว่าเขาแน่ๆ ระหว่างเราเลยมีความตึงเครียดกันนิดหน่อย” เขาทำหน้าตาย “พอเวลาผ่านไปเขาเริ่มเข้าแล้วว่าผมแข็งแรงขนาดไหน เราสนุกกันเต็มที่เลยล่ะ เขาปล่อยมุกไม่อั้น เขาเป็นนักแสดงตลกที่อารมณ์ดีมาก”

นักแสดงทุกคนเข้ากับคาริมได้ดี เขาเล่าว่า “ผมรักตัวละครนี้ ผมเข้าใจเขาเป็นอย่างดีเลย เขาเป็นคนใจดีที่ชอบอยู่กับบ้าน ใช้ชีวิต คอยช่วยเหลือครอบครัวและอยู่เคียงข้าง แต่หลายครั้งเขาก็พร้อมออกไปลุย เวลาที่เราไม่คิดว่าเขาจะทำได้ เขาจะแสดงให้เห็นละครับ” 

แต่สิ่งที่อาเมอร์ชอบที่สุดในการรับบทคาเมียร์อาจจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้  “การขับรถตู้เหมือนสตั๊นท์แมนทำให้หลายคนถึงกับช็อคเพราะไม่รู้ว่าผมทำได้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาหัวเราะ “แต่รถตู้ 3 ล้อนั่นเท่สุดๆ เลย ทำให้มาร์แวนและเจมส์ที่อยู่ในรถสติแตกได้เลย น่าจะเป็นช่วงที่ผมชอบสุดในการถ่ายทำเพราะได้เห็นมาร์แวนตกใจกลัว”

มาร์วาน เคนซารี่ รับบทอิชมาเอล นักสู้อิสระอีกคนผู้อยู่เคียงข้างอาเดรียนนาและคาริม ครอบครัวของเขาเองก็มีความผูกพันกับประวัติศาสตร์ของคานดัก เขาจึงร่วมตามหาคราวน์ ออฟ แซบแบคที่หลอมจากอีเทอร์เนียมบริสุทธิ์ และมีพลังความชั่วร้ายที่ยาวนานมาตั้งแต่หลายพันปีที่แล้ว โดยเชื่อว่ามันจะเป็นกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงในคานดักได้ 

สำหรับเคนซารี่แล้วยิ่งตัวละครมีความซับซ้อนเท่าไหร่ยิ่งดี “อิชมาเอลเชื่อว่าเขาผูกพันโดยตรงกับประวัติศาสตร์เมืองคานดัก และมีหลายเหตุผลที่จะมีเรื่องของคราวน์ ออฟ แซคแบค เพื่อความแน่ใจว่ามีเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากบรรพบุรุษของเขา เขาเชื่อว่าครอบครัวและประเทศของเขาถูกขโมยไปและเขาต้องทวงคืนกลับมา”

ทีมนักแสดงยังมีเจมส์ คูซาติ-โมเยอร์ ผู้รับบทซาเมียร์นักต่อสู้อิสระและอูลี่ ลาทุคฟิว ผู้รับบทเดอะ แชมเปี้ยนของคานดักโบราณ พร้อมดาวเด่นจาก “The Suicide Squad’s” เจนนิเฟอร์ ฮอลแลนด์ ผู้กลับมารับบทเอมิเลีย ฮาร์คอร์ทตัวแทนของแบล็ก และเฮนรี่ วิงค์เลอร์ ผู้รับบทอะตอม สแมชเชอร์ลุงของอัล และวิโอล่า ดาวิส ผู้รับบทอแมนด้า วอลเลอร์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว 

 

ฉันไม่ได้รักสงบหรือยอมสยบให้ใคร

การสร้างโลกขึ้นมา

 

ระหว่างที่กองถ่ายเรื่อง “Black Adam” เริ่มถ่ายทำเมื่อช่วงต้นปี 2021 การเตรียมตัวก่อนการถ่ายทำเพื่อรับกับจินตนาการของผู้สร้างฯ “Black Adam” เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี  2019 ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ บิล เสเทนโฮเฟอร์ และ ผู้ออกแบบฉาก ทอม เมเยอร์ ระดมความคิดเจาะลึกทุกพื้นที่ของแบล็ก อดัม และหาข้อสรุปว่าตัวละครควรมีหน้าตาแบบไหนในฐานะฮีโร่คนใหม่บนจอยักษ์ของดีซี

เมเยอร์ทำการหาข้อมูลอย่างเต็มที่ มีการออกแบบบรรยากาศโดยคร่าวๆ แบบ 3 มิติของเมืองคานดักยุคโบราณและทันสมัย เมืองมิดเดิล อีสเทิร์นที่สร้างขึ้นมาในเรื่องผ่านแอพพลิเคชั่นสำหรับการถ่ายทำแบบเรียลไทม์ เมเยอร์เล่าว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ใช้ความคิดและลองออกแบบการถ่ายทำขึ้นมา เพื่อไม่ให้ประสบการณ์บนจอภาพยนตร์ครั้งใหมในจักรวาลดีซีเข้าใจยากจนเกินไป

“ความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์พิเศษสำหรับผลงานดีซีเรืองนี้คือความแปลกใหม่ของจักรวาลดีซี” เขากล่าว “การมีโอกาสถ่ายทอดโลกของแบล็ก อดัม ซึ่งย้อนไปช่วงกลางยุค 1940 ที่เป็นยุคทองของหนังสือการ์ตูนดีซี ได้เห็นเรื่องราวความเป็นมาที่เข้มข้นและรายละเอียดมากมายที่นำมาใช้ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดอะไรเลย”  

เรื่องใหญ่สำหรับโกเยต-เซร่าและผู้สร้างภาพยนตร์คือการสร้างเรื่องราวในประวัติศาสตร์ชวนสลดของคานดักขึ้นมาให้มีความสมจริงและน่าสนใจ เพื่อเป็นเรื่องราวที่มาของแบล็ก อดัม อีเทอร์เนียมคือทรัพยากรสำคัญของคานดักและนำมาซึ่งความล่มสลาย เมื่ออินเตอร์แก๊งค์บุกปล้นเหมืองเพื่อเอาแร่ธาตุล้ำค่า

“เราสร้างคานดักขึ้นมาใหม่ทั้งเมือง ซึ่งเป็นอาณาจักรเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วเราได้แรงบันดาลใจบางส่วนมาจากหนังสือการ์ตูน และเราต้องเร่งระยะเวลาเป็น 5,000 ปีข้างหน้าช่วงที่ไม่มีคานดักอีกต่อไปแล้วด้วย คานดักแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายตลอดช่วงหลายศตวรรษจากผู้รุกรานที่เข้ามาตามหาอีเทอร์เนียม เราจึงต้องสร้างพื้นที่นี้ขึ้นมาในแบบของเราโดยอิงจากแรงบันดาลใจต่างๆ ทั่วโลก ไม่ใช่แค่มิดเดิ้ลอีสต์” โกเยต-เซร์ร่ากล่าว

แรงบันดาลใจมาจากการเปรียบเทียบกับโรมสมัยโบราณ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมยุคใหม่ เมเยอร์ต้องแน่ใจว่าสร้างเมืองชิรูตาสะท้อนถึงการกลับมาของแบล็ก อดัมที่มีความวุ่นวายยาวนาน 5,000 ปี “เราอยากแสดงให้เห็นว่ามีการมองอนาคตอย่างรวดเร็ว เห็นความเจริญที่เกิดขึ้นจากรากฐานเดิม” ผู้ออกแบบฉากกล่าว

นอกจากเรื่องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรและวัฒนธรรมแล้ว เมเยอร์และทีมงานของเขายังต้องควบคุมทีมกราฟฟิค สำหรับการสร้างภาษาคานดักไปจนถึงตกแต่งสัญลักษณ์บนท้องถนน ตึกอาคาร และหนังสือพิมพ์ที่ได้ข้อมูลจากตำนานหนังสือการ์ตูนของดีซี

การถ่ายทำล่วงเลยมาถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิและซัมเมอร์ มีการถ่ายทำในโรงถ่ายหลายฉากของ Trilith Studios ในแอตแลนต้า จอร์เจีย ทีมงานและนักแสดงเดินทางไปยังจอร์เจียกลางเพื่อถ่ายทำกันกลางหินและทราย บันทึกภาพความร้อนช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้นักแสดงและกองถ่ายได้มาก ทุกคนถ่ายทำฉากคานดักโบราณรวมถึงฉากที่ทันสมัยของอาเดรียนนา การพบการกลับมาของแบล็ก อดัมครั้งแรกสำหรับอิชมาเอลและคาริม

ฉากด้านนอกขนาดใหญ่ของชิรูต้าเป็นรูปร่างขึ้นมาในโรงถ่ายสตูดิโอ ที่นั่นเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร อพาร์ทเมนท์และรถแข่ง ทุกอย่างเชื่อมโยงเข้ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นในอดีตของประเทศ เมเยอร์และช่างฝีมือของเขาที่รวมถึงฝ่ายก่อสร้างและตกแต่งฉากต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อออกแบบพื้นที่ของเมืองในช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในโรงถ่ายรวมถึงฉากบรรยากาศภายในของเซนทรัลมาร์เก็ต อพาร์ทเมนท์ของอาเดรียนนา และร็อค ออฟ อีเทอร์นิตี้โบราณ ฮอว์ค ครุยเซอร์สุดไฮเทคของฮอว์คแมน เรือนจำใต้น้ำ ห้องบัลลังก์โบราณ รวมถึงผนังไฟแอลอีดีที่บินได้เสมือนจริง เห็นบรรยากาศเมืองและบริเวณชายฝั่งของคานดัก

