เรื่องราวของเฟอร์ดินานด์ กระทิงร่างยักษ์ผู้ชอบดอกไม้มากกว่าการต่อสู้ ได้สร้างความประทับใจให้คนนับล้านๆ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ “The Story of Ferdinand” เมื่อปี 1936 โดยนักเขียน มันโร ลีฟ และนักวาดภาพประกอบ โรเบิร์ต ลอว์สัน หนังสือเล่มนี้นำเสนอแง่มุมอันอบอุ่นน่ารักว่าด้วยการที่รูปลักษณ์ภายนอกอาจหลอกตาเราได้ (หรือเหตุผลที่คุณไม่ควรตัดสินกระทิงจากหน้าปก…) อีกทั้งยังให้แง่คิดเกี่ยวกับความรักและการยอมรับที่ตรงใจผู้คนมาหลายทศวรรษ จนมาถึงช่วงหยุดเทศกาลปีนี้ ผู้ชมรุ่นใหม่จะได้เพลิดเพลินกับภาพยนตร์แอนิเมชันซีจีสำหรับครอบครัวที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวคลาสสิก เมื่อภาพยนตร์เรื่อง FERDINAND ของ 20th Century Fox Animation และ Blue Sky Studios เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 21 ธันวาคม

FERDINAND กำกับโดยผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ คาร์ลอส ซัลดายา ผู้สร้างสรรค์และผู้กำกับซีรีส์ RIO รวมถึงเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หลายเรื่องในแฟรนไชส์ ICE AGE ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวการผจญภัยของกระทิงผู้รักสงบ (พากย์เสียงโดยจอห์น ซีนา) ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูมาโดยชาวไร่และลูกสาวผู้น่ารัก ทว่าชีวิตอันสงบสุขกลับต้องพลิกผันเมื่อเจ้ากระทิงถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัตว์ดุร้าย และถูกนำไปยังสถานที่ซึ่งเขาไม่เคยนึกอยากเข้าไปเลย นั่นก็คือค่ายฝึกกระทิง แต่เฟอร์ดินานด์ตั้งใจว่าจะกลับบ้านให้ได้ ระหว่างทาง กระทิงผู้ใจดีตัวนี้ได้ผูกมิตรกับผองเพื่อนมากมายและเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนที่เขาได้พบ แต่ก็ยังคงมีอุปสรรคสำคัญที่เขาต้องเอาชนะให้ได้… ในฉากไคลแม็กซ์สุดตื่นเต้น เฟอร์ดินานด์ต้องเผชิญหน้ากับนักสู้วัว

กระทิง เอล ปริเมโร ในสนามสู้วัวที่มีคนดูเต็มสนาม แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดแน่วแน่ในความรักสงบของตนและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนรอบตัว

แผนการนำเรื่องราวของเฟอร์ดินานด์มาสู่จอภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่าหกปีที่แล้ว ตอนที่ซัลดายายังทำงานเรื่อง RIO 2 “ผมตื่นเต้นมากเมื่อได้รู้ว่า Fox และ Blue Sky กำลังจะสร้างหนังจากหนังสือเล่มนี้” ซัลดายากล่าว “ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนและตกหลุมรักเรื่องราว รวมถึงความหมายของเรื่องซึ่งพูดถึงการยอมรับและความหลากหลาย ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะนำหนังสือเล่มเล็กน่ารักเรื่องนี้มาดัดแปลงเป็นหนังสำหรับครอบครัวเพื่อผู้ชมยุคปัจจุบัน”

สำหรับผู้อำนวยการสร้างที่ทำงานกับ Blue Sky Studios มายาวนานอย่าง ลอรี ฟอร์เต หนังเรื่องนี้เป็นโอกาสที่จะได้กลับมาร่วมงานกับซัลดายา หลังจากที่ทั้งสองเคยทำงานร่วมกันมาใน ICE AGE สามภาคแรก “คาร์ลอสอยากทำหนังที่มีวัวกระทิงเป็นตัวละครหลัก” ฟอร์เตเล่า “ฉันชอบการทำงานร่วมกับเขาใน ICE AGE ฉันรู้ว่าเขารักงานนี้มากและความทุ่มเทหลงใหลที่เขามีให้นิทานเรื่องนี้และสาระสำคัญในเรื่องก็เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวฉันเอง รวมถึงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาด้วย”

บุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งที่ช่วยสร้างหนังเรื่องนี้ให้เป็นจริงขึ้นมาก็คือผู้อำนวยการสร้าง จอห์น เดวิส ซึ่งทำหนังสำหรับครอบครัวมาแล้วหลายเรื่อง รวมถึง DR. DOLITTLE, หนังในตระกูล GARFIELD และ MR. POPPER’S PENGUINS เดวิสติดตามลิขสิทธิ์ของ “The Story of Ferdinand” มามากกว่าสิบปี และเมื่อสามารถซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้ได้ เขาก็รีบคว้าโอกาสไว้และนำโครงการไปเสนอกับ 20th Century Fox

“Ferdinand เป็นหนังสือนิทานคลาสสิกที่ผมและภรรยาอ่านให้ลูกฟังก่อนนอนตอนที่ลูกๆ ยังเล็ก “เราเล็งเห็นอยู่แล้วว่าแง่คิดอันอ่อนโยนในหนังสือเล่มนี้และนิทานคลาสสิกเรื่องอื่นๆ ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจต่อตนเองและหลักจริยธรรม รวมทั้งสอนให้เด็กๆ รู้จักมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ที่ผ่านมาผมทำหนังหลายเรื่องจากต้นฉบับลักษณะคล้ายกันนี้ที่ทั้งผมและลูกๆ ชื่นชอบ ครอบครัวเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือต้องการให้เก็บรักษาหัวใจดั้งเดิมของหนังสือเอาไว้ แล้วผมก็รู้ว่าทีมงานของ Fox และ Blue Sky จะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวอันยอดเยี่ยมนี้ได้อย่างที่ควรจะเป็น”

