หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (demonstration lab) และศูนย์สอบเทียบ (calibration center) ที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย

กรุงเทพมหานคร – หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH ผู้นำด้านการให้บริการขยายตลาดแก่ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ทุ่มทุนเปิดศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์และศูนย์สอบเทียบที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งให้แก่หน่วยธุรกิจ ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการเครื่องมือวิทยาศาสตร์ชั้นนำในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างชื่อเสียงในฐานะที่เป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ในเอเชียอีกด้วย

ศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ มีเนื้อที่ให้บริการ 2,270 ตารางเมตร พร้อมทั้งเครื่องมือให้ทดสอบมากกว่า 50 เครื่อง ตลอดจน ทีมช่างผู้ชำนาญการและผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ที่คอยให้คำปรึกษากว่า 190 คน ครอบคลุมงานบริการด้านวิทยาศาสตร์การค้นคว้าวิจัยและพัฒนา 4 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วไปประจำห้องปฎิบัติการ (General Laboratory Equipment) กลุ่มเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ด้านกายภาพ และการทดสอบขั้นสูง (Analytical Instrumentation) กลุ่มเครื่องมือวิเคราะห์ด้านชีววิทยา เครื่องมือแพทย์ (Life Science) และ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยา (Microbiology) 

อีกทั้ง ศูนย์สอบเทียบ มีการให้บริการสอบเทียบมาตรฐาน ISO/IEC 17025 โดยทุกหน่วยงานมาพร้อมบริการหลังการขาย และบริการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงโปรแกรมพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้แก่ลูกค้า

นอกจากนี้ การเปิดห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ยังมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมผลงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม อีกทั้ง ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้ามาฝึกงานในศูนย์ปฏิบัติการ พร้อมทั้งจัดงานสัมมนาที่มีผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวไทยและต่างประเทศสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมกระจายความรู้ในศูนย์ปฏิบัติการ

Oliver Hammel, Vice President หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมากว่า 3 ปี เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาวัคซีนในหลากหลายแขนง ทั้งนี้ หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี DKSH ได้ร่วมขับเคลื่อนภารกิจการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารถตรวจเชื้อเคลื่อนที่ โซลูชันในการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวต่าง ๆ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการวิจัยพัฒนา และกระบวนการผลิตให้แก่ภาครัฐและเอกชน เราเชื่อมั่นว่า การสร้างศูนย์ปฏิบัติการในครั้งนี้ จะช่วยต่อยอดศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของงานค้นคว้าวิจัยและพัฒนา ในด้าน อุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องสาอาง เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และ สินค้าอุปโภคบริโภค”

สมชัย ชาครศิริ ผู้จัดการทั่วไป ด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้าในประเทศ บริษัท DKSH เทคโนโลยี กล่าวเสริมว่า “หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสาเร็จของสินค้าอุปโภคบริโภคหลายแบรนด์ โดยองค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยต่างไว้วางใจเลือกเราเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ยา เครื่องสาอาง เคมีภัณฑ์ สินค้าทางการเกษตร ฯลฯ และศูนย์ปฏิบัติการที่เปิดขึ้นใหม่นี้ จะช่วยให้เราสามารถให้บริการอุปกรณ์และเครื่องมือวิเคราะห์ด้านวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัย เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ ๆ และช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในธุรกิจ”

เกี่ยวกับ DKSH

DKSH มีวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิตผู้คน เราได้ให้บริการด้านการขยายตลาดแก่ธุรกิจในภูมิภาค เอเชียและทั่วโลกมายาวนานกว่า 150 ปี ภายใต้หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หน่วยธุรกิจวัตถุดิบอุตสาหกรรม และหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการขยายตลาด เรา ให้บริการด้านการจัดหาวัตถุดิบ ข้อมูลการตลาด การตลาดและการขาย การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ การกระจายสินค้าและการจัดส่ง รวมถึงบริการหลังการขาย DKSH เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และยึดมั่นในแนวทางตามหลักการประกอบธุรกิจที่มีความ รับผิดชอบต่อสังคม บริษัทฯ ได้จดทะเบียนใน SIX Swiss Exchange ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 36 ประเทศ มีพนักงาน ผู้เชี่ยวชาญ 33,100 คน โดยมียอดขายสุทธิในปี พ.ศ. 2564 จำนวน 11.1 พันล้านฟรังก์สวิส หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH เชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชั่นที่ออกแบบเฉพาะเพื่อภาคอุตสาหกรรม ด้วยผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,600 คน หน่วยธุรกิจนี้สามารถทำรายได้สุทธิได้ถึง 430.3 ล้านสวิสฟรังค์ในปี 2564 www.dksh.com/tec