นับได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่จัดเต็มและจัดหนักด้วยโปรดักชั่นและพลังการแสดงอย่างล้นเหลือ และล้นหลามออกมาสู่คนดูจนทะลักทะลุเข้าสู่ความทรงจำและจิตใจอย่างผนึกแน่นเลยทีเดียว คอนเสิร์ต ‘The DEVI of DARKNESS’  ของ ริค วชิรปิลันธิ์ หรือ วชิรปิลันธิ์ โชคเจริญรัตน์  ซึ่งมีชื่อภาษาไทยที่ครอบรวมความหมายของมิตรภาพทางดนตรีในชื่อว่า “เทวีรัตติกาล กับเหล่าบุรุษอหังการของสุกี้” และว่ากันว่านี่เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเธอ คนที่มาชมคอนเสิร์ตของ ริค ในคราครั้งนี้ ย่อมเป็นแฟนพันธุ์แท้และแฟนพันทางที่ชื่นชมและนิยมชมชอบผลงานของเธอเป็นหลักใหญ่  ซึ่งเห็นได้ถึงความตั้งใจมุ่งหน้าฝ่าการจราจรในวันสารทจีนที่ติดหนึบหนับทุกสายทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงสายฝนที่โหมกระหน่ำอย่างมิลืมหูลืมตา

บทเพลงแรกที่โหมลำนำเห่กล่อมขึ้นมาและสะกดคนดูในโรงละคร ULTRA ARENA หรือ องค์บากฮอลล์ SHOW DC นั่นคือ กุหลาบฟาร์ซีและก็ร่ายยาวด้วยพลังของฮาร์ดร๊อค เวิร์ลบีทภารตะของเธออย่างเต็มเปี่ยมด้วยพลังและความรู้สึก นำไปสู่แขกรับเชิญคนแรกผู้เป็นแรงบันดาลใจและพลังขับเคลื่อนทางดนตรีและชีวิตในโสตหนึ่งของเธอ ปฐมพร ปฐมพร หรือพี่พราย ของ ริค วชิรปิลันธิ์ ที่มาพร้อมกับมือกีตาร์ของวงโมเดิร์น ด็อก เมธี น้อยจินดา ในส่วนนี้จะเห็นวิธีการขับร้องและตีความในบทเพลง ปีศาจ’ ของพราย ในสไตล์ของริค ที่สร้างความเป็นความน่าสะพรึงในบรรยากาศของตัวเพลงได้อย่างคมเข้ม โดยไม่สูญเสียพลังของเพลงในต้นฉบับดั้งเดิม และมีเสน่ห์ไปในอีกแนวทางหนึ่งอย่างน่าชื่นชม อย่างที่ว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการแสดงตัวตนผ่านเสียงเพื่อเชื่อมต่อกับดนตรีอันเป็นพาหะนำไปสู่ผู้ชม รวมถึงการเชื่อมมิตรภาพทางดนตรีกับเพื่อนฝูงที่ผูกพันกันมาในค่ายเพลงเบเกอรี่ มิวสิค ซึ่งจะเห็นถึงสายใยและความสัมพันธ์ที่มิอาจกลั่นออกมาเป็นถ้อยคำ แต่การแสดงบนเวทีสามารถเชื่อมโยงเอาอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นมาพบบรรจบกัน ได้ส่งสารสื่อไปถึงผู้ชมอย่างเปี่ยมหัวใจ โดยเฉพาะการกล่าวถึง  โจ้ วงพอส หรือ อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้วางวาย ในช่วงที่ เอพลกฤษณ์ วิริยานุภาพ มือกีตาร์วงพอส มาเป็นแขกรับเชิญ  ริคกล่าวถึงโจ้อย่างลึกซึ้งว่า “ความตายคือการเกิดที่ไม่แตกต่างกัน”  หลังหลั่งไหลความรู้สึกในการขับร้องบทเพลง รักเธอทั้งหมดของหัวใจ’ ซึ่งเป็นเพลงฮิตของวงพอส บทเพลงในสไตล์ริคที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวในการขับร้องผ่านดนตรีฮาร์ดร๊อค เวิร์ลบีทภารตะ จะได้เห็นถึงการดีไซน์เสียงที่ข้ามพ้นพรมแดนของภาษาเน้นถึงผัสสะของใจสู่ใจ เพียงแค่มีเสียงเป็นพาหะในการเชื่อมโยงต่อกัน ไม่ว่าตัวของริคเอง กับทีมดนตรี แขกรับเชิญ และนำพลังที่ผนึกแน่นเหล่านั้นลงไปสู่คนดู รวมถึงการใช้ฉากหลังที่แสดงถึงความเป็นนีโอไซเคเดลิค หรือการเลือกเหตุการณ์ต่างๆ รูปเคารพที่เกี่ยวข้องส่งสารจากตัวเพลงของเธอให้ฟุ้งกำจายพุ่งดิ่งออกมา