ผู้อำนวยการสร้าง บรูซ แอนเดอร์สัน ซึ่งทำงานร่วมกับซัลดายาในหนัง RIO ทั้งสองภาค กล่าวว่า FERDINAND นับเป็นโอกาสให้เขาได้กลับไปหาหนังสือเล่มโปรดในวัยเด็ก “แม่ของผมเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนประถม และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นเล่มโปรดที่เรามักจะเลือกมาอ่านกัน” เขาระบุ “เรื่องราวนี้ตรงใจผมมาตลอดเพราะมันยกย่องการอยู่นอกกรอบ เป็น

การแสดงให้คุณเห็นว่าโลกใบนี้สร้างขึ้นมาจากผู้คนที่แตกต่างหลากหลาย และความหลากหลายนั้นเองที่ช่วยให้เราก้าวต่อไปได้ ตอนที่คุณยังเด็กและไม่ชอบแข่งขันเท่าเพื่อนร่วมชั้น เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ช่วยให้คุณค้นพบหนทางของตัวเองได้จริงๆ”

จากหน้าหนังสือสู่จอภาพยนตร์

ความท้าทายประการสำคัญในการเปลี่ยนหนังสือเล่มเล็กนี้ให้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวก็คือการขยายเนื้อเรื่องและแนะนำตัวละครใหม่ๆ ที่จะมาร่วมทางกับตัวละครหลักในการเดินทางครั้งนี้ “เรื่องนี้มีตอนต้นและตอนจบที่แข็งแรงมาก ดังนั้นเราจึงนำเอาส่วนที่ทรงพลังนี้มาใช้แล้วสร้างเนื้อเรื่องตรงกลางที่ช่วยให้เราผูกพันกับเฟอร์ดินานด์ขึ้นมา” แอนเดอร์สันระบุ “เราจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขาให้นานขึ้น และได้สัมผัสโลกที่เฟอร์ดินานด์เติบโตมาในรูปแบบที่ร่วมสมัยและเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม เรายังได้นำเสนอตัวละครใหม่ๆ ที่มีสีสันน่าจดจำและไม่ได้อยู่ในหนังสือ โดยตัวละครเหล่านั้นก็ต้องเหมาะกับฉากในเรื่อง รวมถึงสะท้อนสาระและให้อารมณ์เดียวกันกับต้นฉบับเดิม”

ซัลดายาและฟอร์เตต่างชี้ว่าสาระที่ซ่อนอยู่ในหนังสือช่วยให้ทั้งสองสามารถขยายเนื้อเรื่องได้อย่างสมเหตุสมผล “ยิ่งศึกษาข้อมูลมากขึ้น เราก็ยิ่งพบว่าผู้คนตีความเรื่องนี้แตกต่างกันไป” ซัลดายาระบุ “เรื่องราวของเรามีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้นในโลกอันสับสนที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้”

ฟอร์เตอธิบายว่า เมื่อนำเรื่องราวเล็กๆ มาขยาย ทีมงานก็ต้องใส่ใจดูแลให้การเดินทางที่ยาวขึ้นของตัวละครเอก ตลอดจนบรรดาเพื่อนคู่หูและตัวละครอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามานั้น ออกมาน่าพอใจและน่ารักไม่แพ้เรื่องราวเดิม “ทุกคนทำงานอย่างหนักเพื่อให้ตัวหนังโดยรวมมีความเป็นสากลและเป็นอมตะเทียบเท่าเรื่องราวตั้งต้นที่เป็นแรงบันดาลใจให้หนังเรื่องนี้” เธอกล่าว “ฉันคุ้นเคยกับหนังสือเล่มนี้ดี มันสื่อสาระอันเรียบง่ายทรงพลังที่ดึงดูดทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แน่นอนว่าสาระนั้นยังคงความสำคัญในทุกวันนี้ เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่หนังสือตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1930”

“คาร์ลอสเป็นนักเล่าเรื่องที่น่าทึ่งและเป็นคนละเอียดอ่อนมาก” เดวิสเสริม “หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น เด็กๆ สามารถเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครที่ต้องจากบ้าน แล้วก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่ซึ่งมีการปกป้องน้อยลงและแข่งขันกันมากขึ้น เฟอร์ดินานด์มีหลักประจำใจที่เขายึดมั่นแม้ว่าคนอื่นอาจไม่เข้าใจเขาก็ตาม เช่นเดียวกับหนังแอนิเมชันคลาสสิกเรื่องอื่นๆ

FERDINAND ดึงเอาสิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิตไร้สำนึกร่วมของเราออกมา รวมทั้งถ่ายทอดความกลัว ความวิตกกังวล และความฝันของเรา เป็นหนังที่เข้าถึงอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง”

การเดินทางสู่สเปน

เนื่องจากทั้งหนังสือและภาพยนตร์ต่างมีฉากหลังเป็นสถานที่อันมีสีสันและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสเปน ซัลดายาและทีมงานส่วนหนึ่งจึงได้เดินทางไปยังสเปนเพื่อหาแรงบันดาลใจด้านภาพและหาสถานที่จริงมาใช้เป็นฉากหลังของหนังเรื่องนี้ “เราได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์ในสเปน” ผู้กำกับรายนี้กล่าว “โทนสีของหนังมีสีเอิร์ธโทนอยู่มากและแตกต่างจากสีสันในภูมิประเทศเขตร้อนที่เราใช้ในหนังเรื่อง RIO เรานำเอาสถาปัตยกรรมอันงามสง่าจากเมืองบางเมืองมาใช้และเดินทางไปทางใต้สู่แคว้นอันดาลูเซียอันงดงาม”

รอนดา เมืองบนยอดเขาในจังหวัดมาลากาของสเปนเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างฉากฟาร์มซึ่งเฟอร์ดินานด์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเด็กหญิงนีน่าและพ่อของเธอ “เราต้องการให้งานศิลป์สะท้อนถึงความงดงามของพื้นที่แถบนี้” ซัลดายาอธิบาย “เราต้องการให้ตัวฉากแสดงถึงความเป็นไปได้ในการสร้างหนังแอนิเมชัน ขณะเดียวกันก็ยังคงสะท้อนศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของสเปน”