ทีมงานต้องใช้ความพยายามกันอย่างเต็มที่ โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพิ่มความสมบูณณ์แบบให้ผลงานที่อยู่บนกล้อง วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ การออกแบบฉาก และสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชมจะได้สัมผัสกับฉากแอ็คชั่นอีกระดับ

ฟลินน์ออกความเห็นว่า “นี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 9 ระหว่างผมกับดเวย์นและ Seven Bucks เราเคยสร้างหนังฟอร์มยักษ์มาด้วยกัน เคยสร้างบรรทัดฐานการเล่าเรื่องแบบใหม่หลายอย่าง มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ในการสร้างภาพยนตร์ ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมารวมกันในช่วงเวลาของเรื่อง ‘Black Adam’ สำหรับเราแล้วการที่ได้ใช้ผนังไฟแอลอีดี โรงถ่ายที่ยกระดับได้ และเทคโนโลยีของกล้องใหม่ๆ บวกกับ IP ที่น่าทึ่ง และการเล่าเรื่องที่ผ่านการควบคุมของเจาเม มันคือความน่าตื่นเต้นเลยครับ” 

ผู้มีพรสวรรค์ด้านการสร้างสรรค์ที่มาช่วยสานจินตนากรของโกเยต-เซร์ร่า ได้รวมถึงตากล้องลอว์เรนซ์ เชอร์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายทั้งทีมของเคิร์ทและบาร์ท ผู้ควบคุมการแสดงผาดโผน ทอมมี่ ฮาร์เปอร์ และผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ เจ.ดี. ชวอล์ม

ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายรับหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ให้ซูเปอร์ฮีโร่ดีซีเป็นครั้งแรก ทั้งสำหรับแบล็ก อดัม, ฮอว์คแมน, ดร.เฟท (ใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพขึ้นมา) อะตอม สแมชเชอร์ และไซโคลน การค้นหาข้อมูลและแรงบันดาลใจที่ได้จากแหล่งต่างๆ ผลักดันจินตนาการความสร้างสรรค์ของทีม และทำให้ถ่ายทอดตัวละครอันเป็นที่รักสู่จอยักษ์ได้ 

“เรามีอิสระมากเพราะทีมค้นหาข้อมูลของเราตอกย้ำทุกส่วนของแต่ละตัวละครออกมา บางคนจะมีหลายเวอร์ชันที่ต่างไป แต่มันคุ้มค่าที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครทั้งหมด” บาร์ทกล่าว 

เคิร์ทเล่าเสริมว่า “ดีซีช่วยแชร์ข้อมูลของพวกเขาได้ดีมากเลยครับ แถมยังให้ดีไซน์เนอร์ของพวกเรามีส่วนร่วมในการสร้างจินตนาการไปกับพวกเขาด้ย ทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากเพราะจะได้สร้างผลงานตัวละครที่มีความแตกต่างหลากหลาย”

สิ่งสำคัญอย่างแรกสุดคือการออกแบบซูเปอร์สูทสำหรับแบล็ก อดัม ซึ่งจะเหมือนชุดของซูเปอร์ส่วนใหญ่ที่จะต้องมีการติดแผ่นเสริมเข้าไปในชุด เพื่อให้ร่างกายนักแสดงดูเด่นขึ้น และช่วยให้มีโครงร่างที่เหมาะสมสำหรับซูเปอร์ฮีโร่ 

แต่เรากลับเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงแรกเลยว่าแผ่นเสริมนั่นไม่จำเป็นสำหรับจอห์นสัน เขามีการเตรียมพร้อมร่างกายเกือบ 1 ปีก่อนการถ่ายทำ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาเหมาะสำหรับแบล็ก อดัม เขามีการบันทึกการออกกำลังกาย ฝึกความแข็งแกร่ง สร้างกล้ามเนื้อ วางแผนโภชนาการบนโซเชียลมีเดีย โดยมีผู้ติดตามนับล้านคนที่ช่วยลุ้นกับผลลัพธ์ที่ออกมา

“ความท้าทายที่สุดสำหรับตัวละครแบล็ก อดัมคือร่างกายของดเวย์น เพราะเราได้คนที่มีหุ่นแบบซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงเป็นครั้งแรก ไม่มีใครหุ่นแบบนี้ ไม่มีใครหุ่นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงได้ยกเว้นดเวย์น จอห์นสัน ความท้าทายคือเราจะทำให้ชุดนี้มีความเด่นชัดขึ้นมาได้อย่างไร? เราจะทำให้ชุดมีความบางที่สุดเพื่อที่จะเห็นความชัดเจนและความโค้งของร่างกายอย่างไร? เคิร์ทกล่าว