บทเพลงอย่าง ติชิลา‘, ‘เดวี‘, ‘คุรุ ปางอุ้มบาตร‘ ‘คืนร้อยมาร ฯลฯ บ่งชี้และบอกถึงความรู้สึกและอารมณ์ที่ลึกล้ำดำดิ่งตรงนั้นได้เป็นอย่างดี การให้ความสำคัญกับเสียงที่ข้ามพ้นสิ่งที่เรียกว่า ภาษา เห็นได้ชัดในช่วงที่ น้อย วงพรู หรือ กฤษดา สุโกศล แคลปป์ มาเป็นแขกเชิญ และต่อเนื่องถึง ป๊อด โมเดิร์นด๊อก หรือ ธนชัย อุชชิน ที่พยายามให้ด้นสดเอาพลังและอารมณ์ความรู้สึกของเสียงจากหัวใจโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนคิดของสมองออกมา และพยายามเล่นกับคนดูให้รับถึงผัสสะตรงนี้ แขกรับเชิญอีกสองรายคือ คิว วงฟลัวร์ หรือสุวีระ บุญรอด ที่มาขับขานและเปล่งพลังทางเสียงประชันกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย และสุกี้กมล สุโกศล แคลปป์ ในฐานะมือกีตาร์ที่ถูกรับเชิญมาเล่น ได้แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่อทางดนตรีที่มีความผูกพันในความเคารพนับถือระหว่างศิลปินต่อศิลปินในการรังสรรค์งานออกมา  รวมถึงสายใยสายใจระหว่างแม่กับลูกสาว ริคกับฬาเม การแสดงที่น่าสนใจอีกสองอย่างที่อยู่ในจักษุของผู้ชมคือ การเต้นภารตานาฏยัม โดย MASA กับการแสดงชุดดาบรัสเซีย DARK UTOPIA นับเป็นรสชาติที่หาได้ยากในคอนเสิร์ตอย่างแน่นอน และแสดงถึงความงามของสุนทรียะที่เรียกว่าการเต้นรำบนโลกใบนี้

ในช่วงท้ายกับการล่ำลาผ่านบทเพลงของโมเดิร์น ด๊อก ที่มีการดูเอ็ตระหว่างป๊อดกับริค โดยมีสุกี้และเมธี เล่นกีตาร์ในแบบอะคูสติก เป็นความน่าประทับใจที่ส่งท้ายอย่างธรรมดาทว่ามีอะไรให้รู้สึกมากกว่าที่เห็นของสายสัมพันธ์กว่าสองทศวรรษของคนดนตรีเหล่านี้ กับบัตรชมคอนเสิร์ตที่วางขายเพียง 1,000 ใบ จะเห็นได้ถึงความเป็นคนดนตรีอิสระที่เดินตามความเชื่อมั่นและความบริสุทธิ์ของดนตรีและเสียงที่สื่อสารต่อกัน รวมถึงการนำตัวตนห้วงลึกภายในของตัวเองมาแบ่งปันให้สัมผัสรู้สึกกันระหว่างตัวเธอและผู้ชม

นี่คือพลังทางดนตรี นี่คือพลังของเสียง และนี่คือ ริค วิชิรปิลันธิ์ ที่เป็นหนึ่งเดียวแบบเธอเอง