ทีมงานเดินทางตามเส้นทางของเฟอร์ดินานด์ไปยังแมดริด เซบียา และพื้นที่ไร่นาทางใต้ของประเทศ “ที่นี่ของเก่าและของใหม่ดำรงอยู่ร่วมกันได้อย่างงดงาม” ซัลดายาระบุ “มีกังหันลมเก่า ทางหลวงใหม่ เมืองสีขาวเก่าแก่โบราณซึ่งให้ภาพตัดกับความทันสมัยของสเปนได้อย่างสวยงาม เราไปเยือนฟาร์มแบบฮาเซียนดา (haciendas) ซึ่งมีการเลี้ยงปศุสัตว์ และเก็บรายละเอียดทุกอย่าง ทั้งพันธุ์ไม้ สีสัน ลักษณะหมู่บ้าน และผู้คน นอกจากนี้ เรายังได้ไปดูกังหันลมแห่งลามันชาและจัตุรัส พลาซา เด โตโรส เด ลาส เบนตาสในแมดริด สถานที่เหล่านี้ช่วยให้เราสร้างโลกอันสมจริงให้แก่ตัวละคร”

แสงและเงา

ด้วยความก้าวหน้าล่าสุดของเทคโนโลยีซีจี ศิลปินและทีมงานฝ่ายเทคนิคที่ Blue Sky จึงสามารถนำเสนอแอนิเมชันที่ประณีตและใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่ใบหญ้าแต่ละใบในท้องทุ่งไปจนถึงพื้นผิวของเครื่องแต่งกายอันมีสีสัน ตลอดจนการเล่นแสงเงาในทิวทัศน์ของอันดาลูเซีย

“ทุกๆ ปีเราจะพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับเรนเดอร์เวอร์ชันใหม่เพื่อใช้งานกันที่ Blue Sky [ซอฟต์แวร์นี้มีชื่อว่า CGI Studio]” ซัลดายาอธิบาย “เราใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มากที่สุดเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางศิลปะ FERDINAND ไม่ใช่หนังที่เต็มไปด้วยสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ เป้าหมายของเราคือการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างงานภาพที่เหมาะสมและตอบโจทย์ด้านแนวทางศิลปะและการให้แสง ทุกอย่างผ่านกระบวนการ ray-traced [เทคนิคการเรนเดอร์ซึ่งสร้างภาพตามเส้นทางที่แสงส่องผ่านพิกเซลบนระนาบของภาพ] อย่างพิถีพิถัน แล้วก็ได้ภาพที่สวยงามออกมา ทีมงานสามารถเอาชนะความท้าทายอันซับซ้อนในการสร้างฉากฝูงชน โดยนำเสนออกมาได้อย่างแนบเนียน ช่วยให้เทคโนโลยีไม่ปรากฏชัดจนเกินไปบนจอภาพยนตร์”

ผู้อำนวยการสร้าง บรูซ แอนเดอร์สัน เห็นด้วยว่า “เทคโนโลยีช่วยให้เราสามารถสร้างแสงแบบเดียวกับแสงที่ส่องตามท้องทุ่งในสเปน ทีมงานด้านแสง ด้านงานสร้าง และด้านวิศวกรรมใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อถ่ายทอดรูปลักษณ์และอารมณ์ในแบบสเปน ผมคิดว่างานภาพของหนังเรื่องนี้จะดึงดูดผู้คนให้อยากเดินทางไปสเปนด้วย!”

สีสันสุดแจ่มและงานออกแบบอันทรงพลัง

นักออกแบบงานสร้าง โธมัส คาร์โดเน ซึ่งทำงานให้ Blue Sky ใน RIO 2, HORTON HEARS A WHO! และ ICE AGE: THE MELTDOWN สนใจทำงานเรื่อง FERDINAND ทันทีที่ทราบข่าว “ผมว่างานนี้น่าสนใจมากเพราะเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่แต่มีตัวละครน้อยตัว คุณจึงสามารถสร้างความรู้สึกใกล้ชิดขึ้นมาได้ เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น”

คาร์โดเนระบุว่านักออกแบบตัวละคร ซัง จุน ลี ได้คิดหลักการสร้างรูปร่างหน้าตาของเฟอร์ดินานด์ขึ้นมาจากบุคลิกของกระทิงผู้เป็นมิตรตัวนี้ “ตัวละครใจกว้างนิสัยดีรายนี้ตัวใหญ่มากแต่ก็มีรูปร่างที่โค้งมน” เขาอธิบาย “เฟอร์ดินานด์เป็นกระทิงสีดำตัวใหญ่และไม่มีลายหรือเสื้อผ้าใดๆ มาประดับ ดังนั้นโครงสร้างและรูปร่างโดยรวมจึงสำคัญมาก เขาปรากฏบนจอ

แทบตลอดเวลาด้วย เราจึงพยายามเต็มที่ในการหารูปร่างที่เหมาะสม รวมถึงลักษณะการเคลื่อนไหวและท่าทางต่างๆ ตลอดทั้งเรื่อง”

ทิวทัศน์ในแคว้นตอนใต้ของสเปน ตลอดจนพันธุ์ไม้ในบริเวณนั้น มีบทบาทสำคัญต่อแนวทางการออกแบบหนัง “เนินเขาที่ลดหลั่นกัน ต้นมะกอก ภาพแนวเส้นโค้งเหล่านั้นล้วนกลมกลืนไปกับรูปร่างที่โค้งมนของเฟอร์ดินานด์” คาร์โดเนอธิบาย “สิ่งที่ตรงข้ามกับเขาจะดูเป็นเหลี่ยมมุมและเป็นแนวตั้ง เช่น สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมถึงนักสู้วัวที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา มนุษย์จะดูตัวสูงผอมกว่าในโลกความเป็นจริง ดังนั้นจึงส่งผลต่อความสูงของอาคาร ประตู รถยนต์…และทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวมนุษย์ด้วย แนวคิดทั้งสองว่าด้วยความกลมกลืนและความขัดแย้งนี้ส่งผลต่อรูปทรงและสไตล์โดยรวมของหนังครับ”