การค้นหาข้อมูลของทั้งคู่ได้พาพวกเขาไปสู่ Metropolitan Museum of Art ที่นิวยอร์ค ไปถึงพิพิธภัณฑ์สะสมงานศิลปะ near-Eastern and Assyrian เพื่อรวบรวมแรงบันดาลใจสำหรับฉากของคานดักในอดีต สิ่งหนึ่งที่ไม่คาดฝันและสร้างความประทับใจในการมาเยือนของพวกเขา คือการบรรยายถึงพระเจ้าและกษัตริย์ไว้ในศิลปะโบราณ พวกเขาได้พบกับภาพที่เทียบได้กับข้อความซึ่งเป็นตัวบอกเล่าถึงเรื่องราว ซึ่งนั่นเป็นจุดกำเนิดสำคัญให้ทีมออกแบบที่ตกแต่งเสริมชุดวิเศษของแบล็ก อดัม

บาร์ทเล่าว่า “เราคิดทันทีเลยว่า ‘เราจะอธิบายข้อความนี้ลงไปในชุดของแบล็ก อดัมเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเขามากขึ้นได้อย่างไร?’ รายละเอียดที่อยู่บนเนื้อผ้าจึงเยอะขึ้น แต่ที่สำคัญคือมีการเล่าเรื่องราวของเขา ทอม เมเยอร์และแผนกกราฟฟิคของเขาได้ประดิษฐ์ภาษาโบราณของตัวเองขึ้นมาคล้ายกับอักษรคูนิฟอร์ม เราจึงเริ่มสร้างภาพขึ้นมาบนชุดและพร้อมกับการออกแบบรองเท้าบูท การปรินท์บนวัสดุที่มีความบางทำได้ยากมากแต่ท้ายที่สุดก็นับว่าคุ้มค่า สิ่งที่ผมชอบมากในผลลัพธ์สุดท้ายของชุดคือไมว่าดเวย์นจะหันหลังหรือเห็นเต็มตัว เราจะรู้ได้จากเงาเลยว่าเขาคือแบล็ก อดัม มันมีเอกลักษณ์ความแข็งแรงที่เห็นแค่เงาก็จำได้”

ความพยายามของพวกเขาปรากฏให้เห็นชัดเจนเมื่อจอห์นสันก้าวสู่เวอร์ชันสุดท้ายในชุดแบล็ก อดัมตอนที่ทดสอบหน้ากล้องพร้อมโกเยต-เซร์ร่าและเชอร์ จากความคุ้นเคยด้านมิวสิควีดีโอของผู้กำกับฯ ที่เขาเคยควบคุมในช่วงแรกของการทำงาน ซึ่งฝีมือการถ่ายทอดความงดงามยังคงฝังแน่นอยู่ในการทำงาน การจัดแสงของเชอร์บวกกับเสียงดนตรีที่มีเบสช่วงที่จอห์นสันก้าวเข้ามาในฉากครั้งแรกสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนที่มาร่วมงานตอนนั้น

จอห์นสันเล่าถึงช่วงเวลาที่เขาต้องสวมชุดวิเศษ “ผมจำครั้งแรกที่สวมชุดได้ เป็นช่วงที่จะต้องขยับร่างกายเพื่อทดสอบหน้ากล้อง ผมลืมไม่ลงเลยเพราะตอนนั้นผมได้แปลงร่างเป็นแบล็ก อดัม นับว่าเป็นความพิเศษมาก”

ขณะที่การออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับแบล็ก อดัมเรียกความท้าทาย การออกแบบสำหรับฮอว์คแมนเองก็ไม่แพ้กัน ข้อมูลของฮอว์คแมนที่มีแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ต่างไปในแบบฉบับดีซีซูเปอร์ฮีโร่ ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี  1940 จนถึงปัจจุบัน แต่ผู้กำกับฯ ก็ให้อิสระในการออกแบบตั้งแต่แรกเริ่ม    

“แรงบันดาลใจช่วงแรกมาจากเพื่อนของศิลปิน แดเนียล บี. ลี ผู้มีผลงานออริกามิที่น่าทึ่ง เราให้เขามาช่วยสร้างรูปร่างแบบออริกามิ เพื่อที่จะนำไปปรับใช้กับชุดเกราะ ชิ้นส่วนต่างๆ มีความเรียบง่าย แต่เขาเอามาต่อกันให้กลายเป็นปีกที่ขยายออกมาจากชุดเกราะได้อย่างงดงาม ชุดเกราะจะติดกันทั้งส่วนหน้าอกและด้านหลัง เราคิดว่ามันสร้างความน่าสนใจได้มากเลย” เคิร์ทกล่าว