ความรู้สึกส่วนลึกของเฟอร์ดินานด์ยังสะท้อนอยู่ในการเลือกสถานที่มาเป็นฉากหลังด้วย ดังที่คาร์โดเนได้อธิบายว่า ฟาร์มในเมืองรอนดาซึ่งกระทิงผู้กล้าหาญรายนี้อยากกลับไปหานั้นได้รับการเสนอภาพให้ดูเป็นสถานที่อันแสนสุขและเขียวชอุ่ม เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณนานาชนิด “แต่ฟาร์มกระทิงที่เขาถูกกักขังไว้นั้นดูแห้งแล้งคล้ายกับช่วงฤดูกาลที่มีสภาพอากาศรุนแรงในสเปน” เขาระบุ

อาคารปูนสีขาวหลังคาเทอร์ราคอตตาในพื้นที่แถบนั้นกลายเป็นฉากหลังโทนสีกลางให้ทีมศิลปินได้เล่นกับสีสันอันน่าจดจำมากมาย “เราใช้สีสดอย่างเช่น รถเข็นสีฟ้า ถังสีเทอร์คอยส์ หรือเครื่องมือสีเขียวที่ใช้ในฟาร์ม ตัดกับฉากหลังสีโทนกลาง” คาร์โดเนเล่า “เรายังได้จัดองค์ประกอบให้สมดุลด้วยสัตว์สีสันแตกต่างกันด้วย สีแดงเก็บไว้สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆ โดยเฉพาะ อย่างเช่น ดอกป๊อปปีที่เฟอร์ดินานชอบในฟาร์ม ดอกคาร์เนชันในสนามประลอง หรือผ้าคลุมของนักสู้วัวกระทิง”

นักออกแบบงานสร้างชี้ว่าองค์ประกอบทางศิลปะเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อถ่ายทอดสาระอันน่าประทับใจของหนังเรื่องนี้ “ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้มีความอบอุ่นจริงใจ ดังนั้นผมจึงยินดีอย่างยิ่งที่สไตล์ การออกแบบ การให้แสง รวมถึงองค์ประกอบเชิงเทคนิคทั้งหมดได้มาช่วยกันตอบสนองจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว”

น้ำเสียงที่คุ้นเคยและหลากหลาย

การคัดเลือกนักแสดงมาพากย์เสียงเป็นตัวละครอันน่าจดจำและหลากหลายในหนังเรื่องนี้เป็นขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งในการสร้างภาพจากจินตนาการของผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างให้เป็นจริง ด้วยความทุ่มเทของผู้คัดเลือกนักแสดงมาก

ประสบการณ์ คริสเตียน แคพแลน ซึ่งรับหน้าที่ค้นหานักพากย์ให้ภาพยนตร์หลายเรื่องของ Fox/Blue Sky Studios ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา FERDINAND ได้รวมทีมนักพากย์ที่หลากหลาย อันได้แก่ จอห์น ซีนา (เฟอร์ดินานด์), เคต แม็คคินนอน (ลูพ), เดวิด เทนแนนท์ (แองกัส), จินา โรดริเกซ (อูนา), เพย์ตัน แมนนิง (กัวโป), บ็อบบี แคนนาวาล (วาเลียนเต), แอนโธนี แอนเดอร์สัน (โบนส์), เจอร์รอด คาร์ไมเคิล (ปาโค), ฟลูลา บอร์ก (ฮานส์), เดวีด ดิกส์ (โดส), ราอูล เอสปาร์ซา (โมเรโน), แซลลี ฟิลลิปส์ (เกรตา), บอริส คอดโจ (เคลาส์) และเกเบรียล อิเกลเซียส (กวาโตร)

“เวลาที่เราหานักพากย์ บ่อยครั้งเราก็ไม่รู้ว่าเสียงที่เราได้ยินอยู่เป็นเสียงใคร” ผู้อำนวยการสร้าง ลอรี ฟอร์เต กล่าว “ผู้ค้นหานักพากย์ส่งเสียงมาให้เรามากมาย เพราะฉะนั้นเราก็จะดูงานออกแบบตัวละครและ maquettes [หุ่นจำลองต้นแบบ] แล้วคิดว่าเสียงไหนที่เหมาะกับตัวละครที่สุด ฉันคิดว่าเราทำได้ตรงเป้าในหนังเรื่องนี้ เสียงพากย์แต่ละเสียงมีความเฉพาะเจาะจงและโดดเด่น รวมถึงมีลักษณะพิเศษของตัวเอง เราได้คัดเลือกนักพากย์จากคนจำนวนมาก และฉันคิดว่านักพากย์แต่ละคนก็สามารถสะท้อนบุคลิกอันมีสีสันของตัวละครแต่ละตัวได้เป็นอย่างดี”

ซัลดายาเสริมว่า “สำหรับหนังเรื่องนี้ เรายินดีที่ได้จอห์น ซีนา มาเป็นตัวละครหลัก เราต้องการให้เสียงนี้สะท้อนภาพคนที่เข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ภายนอกเขาดูแข็งแกร่ง แต่ภายในมีความอบอุ่น เป็นยักษ์ผู้อ่อนโยนอย่างแท้จริง เขาสร้างตัวละครนี้ให้สมจริงด้วยบุคลิกส่วนตัวของเขาเอง คุณอดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักเฟอร์ดินานด์จากการที่เขาสวมบทบาทอย่างมีเอกลักษณ์”