บาร์ทกล่าวเสริมว่า “มันยังคงให้ความรู้สึกแบบอียปต์ มีการเคารพในต้นฉบับตัวละคร และมีความงามสอดคล้องหลักศิลปะอยู่บ้าง เราพยายามถ่ายทอดไอเดียของโลหะ Nth ที่สามารถจะผลิตอะไรก็ได้ ชุดเกราะของเขาเป็นได้ทั้งแบบเรียบง่ายและแบบที่ชวนตื่นตา เราเริ่มจากรูปร่างง่ายๆ และสร้างเกราะที่มีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนปีก เข็มขัด หรือตามปุ่มที่ดูเท่ รายละเอียดบนชุดและประสิทธิภาพของชุดทั้งหมดมาจากโลหะ Nth”

จากมุมมองการใช้งานจริง การออกแบบของพวกเขาต้องทำให้อัลดิส ฮอดจ์ ผู้เรียกร้องการแสดงฉากผาดโผนด้วยตัวเองสามารถขยับร่างกายได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นฉากการลอยตัวด้วยลวดสลิงที่มีความซับซ้อน โดยที่เสื้อผ้าไม่เป็นอุปสรรคให้กับเขา

สำหรับ ดร.เฟท มีการตัดสินใจตั้งแต่ช่วงแรกแล้วว่าภาพที่ดีที่สุดในชุดของเขาต้องอาศัยการเรนเดอร์ตัวละครคอมพิวเตอร์กราฟฟิค เพราะเขามักจะอยู่ในท่าลอยตัวหรือบิน และผ้าคลุมที่ขยายเป็นคลื่นต้องสะท้อนให้เห็นภาพของอนาคตด้วย 

“เราทำการออกแบบเสื้อผ้าของดร.เฟทในรูปแบบดิจิตอล” บาร์ทกล่าว “ด็อกเตอร์เฟทเป็นตัวละครที่สนุกในการค้นหาข้อมูลร่วมกับเพียร์ซ เช่นเดียวกับลุคของเคนท์ เนลสันที่อยู่ในชุดพลเมืองมีการสะท้อนถึงความเป็นนักวิชาการในตัวเขา”

หมวกสีทองทรงปะหลาดน่าจะเป็นองค์ประกอบเดียวในชุดของดร.เฟทที่สามารถหยิบจับใช้งานได้จริง เพราะเคนท์ เนลสันต้องมีอยู่ข้างตัวตลอดและหยิบมาสวมใส่ตามต้องการ หมวกนี้ได้ความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญด้านอุปกรณ์ประกอบฉาก สตีเวน บี. เมลตัน หมวกสีทองหลายใบรวมถึงใบที่มีน้ำหนักเบาตามวัสดุหลายชนิดที่เลือกใช้ในการถ่ายทำ    

แต่ผู้กำกับฯ ยังคงต้องการเซอร์ไพรส์สำหรับหน้าตาของหมวกที่แหวกแนว

“สิ่งที่สำคัญสุดสำหรับดร.เฟทคือเรื่องหมวก เรามีการออกแบบกลับไปกลับมาหลายครั้งมาก ผมไม่อยากให้อะไรมันดูเป๊ะเกินไป นั่นคือเหตุผลที่หมวกดูไม่สมดุลกันทั้ง 2 ด้าน เพราะผมอยากให้อีกด้านหนึ่งดูต่างจากอีกด้านหนึ่ง” เคิร์ทกล่าว “และผมตัดสินใจว่าจะไม่ให้หมวกของดร.เฟทมีช่องตาด้วย เพราะผมนึกภาพว่าถ้าเขามีเวทมนตร์ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาหรอก จริงมั้ย? นี่คือเหตุผลที่ผมใช้ผิวเรียบสะท้อนเงา”

บรอสแนนผู้มีความชำนาญตัวจริง ต้องถ่ายทำผ่านชุดวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์โมชั่นแคปเจอร์ และต้องสวมหมวกที่ไมมีตา “ผมสนุกกับการร่วมงานกับเคิร์ทและบาร์ทมากครับ แต่พอเราต้องสวมชุดโมแคพ” เขาพูดพร้อมหัวเราะ “มันเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเลย อาจจะเป็นเรื่องน่าอายที่สุดก็ได้ แต่ต้องขอบคุณที่ผมเคยแสดงละครเวที ละครใบ้ ละครบนท้องถนน และงานด้านละครสัตว์มาก่อน ทำให้ผมสามารถออกไปได้อย่างมั่นใจ หมวกนั่นเหมือนกับการเอาถังน้ำมาครอบหัวเลย มองเห็นแต่ความมืด แต่ผมก็เชื่อใจว่าพวกเขาจะทำให้ผมดูเป็นดร.เฟทที่มีพลังวิเศษได้”     

ตัวละครเซนตินีโอของอะตอม สแมชเชอร์เป็นซูเปอร์ฮีโร่แห่งตำนาน เขาได้รับซูเปอร์สูทตกทอดมาจากลุงอัล หรือที่แฟนการ์ตูนรู้จักกันในชื่อดิ อะตอม เคิร์ทและบาร์ทมีข้อมูลเพียงน้อยนิด ต้องพยายามเจาะลึกถึงความเป็นเรโทรเพื่อเป็นการเคารพในลุงของเขาไว้ เคิร์ทเล่าว่า “เราสังเกตจากนักมวยปล้ำยุค 1980 เป็นจุดเริ่มต้น นั่นคือที่มาของบูทส์เพราะมีรองเท้านักมวยปล้ำเป็นแรงบันดาลใจ ผมรักรายละเอียดในแบบสมัยก่อนทั้งเรื่องรองเท้าบูทส์และหน้ากาก เรานำไอเดียของหน้ากากที่คาดยาวทั้งหน้ามาใช้ รวมถึงเข็มขัดเส้นใหญ่สำหรับซูเปอร์ฮีโร่คลาสสิคและนักมวยปล้ำคลาสสิค”

ไม่มีอะไรที่เขาจะแฮปปี้ไปกว่าการได้ย้อนกลับไปหาชุดซูเปอร์สูทของอะตอม สแมชเชอร์ “มันเป็นชุดวินเทจที่สวยแต่ก็ดูหลุดโลกด้วย เวลาผมได้สวมชุดนั้นจะรู้สึกอินมาก จะไม่หลงเหลือความเป็นผมเหลือเวลาที่สวมทั้งชุดนั่น ผมรักชุดของผม และคิดว่ามเป็นชุดที่เท่สุดในกลุ่ม… และผมไม่ได้พูดเองคนเดียวนะ” เขายิ้ม

การที่ไซโคลนมีเชื้อสายซูเปอร์ฮีโร่ทำให้เธอรู้เส้นทางชีวิตของตัวเอง เธอจึงผลิตชุดซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเองที่เน้นพลังวิเศษของเธอให้โดดเด่นขึ้น “เมื่อเราเข้าใจอดีตของตัวละครว่าเธอชอบมิวสิเคิล ‘Wicked’ มันเชื่อมโยงถึง ‘The Wizard of Oz’ ผมรู้เลยว่าเราได้แรงบันดาลใจแล้ว เราหลงใหลในไอเดียของ Wicked Witch แต่การจะทำให้ดูทันสมัย เราต้องอาศัยการเคลื่อนไหวที่ใช้พลังไซโคลนิครวกับเป็นส่นหนึ่งของโคทวิคตอเรียน มีการใช้สีเขียวร่วมด้วย และต้องมีสายคาดยาวบนกางเกงเพื่อเคารพในความหลงใหลนั้น” บาร์ทกล่าว

การตีความว่าซูเปอร์สูทของไซโคลนควรเป็นแบบไหนสำหรับเคิร์ทและบาร์ท ต้องอาศัยศิลปะแนวพังค์มาร่วมด้วย มีการใช้สายหนังและสายรัดเพื่อให้รู้สึกเหมือนเธอจับมาผสมผสานด้วยตัวเอง “ไซโคลนเป็ฯตัวละครที่เท่และผมรู้สึกว่าในหนังสือการ์ตูนจะต้องมีสักคนที่ไม่ดูมีความพิเศษจนเกินไป และผมไม่คิดว่าชุดในหนังสือการ์ตูนจะถ่ายทอดออกมาได้จริงด้วย เราพยายามรักษาความเท่แนวสตรีทที่ชอบประดิษฐ์อะเองของเธอไว้ จึงเพิ่มแค่พวกเกราะที่มีสายัดเข้าไป เพราะเราคิดว่ามันดูแข็.แรงที่สุดและดูเท่ดี มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นอยู่แล้วในการผลิตชุดของตัวละครขึ้นมาพร้อมกับนักแสดง มันต้องมีการพัฒนาโดยที่เราไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่สุดท้ายมันออกมาเท่มาก เราพูดได้เลยว่าควินเทสซ่าจะรู้สึกสบายตัวและเหมือนเป็นชุดของเธอเองจริงๆ”

สวินเดลเจาะลึกลงถึงเรื่องราวในอดีตของตัวละคร และมีความสนุกที่ได้ร่วมงานกับเคิร์ทและบาร์ท เพื่อทำให้แม็กไซน์เป็นรูปร่างและมีความมั่นใจแบบไซโคลน