ยักษ์ผู้อ่อนโยน

“ทีมงานชนะใจผมทันทีที่ผมได้ดูคลิปสองสามคลิปในโรงหนัง” ซีนาเล่า “คาร์ลอสขึ้นไปยืนที่โพเดียม พยายามนำเสนองานนี้ให้ผม ผมบอกเขาว่า ‘ไม่ต้องพูดแล้วล่ะเพื่อน…ผมเอาด้วย เริ่มกันเมื่อไหร่ดีล่ะ!?’ นับตั้งแต่นั้นการทำงานร่วมกับเขาก็สนุกมากเลยครับ เราทำงานร่วมกันได้ดีมาก และ Blue Sky ก็ผลิตงานแอนิเมชันออกมาได้มีคุณภาพน่าทึ่งจริงๆ”

นักมวยปล้ำผู้โด่งดังจาก WWE ปรากฏตัวอย่างโดดเด่นในฐานะนักแสดงตลกในหนังหลายเรื่อง เช่น DADDY’S HOME และ TRAINWRECK เขาชื่นชอบงานแอนิเมชันอันสะดุดตาของหนังเรื่องนี้ “มันมีสีสันสดใสและเปี่ยมไปด้วยพลัง” เขากล่าว “แต่ขณะเดียวกันก็น่าตื่นเต้นและสมจริงด้วย คุณจะเห็นเอกลักษณ์อยู่ในตัวละครสัตว์ต่างๆ เฟอร์ดินานด์เป็นกระทิงแน่

อยู่แล้ว แต่คุณจะเห็นความน่ารักอยู่ในงานออกแบบตัวละครตัวนี้ คุณสามารถเห็นความแข็งกร้าวของวาเลียนเต [กระทิงสุดแกร่งที่คาซา เดล โตโร] และเห็นบุคลิกของลูเป [แพะที่เป็นเพื่อนของเฟอร์ดินานด์] ซึ่งเป็นตัวละครที่อธิบายได้ยากอยู่สักหน่อยครับ ตัวละครมนุษย์เองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ทั้งความสมจริงของผู้คนที่งานเทศกาลดอกไม้ ไปจนถึงความแก่ชราของคุณยายที่ร้านขายถ้วยชาม”

“เฟอร์ดินานด์เป็นกระทิงตัวใหญ่ที่แข็งแกร่ง ใจดี และมีความสุข แต่เขากลับต้องมาอยู่ในสนามสู้วัวกระทิงซึ่งเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด” ซีนากล่าวต่อ “ผู้ชมจะได้เห็นมุมมองที่เขามีต่อโลกและรู้สึกซาบซึ้งไปด้วย นี่มันชีวิตผม ก็เป็นอย่างนี้นี่นา! ผมคือเฟอร์ดินานด์!”

สาระหลายส่วนในหนังเรื่องนี้สื่อออกมาตรงใจซีนา “คุณจะได้เห็นเฟอร์ดินานด์ค้นหาชีวิตที่สมบูรณ์แบบและหลายครั้งก็ต้องต่อสู้ดิ้นรน ดังนั้น สำหรับคนที่คอยบอกคนอื่นว่า ‘อย่ายอมแพ้’ มันพูดถึงการที่คุณรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากชีวิตและเชื่อมั่นว่ามีโอกาสรออยู่เมื่อคุณเผชิญอุปสรรค แต่ถ้าไม่ทุ่มเท คุณก็จะไม่ได้มันมา เรื่องการซื่อสัตย์ต่อตัวตนที่แท้จริงนั้นตรงกับตัวผมมากเลยล่ะครับ”

ซัลดายาเชื่อว่าได้เสียงที่เหมาะมากสำหรับบทลูเป แพะสุดฮาผู้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาให้เฟอร์ดินานด์ “การได้นักแสดงตลกที่มีความสามารถอย่างเคต แม็คคินนอนมาร่วมงานในหนังเรื่องนี้ช่วยเราได้มากเลยครับ” ซัลดายากล่าว “เธอสร้างตัวละครใหม่ตัวนี้ขึ้นมาและทำให้ตัวละครมีชีวิตด้วยการผสมผสานระหว่างไหวพริบปฏิภาณและวิธีการถ่ายทอดอันเป็นเอกลักษณ์ คุณจะเข้าถึงตัวละครนี้ได้อย่างง่ายดาย เพราะเธอช่วยเพิ่มความเบาสมองให้หนังเรื่องนี้และพากย์เสียงคู่กับจอห์นได้อย่างยอดเยี่ยม”

ค้นหาคุณแพะ

แม็คคินนอน (FINDING DORY, SATURDAY NIGHT LIVE) ตอบคำถามด้วยอารมณ์ขันเหมือนเช่นเคย เมื่อเราขอให้เธอบรรยายถึงตัวละครที่เธอพากย์ “โอเค… ลูเป คือลูเปก็เป็นเหมือนที่ปรึกษาของเฟอร์ดินานด์ค่ะ แล้วเธอก็ค่อนข้างพอใจที่จะใช้ชีวิตแบบง่ายๆ เธอกินขยะเป็นอาหาร นอนหลับในถัง แล้วเธอก็พอใจที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ แค่ไม่มีใครมาคอยเล่นงานเธอก็มีความสุขแล้ว เท่านี้เธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วค่ะ”

นักแสดงและนักแสดงตลกรายนี้คุ้นเคยกับเฟอร์ดินานด์ดีอยู่แล้วเพราะเธออ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ยังเล็ก “เป็นหนังสือเล่มโปรดของฉันเลยค่ะ” เธอกล่าว “ฉันจำได้ว่าหน้าปกสีแดงและมีรูปดอกไม้อยู่ด้านหน้า เฟอร์ดินานด์ชอบดอกไม้ แล้วฉันก็คอยเอาใจช่วยเขาเพราะเขาไม่เหมือนกระทิงตัวอื่นๆ ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์แบบนั้นได้ในบางมุมของชีวิต หลายคนก็เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถกลมกลืนไปกับคนอื่นๆ ในสังคมได้”