“ทั้งแม็กไซน์และไซโคลนต่างก็มีสไตล์ที่ดีมาก ลุคของเธอมีเสน่ห์หลายอย่าง และมีความสนุกสนานที่ไซโคลนแสดงให้เห็นผ่านชุดฮีโร่ของเธอ” สวินเดลกล่าว “เคิร์ทและบาร์ทเป็นคนที่เก่งมาก เสื้อผ้าของไซโคลนมีความละเอียดหลายระดับและอยู่ที่มุมมองของพวกเขาที่มีต่อเธอด้วย มันเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับการร่วมงานกับ 2 ศิลปินที่มีความรักในตัวละครและอยากสร้างผลงานออกมาให้ดีที่สุด แต่สิ่งที่ฉันชื่นชมเป็นพิเศษคือไม่มีการออกแบบชุดที่เน้นสัดส่วนมากเกินไป มันดีมากค่ะที่ได้รับบทเป็นหญิงสาวในแบบที่เธอเป็น ได้สวมเสื้อผ้าตามใจต้องการ และการสร้างความถูกต้องในระดับนี้ได้คือเรื่องที่ดีเยี่ยมเลย” 

ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ร่วมงานกับชวอล์มและฮาร์เปอร์ รวมถึงทีมงานของพวกเขาเพือจำลองความแม่นยำของฉากแอ็คชั่นให้ได้มากที่สุดสำหรับผู้ชมที่ต้องการสิ่งนั้น ชวอล์มเคยร่วมงานกับจอห์นสัน โกเยต-เซร์ร่าและผู้อำนวยการสร้างฯ มาแล้วในเรื่อง “Jungle Cruise” เขายอมรับเป็นครั้งแรกว่าการทำงานในทุกโปรเจ็กต์ใหม่มีความยากเสมอเมื่อมาถึงการทดสอบความแม่นยำของฉากแอ็คชั่น

สำหรับเรื่อง “Black Adam” ต้องระดมความคิดเรื่องการสร้างแบล็ก อดัมโฉมใหม่ขึ้นมาโดย ที่เขามีพลังวิเศษในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการลอยตัว บิน หรือเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ที่สำคัญคือไม่ว่าเขาจะร่อนลงบนพื้นผิวใดจะต้องดูนุ่มนวลและกลมกลืนไปกับการออกแบบฉากภาพยนตร์ ตากล้อง ผู้กำกับฯ และจอห์นสัน  

ชวอล์มและทีมงานของเขาได้ผลิตเครื่องจักรและซอฟต์แวร์สำหรับผู้ออกแบบ แอนิเมเตอร์ และผู้จัดการด้านัสดุ เพื่อให้สามารถกำหนดทุกอย่าง มีตะกร้าที่ควบคุมด้วยรีโมทที่ต้องใช้ระหว่างการถ่ายทำ โดยจอห์นสันจะก้าวเข้าไปและดูเหมือนลอยได้   

ชวอล์มเล่าถึงช่วงเวลาที่พูดว่า “ยูเรก้า!” ว่า “ผมกำลังดูทีวีเกี่ยวกับรายการหุ่นยนต์ แล้วเห็นรถที่มีล้อและกำหนดทิศทางได้ มีดวงไฟสลัวน้อยนิด เราเริ่มทำการหาข้อมูลและตัดสินใจตอนนั้นว่านี่คือสิ่งที่เราจะใช้กับแบล็ก อดัม รถแต่ละคันที่เราสร้างจะมี 4 ล้อที่ควบคุมทิศทางได้ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะให้ล้อหมุนทิศทางไหน รถสามารถเดินหน้าถอยหลังไปซ้ายขวาและหมุนรอบตัวเองได้ ซึ่งมันใช้เพียงกระแสไฟต่อตรงนิดเดียว จากนั้นจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์คำนวณเพื่อสร้างความนุ่มนวล ทำให้มีการบังคับได้แบบไร้สายโดยใช้รีโมท”   

การแก้ปัญหาด้วยวิธีกันนี้นำมาใช้กับอากาศ เอ็ฟเฟ็กต์การลอยตัวขึ้นลงจะต้องใช้แขนหุ่นยนต์ 1200 lb. อิงจากโมเดลของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถยกได้ทั้งรถยนต์ เรือ และรถบรรทุกได้

ภาพการเคลื่อนไหวและความเร็วต่างๆ มีการตั้งโปรแกรมให้ระบบควบคุมการเคลื่อนไหวล่วงหน้า มีการคำนวณความปลอดภัย ทำให้โกเยต-เซร์ร่ามีตัวเลือกในการถ่ายทำจริงกับจอห์นสัน ระบบนี้มีประโยชน์มากช่วยให้ทีมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ใช้เพิ่มพลังให้ Intergang Fly Bike และนักขี่รถผาดโผนที่ต้องพุ่งชนกำแพง

“เราเริ่มหาข้อมูลแพลทฟอร์มควบคุมการเคลื่อนไหวที่ใช้กับหุ่นยนต์ได้ เพราะเราอยากลองหลายเทคจริงในแบบต่างๆ กับภาพแอนิเมชั่นและค่อยนำไปใช้กับหุ่นยนต์ ซึ่งมันจะออกมาเหมือนแอนิเมชั่นที่เราสร้างไว้” ชวอล์มเล่ารายละเอียด  “สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาจากภาพจำลองของแผนกวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ จากนั้นจะใช้หุ่นยนต์กำหนดการเคลื่อนไหวในโลกของคอมพิวเตอร์กราฟฟิค จากนั้นโหลดเข้ากับระบบควบคุมการเคลื่อนไหวบนหุ่นยนต์ มันจะแสดงทุกอย่างออกมาตามที่สร้างภาพเคลื่อนไหว ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าจะต้องออกมาทิศทางไหนในช่วงนั้น”

สำหรับการนำมาใช้กับ “แบล็ก อดัม” ชวอล์มมีหน้าที่แกะสัญลักษณ์สายฟ้าให้เป็นแบบ 1.4 ตัน ซึ่งเป็นมิตรฐานใหม่ของวงการเลยทีเดียว “สำหรับหนังเรื่องนี้ทุกแผนกใช้เทคโนโลยีสูงสุดกันอย่างเต็มขั้น ไม่ใช่การใช้แค่ฉากเบื้องหลัง แต่มีการนำมาใช้ในฉากตามช่วงเวลาจริงด้วย ซึ่งมันมีผลมากต่อการสร้างหนังเรื่องนี้ มันช่วยสร้างบรรยากาศให้นักแสดงได้เห็น ได้สัมผัส พร้อมทั้งทุกคนในฉากด้วย ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องเทคโนโลยี นี่เลยเป็นหนังที่สนุกมากในการทำงาน เพราะทำให้เราได้ขยับกล้ามเนื้อไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่กว่าเดิม” ชวอล์มกล่าว 

ฮาร์เปอร์คุ้นเคยกับโลกของซูเปอร์ฮีโร่เป็นอย่างดี และรู้ว่าจะสร้างความแปลกใหม่ให้ฉากแอ็คชั่นได้อย่างไร เขาร่วมงานกับผู้ควบคุมด้านฉากการต่อสู้ คริส บรูว์สเตอร์ และทีมนักแสดงผาดโผนของพกวเขา พวกเขาออกแบบท่าทางทุกอย่างทั้งการต่อสู้อย่างใกล้ชิด การผจญเพลิง การแสดงบนลวดสลิงที่ซับซ้อน และฉากการไล่ล่า รวมถึงเตรียมตัวนักแสดงสำหรับฉากแอ็คชันของพวกเขาด้วย

เขารู้ดีว่าต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการต่อสู้กับแบล็ก อดัม ซึ่งเป็นฉากใหญ่ของจอห์นสัน ฮอดจ์เตรียมตัวสวมบทฮอว์คแมนอย่างจริงจังและเดินทางไปยังแอตแลนต้าล่วงหน้าก่อนถ่ายทำ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับทีมนักแสดงผาดโผน และเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการแสดง ในการเตรียมลวดสลิงสำหรับการบินของฮอว์คแมน อะตอม สแมชเชอร์ และไซโคลน ทีมนักแสดงผาดโผนต้องอาศัยระบบอัตโนมัติเพื่อเอ็ฟเฟ็กต์ที่มีความซับซ้อน 

ก่อนจะปิดกล้อง จอห์นสันถ่ายทำฉากการบินพิเศษในโรงถ่ายที่ปรับระดับได้ในลอสแองเจลิส เทคโนโลยีช่วยให้นักแสดงถ่ายทำพร้อมกล้อง 100 ตัว โดยที่ภาพร่างกายของเขากลายเป็นภาพซีจีได้ และหลังจากนั้นจะมีการแทรกการแสดงส่วนอื่นเข้าไปในฉาก พร้อมท่าทางการเคลื่อนไหวที่ใช้กล้องเสมือนจริง

สำหรับนักแสดง/ผู้อำนวยการสร้างฯ จอห์นสันที่พัฒนาผลงานจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งสู่อีกเรื่องหนึ่งอย่างต่อเนื่องระหว่างที่เขาเฝ้ารอมานานให้โปรเจ็กต์นี้ฉายสู่จอภาพยนตร์ เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะรอ “ผมตื่นเต้นแทนผู้ชมที่จะได้ดู ‘Black Adam’” จอห์นสันกล่าวสรุป “ผมอยู่ในฮอลลีวูดมาพักหนึ่งแล้ว และขยายเส้นทางการทำงานจนยาวนานหลายปี และโชคดีพอที่จะมีโอกาสพิเศษในการสร้างสิ่งที่จะขยายสู่ผู้คนหลายรุ่น ผมว่านั่นคือความพิเศษของ  ‘Black Adam’ เราได้สร้างหนังที่เราทุกคนภูมิใจกับมันมาก”

Black Adam – แบล็ก อดัมพร้อมฉาย 20 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!#BlackAdam  #แบล็กอดัม