ในฐานะแฟนหนังสือ แม็คคินนอนตื่นเต้นยินดีเมื่อได้ทราบว่าหนังสือเล่มนี้จะได้รับการดัดแปลงเป็นหนัง “ตอนที่ฉันได้ยินว่ามีคนกำลังทำหนังจากหนังสือเล่มนี้ ฉันร้องออกมาเลยว่า [ตะโกน] อ๊ากกกก! เพราะฉันตื่นเต้นมากที่สุดท้ายก็มีคนนำเรื่องราวดีๆ แบบนี้มาทำอะไรสักอย่าง จากนั้นเมื่อทีมงานเล่าให้ฉันฟังถึงตัวละครที่จะให้ฉันพากย์ ซึ่งเป็นแพะที่ชอบกินขยะ ฉันก็บอกว่า ‘ได้ ตกลง’ เพราะพูดตามตรงมันก็ไม่ได้ต่างจากตัวฉันในชีวิตจริงนักหรอกค่ะ ฉันก็ชอบสวาปามทุกอย่างที่กินได้นั่นแหละ…”

ตัวละครสายพันธุ์สก็อตต์

นักแสดง เดวิด เทนแนนท์ (DOCTOR WHO, BROADCHURCH) ผู้พากย์เสียงเป็นแองกัส กระทิงพันธุ์สก็อตติชไฮแลนด์กล่าวว่า เขาประทับใจพลังอันเปี่ยมล้นและวิสัยทัศน์ที่ซัลดายามีต่อโครงการนี้เมื่อพบกันครั้งแรก “เราต้องเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของเขา เพราะเราจะไม่ได้เห็นว่าส่วนที่เหลือหน้าตาเป็นอย่างไรตอนที่บันทึกเสียงในสตูดิโอ เราไม่รู้ว่านอกจากส่วนนั้นแล้วเป็นอย่างไร และเราจะได้แค่เห็นฉากสั้นๆ อย่างละนิดละหน่อยจนกว่าหนังเรื่องนี้จะได้ออกสู่สายตาชาวโลก แต่ภาพรวมทั้งหมดนั้นอยู่ในหัวของคาร์ลอสพร้อมสีสันสดใสมาตั้งแต่แรกแล้ว เราจึงต้องเชื่อมั่นว่างานนี้เป็นการเดินทางที่คุ้มค่า เพราะทีมงานที่เกี่ยวข้องมีความสามารถกันทั้งนั้น ดังนั้นผมจึงยินดีที่ได้ขอแบ่งเอาความสำเร็จจากพวกเขามาชื่นชมด้วยอีกคน”

เทนแนนท์กล่าวว่าเขาสนุกมากที่ได้เล่นเป็นกระทิงพันธุ์สก็อต “แองกัสเป็นกระทิงตัวหนึ่งที่เชื่อว่าตัวเองถูกโชคชะตากำหนดมาให้ต้องต่อสู้” เขาอธิบาย “ตอนที่เฟอร์ดินานด์เข้าร่วมแก๊งค์ที่คาซา เดล โตโร กระทิงทุกตัวต่างสับสนงุนงงเพราะพวกมันไม่เข้าใจกระทิงที่รักสงบ แต่เฟอร์ดินานด์ก็ค่อยๆ ช่วยให้พวกมันมองเห็นโลกในมุมที่ต่างออกไป หนังเรื่องนี้จึงแสดงให้เห็น

ว่ากระทิงที่ตัวใหญ่ที่สุดและใจดีที่สุดได้ช่วยให้พวกกระทิงเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ผมคิดว่าเฟอร์ดินานด์และความหมายเชิงบวกที่เขาสื่อออกมานั้นเป็นแบบอย่างที่เราทุกคนต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่กำลังปั่นป่วนเช่นทุกวันนี้”

นักแสดงรายนี้สนุกที่ได้ร่วมงานแอนิเมชันและได้เห็นแนวคิดซึ่งแต่เดิมนั้นอยู่แต่ในหัวของซัลดายาก่อนจะกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา “คาร์ลอสอยู่ร่วมงานพากย์เสียงด้วยทุกครั้ง เขาคอยปรับแต่งและดูแลให้องค์ประกอบทุกส่วนมาประสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว” เขากล่าว “เขามีพลัง ความกระตือรือร้น และความเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี นับเป็นเกียรติครับที่ได้ทำงานร่วมกับครอบครัวทีมงานที่มีความสามารถของ Blue Sky คุณอาจบอกว่าผมเป็นคุณลุงชาวสก็อตที่ชอบทำตัวประหลาดๆ ก็ได้ ทีมงานได้สร้างหนังที่งดงามมาแล้วมากมาย และ FERDINAND ก็จะเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ควรค่าแก่การรวมอยู่ในทำเนียบผลงานนั้น ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นโครงการทั้งหมดนี้มีชีวิตขึ้นมาบนจอภาพยนตร์”

สหายตัวน้อย

ผู้พากย์เสียงเป็นโบนส์ เพื่อนกระทิงอีกตัวหนึ่งของเฟอร์ดินานด์ ก็คือแอนโธนี แอนเดอร์สัน ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากบทบาทใน BLACK-ISH และ THE DEPARTED “โบนส์น่าจะเป็นกระทิงที่ผอมกะหร่องที่สุดเท่าที่คุณเคยเห็นมา” แอนเดอร์สันกล่าว “เขามักจะถูกทุ่ม ถูกจับ และถูกอัดอยู่ตลอดเวลา โบนส์เป็นตัวละครแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงตัวเองตามเฟอร์ดินานด์ เขาคิดขึ้นมาได้ว่าทั้งคู่ควรจะต้องออกไปจากฟาร์มแห่งนี้ ทั้งสองจึงผูกมิตรกัน จากนั้นสัตว์ตัวอื่นๆ ก็เข้ามาร่วมด้วยและเกิดความคิดขึ้นมาว่าพวกมันควรต้องหนีออกไป”

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในทีมพากย์ แอนเดอร์สันภาคภูมิใจในสาระอันทรงพลังของหนังเรื่องนี้ “ผมรอคอยที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้พร้อมกับครอบครัวครับ” เขากล่าว “หนังเรื่องนี้มีทุกอย่างที่หนังครอบครัวควรจะมี ทั้งความอบอุ่นอ่อนโยน ความตลกขำขัน ความระทึกใจและแอ็คชัน มีฉากหนึ่งที่เฟอร์ดินานด์คุยกับโบนส์ บทสนทนาระหว่างตัวละครแอนิเมชันเหล่านี้สมจริงและน่าประทับใจมาก สิ่งที่น่าจะตรงใจผู้ชมก็คือช่วงเวลาที่แสดงความผูกพันระหว่างพ่อลูกหรือระหว่างเพื่อนสองคนแบบนี้ล่ะครับ”

ควอเตอร์แบ็คผู้หล่อเหลา

เพย์ตัน แมนนิง ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในควอเตอร์แบ็คที่ดีที่สุดตลอดกาล ก็ได้มาร่วมพากย์หนังเรื่องนี้ด้วย แมนนิงพากย์เสียงเป็นกระทิงผู้หล่อเหลาและขี้กังวลชื่อกวาโป เขากล่าวว่าเขารีบคว้าโอกาสที่จะได้ร่วมงานในหนังเรื่องนี้ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำเชิญครับเพราะผมไม่เคยทำงานในหนังแอนิเมชันมาก่อนเลย” เขากล่าว “เรามีลูกแฝดอายุหกขวบและเราก็ชอบไปดูหนังแอนิเมชันทั้งในโรงและที่บ้านด้วย ดังนั้นผมจึงตื่นเต้นมากที่จะได้ไปดู FERDINAND พร้อมกับลูกๆ”

“กวาโปแปลว่าหล่อเหลา เพราะฉะนั้นอาจจะต้องใช้จินตนาการเยอะหน่อยเวลาผมมารับบทเป็นตัวละครหล่อๆ แต่ผมก็พยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับ!” แมนนิงพูดติดตลก “กวาโปเป็นกระทิงหน้าตาดี แต่เขาจะตื่นเต้นกระวนกระวายเวลาต้องเผชิญสถานการณ์เครียดๆ กระทิงที่ดูภายนอกเหมือนเป็นนักสู้ผู้เก่งกาจอาจไม่ได้อยากเป็นอย่างนั้นก็ได้ ในกรณีของเฟอร์ดินานด์เป็นอย่างนั้น และสำหรับกวาโป ก็ดูเหมือนว่าจะพูดอย่างนั้นได้เหมือนกัน”

แมนนิงเสริมว่า “หนังเรื่องนี้พูดถึงการไม่ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าคุณจะทำและเลือกหนทางของตัวเอง ผมเล่นฟุตบอลมานานและตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะได้ทำสิ่งที่แตกต่างออกไป บางทีอยู่ๆ คุณก็ถามตัวเองขึ้นมาว่า ‘เอ๊ะ นี่เรากำลังทำอะไรอยู่’ นอกจากนี้ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ยกย่องความสำคัญของมิตรภาพ เพราะเราได้เห็นว่าเฟอร์ดินานด์อยากเป็นเพื่อนกับทุกคน ซึ่งก็ทำให้ผมนึกถึงผู้คนที่มีบุคลิกแตกต่างกันเท่าที่ผมเคยพบมาในชีวิต และการที่ผมได้รับประสบการณ์อันหลากหลายจากบรรดาผู้คนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น โค้ช ทีมเจ้าหน้าที่ และทุกๆ คน”

เม่นน้อยผู้เด็ดเดี่ยว

นักแสดง จินา โรดริเกซ (JANE THE VIRGIN, THE STAR) เป็นผู้พากย์คนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ที่ได้นำเอาความสามารถพิเศษและบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์มาให้ตัวละคร นักแสดงหญิงผู้มีชีวิตชีวารายนี้รับบทเป็นอูนา เม่นน้อยผู้กล้าหาญที่คอยดูแลน้องชายทั้งสองคน โดส และกวาโตร (แต่พวกมันจะไม่พูดถึงเตรส…) และช่วยเฟอร์ดินานด์หนีออกจากฟาร์มเลี้ยงวัวกระทิง

“ฉันคิดว่าอูนาชวนให้นึกถึงตัวฉันเองตอนที่ยังเด็กกว่านี้” โรดริเกซกล่าว “เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจและไม่ค่อยคิดก่อนพูดหรือก่อนทำ แล้วก็ชอบทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น ฉันก็เลยต้องดึงเอาความเป็นจินาตอนเด็กๆ ออกมาค่ะ!”

นักแสดงรายนี้ยังได้กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้กำกับด้วย “คาร์ลอสมีความสามารถน่าทึ่งในเรื่องแอนิเมชัน ขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนใจดีซึ่งคุณก็จะได้เห็นในตัวเฟอร์ดินานด์ด้วย” โรดริเกซกล่าว “คุณจะเห็นความสามารถของเขาในการนำเสนอความเป็นมนุษย์ในแง่ที่มีความเมตตา ความรัก และความอ่อนโยน การทำงานกับเขาสนุกมากๆ เพราะเขาจะร่วมเล่นไปกับคุณด้วย บางครั้งการทำงานแอนิเมชันก็ออกจะโดดเดี่ยวเพราะมีแต่คุณกับหน้าจอ ก็เลยเป็นเรื่องดีที่คาร์ลอสเข้ามามีส่วนร่วมและสื่อสารกับเรา”

เธอเชื่อด้วยว่าสาระอันเรียบง่ายในหนังเป็นสิ่งที่เข้าถึงทุกคนได้ “ฉันเชื่อว่าเราทุกคนล้วนอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนที่ดีที่สุดและจริงแท้ที่สุดของเรา เราดำเนินชีวิตผ่านการต่อสู้กับความคิดเหมารวมหรือการตัดสินคนจากภายนอกหรือความเห็นที่คนอื่นมีต่อเรา ดังนั้นคุณต้องพยายามรักษาความฝันของคุณไว้และต่อสู้เพื่อสิ่งที่คุณเป็น นับเป็นบทเรียนสำคัญที่ควรมอบให้เด็กๆ และควรให้ผู้ใหญ่ได้รำลึกเอาไว้ด้วยค่ะ”

บ้านคือที่พำนักใจ

ไม่ได้มีแต่ทีมนักพากย์ที่ประทับใจเนื้อหาสาระของหนัง นักร้อง/นักแต่งเพลง นิค โจนาส ก็ซาบซึ้งไม่แพ้กัน “ผมคุ้นเคยกับเรื่องราวนี้อยู่แล้ว และเมื่อทีมงานให้ผมดูภาพจากในหนัง ผมก็ตื่นเต้นมากครับ” เขากล่าว “ผมอยากเขียนเพลงประกอบหนังมานานแล้วด้วย”

เพลงเพลงนั้นมีชื่อว่า “Home” ซึ่งใช้ประกอบฉากหนึ่งในหนังและเปิดในช่วงเครดิตตอนจบ เพลงนี้พูดถึงแนวคิดว่าด้วยการยอมรับที่ปรากฏในหนัง “ผมเขียนเพลงนี้ร่วมกับเพื่อนสนิท จัสติน แทรนเทอร์ และนิค มอนสัน” โจนาสกล่าว “เราเขียนถึงการได้รับการยอมรับและได้รับความรัก ไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม สำหรับผมแล้ว ที่นั่นก็เป็นเหมือนบ้าน เป็นเหมือนครอบครัว เป็นผู้คนที่ผมใกล้ชิดมากที่สุด และประสบการณ์ที่เรามีร่วมกัน”

การได้ถ่ายทอดความหมายอันลึกซึ้งและเป็นสากลของ FERDINAND เป็นประสบการณ์อันรื่นรมย์และคุ้มค่าสำหรับซัลดายา ทีมผู้พากย์เสียง และทีมงานเบื้องหลังมากความสามารถที่ Blue Sky Studios และ Fox Animation Studios

ผู้ชมจะได้เพลิดเพลินกับสีสันอันงดงาม ตัวละครอันน่าจดจำ และการผจญภัยอันน่าติดตามของ FERDINAND และผองเพื่อนเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในวันที่ 21 ธันวาคม 2017

ข้อมูลหนังสือ

FERDINAND สร้างจากหนังสือ “The Story of Ferdinand” โดยมันโร ลีฟ และโรเบิร์ต ลอว์สัน นิทานคลาสสิกเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์มานานกว่าเจ็ดสิบห้าปี ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่าหกสิบภาษาและรวมอยู่ในรายชื่อหนังสือเด็ก 100 เล่มที่ดีที่สุดตลอดกาลของนิตยสาร TIME

เรื่องราวว่าด้วยมิตรภาพและการยอมรับในหนังสือเล่มนี้ยังคงเหมาะกับยุคสมัยเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรก และเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พ่อแม่จะได้ปลูกฝังคติสอนใจให้แก่ลูกๆ ตั้งแต่ยังเล็ก

ข้อมูลของ FERDINAND

· Ferdinand เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่ 12 ของ Blue Sky Studios และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่เจ็ดของสตูดิโอที่คาร์ลอส ซัลดายา เป็นผู้กำกับหรือผู้กำกับร่วม

· The Story of Ferdinand ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1936 เขียนโดยมันโร ลีฟ และวาดภาพประกอบโดยโรเบิร์ต ลอว์สัน หนังสือเล่มนี้ขายได้หลายล้านเล่มทั่วโลก

· ในช่วงแรกที่ออกวางจำหน่าย หนังสือเล่มนี้ขายได้ 14,000 เล่ม ที่ราคาเล่มละ 1 เหรียญ ในปีต่อมายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 68,000 เล่ม และเมื่อถึงปี 1938 หนังสือเล่มนี้ก็ขายได้ 3,000 เล่มต่อสัปดาห์ ในปี 1938 หนังสือเล่มนี้ขายได้มากกว่า Gone with the Wind และขึ้นแท่นกลายเป็นหนังสือขายดีอันดับหนึ่งในสหรัฐ นอกจากนี้ยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ กว่า 60 ภาษาและมีการตีพิมพ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

· ลีฟเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาแบบฉับพลันทันด่วนในบ่ายวันหนึ่งเมื่อปี 1935 เพื่อให้นักวาดภาพประกอบ โรเบิร์ต ลอว์สัน ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา ได้มีพื้นที่แสดงความสามารถ

· ทิวทัศน์ในสเปนซึ่งปรากฏทั้งในหนังสือและในภาพยนตร์ได้มาจากทิวทัศน์เมืองรอนดาในอันดาลูเซีย

· หนังสือ The Story of Ferdinand ฉบับพิมพ์ครั้งแรกขายได้ที่ราคา $16,500 เหรียญในปี 2014

· เฟอร์ดินานด์ได้รับการอ้างถึงในภาพยนตร์ปี 2009 เรื่อง The Blind Side เรื่องราวของไมเคิล ออร์ ซึ่งมีเนื้อหาสาระใกล้เคียงกับหนังสือของลีฟ ในหนังเรื่องนี้มีฉากหนึ่งที่โค้ชทีมฟุตบอลพูดว่าออร์ชอบยืนจ้องลูกโป่งมากกว่าจะไปวิ่งชนใคร ตัวละครที่รับบทโดยซานดรา บุลล็อค ตอบว่า “เหมือนวัวกระทิงเฟอร์ดินานด์”

· Walt Disney เคยดัดแปลงเรื่องนี้เป็นหนังสั้นแอนิเมชันที่มีชื่อว่า Ferdinand the Bull เมื่อปี 1938 หนังเรื่องนี้กำกับโดยดิค ริคคาร์ด และชนะรางวัลออสการ์สาขาการ์ตูนสั้นยอดเยี่ยมในปี 1938

-####-

ข้อมูลภาพยนตร์ Ferdinand – เฟอร์ดินานด์ 
เข้าฉาย 21 ธันวาคม 2560