แอตแลนติสมีกษัตริย์มาโดยตลอด… ตอนนี้ต้องการสิ่งอื่นเหนือกว่านั้น

ผลงานจากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส กำกับฯ โดยเจมส์ วาน ภาพยนตร์แนวแอคชั่นผจญภัยที่จะถ่ายทอดความยิ่งใหญ่แห่งโลก 7 มหาสมุทรใต้ท้องทะเล เรื่อง “Aquaman” นำแสดงโดยเจสัน โมมัว ภาพยนตร์เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของอาร์เธอร์ เคอร์รี่ ครึ่งมนุษย์และครึ่งแอตแลนเทียนที่จะต้องพบกับการผจญภัยในชีวิตของเขา ซึ่งไม่ได้ทำให้เขาได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น แต่ยังได้พบอีกว่าเขามีเกียรติมากพอที่ได้เกิดมาเป็น… กษัตริย์ ภาพยนตร์แอคชั่นผจญภัยมีภาพแห่งโลกใต้ท้องทะเลที่อลังการน่าตื่นเต้นไปกับโลกแห่งท้องทะลทั้ง 7 นำแสดงโดยเจสัน โมมัว

ภาพยนตร์ยังนำแสดงโดยแอมเบอร์ เฮิร์ด ในบทมีร่า นักรบผู้โหดเหี้ยมและเพื่อนร่วมทางตลอดการผจญภัยของอควาแมน วิลเล็ม ดาโฟ นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (“The Florida Project”) ในบทวัลโก้ ที่ปรึกษาแห่งบัลลังก์แอตแลนทีน; แพทริค วิลสัน ในบทออร์ม ราชันแห่งแอตแลนติสองค์ปัจจุบัน ดอล์ฟ ลันด์เกร็น ในบทนารีอุส ราชันแห่งเผ่าพันธุ์แอตแลนทีนเซเบล; ยาห์ย่า อับดุล-มาทีน ที่ 2 ในบทแบล็ค แมนต้า ผู้มีความอาฆาต และนิโคล คิดแมน เจ้าของรางวัล Oscar (“The Hours”

ต่อสู้ เรื่องการใช้ตรีศูล มีการสร้างวินัยขึ้นในตัวเขา อาร์เธอร์ค่อนข้างชินกับภาคพื้นดินมากเกินไป บางครั้งวัลโก้จึงต้องเข้มงวดแต่ก็มีความใจดีมากครับ”

นักแสดงชายรู้สึกดีใจที่ในเรื่องมีประเด็นที่ดูเป็นมิตรกับโลก “มันไม่ได้ถ่ายทอดอะไรชัดเจนมากจนเกินไป” ดาโฟอธิบาย “แต่ก็มีการถกเถียงกันเรื่องโลกใต้น้ำเกิดความขัดแย้งกับภาคพื้นดินได้ยังไง ซึ่งนั่นก็เพราะพวกเขาทำลายท้องทะเล”

ซาฟรานเล่าเสริมว่า “เราโชคดีมากที่ได้วิลเล็มมาร่วมงานในหนังของเรา นั่นเป็นบทที่สำคัญและวิลเล็มถ่ายทอดเสน่ห์ออกมาได้อย่างงดงาม”

ทีมนักแสดงยังมีแรนดัล พาร์ค ผู้รับบท ดร.สตีเฟ่น ชิน มนุษย์ที่คอยแสดงเหตุผลความเชื่อเกี่ยวกับเรื่อง metahumans โดยเฉพาะอควาแมน และสาเหตุของการเกิดกระแสน้ำ กราแฮม แม็คทาวิช ผู้รับบทกษัตริย์แอตแลน ผู้เก็บความลับที่มีความสำคัญต่อการค้นหาตรีศูลที่หายไป ไมเคิล บีช ผู้รับบทเจสซี่ พ่อของเดวิด เคน จอห์น รายส์-ดาวีส์ และ ไจมอน ฮอนซู ผู้รับบทกษัตริย์ไบรน์และกษัตริย์ริโค (หรือในนามกษัตริย์ฟิชเชอร์แมน) ตามลำดับ และจูลี่ แอนดรูว์ นักแสดงชื่อดังผู้มารับบทคาราเธน

ในส่วนของภาพลักษณ์

สำหรับผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายที่มากประสบการณ์อย่างคิม บาร์เร็ตต์ การออกแบบภาพลักษณ์ให้พระเอกในเรื่อง “Aquaman” ต้องอาศัยการตีความจากจินตนาการของเจมส์ วานและจินตนาการของศิลปิน/ผู้วาดภาพหนังสือการ์ตูน DC ที่มากประสบการณ์อย่างพอล นอร์ริส (อควาแมน) นิค คาร์ดี้ (มีร่า ออร์ม, แบล็ค แมนต้า) และราโมน่า ฟราดอน (แอตแลนน่า) เพื่อผลิตเสื้อผ้าที่สร้างความตื่นตาให้แฟนๆ

“ในหนังสือการ์ตูนมีกลิ่นอายบางอย่างที่เจมส์หลงใหลและอยากเก็บเอาไว้” บาร์เร็ตต์กล่าว เธอเองก็คำนึงถึงสภาพแวดล้อมใต้น้ำในเรื่อง มันต้องถ่ายทอดองค์ประกอบหลายอย่างซึ่งเธอต้องประดิษฐ์ชิ้นงานขึ้นมาราว 2,500 ชิ้น “ตอนที่พยายามหาภาษาที่ใช้สื่อสารในหนัง (ผู้ออกแบบฉากฯ) บิล บรีสกี้กับฉันคุยกันนานมากเรื่องข้อบังคับของแอตแลนติส ไม่ว่าจะเป็นการลอย การว่ายน้ำ หรือการต่อสู้ใต้น้ำของทุกคน นักแสดงของเราจะอยู่บนสายและลวดที่ขึงไว้ให้ดูเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่ แน่นอนว่าวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์จะช่วยเราได้ในตอนท้าย แต่เราก็ต้องคิดทุกอย่างเอาไว้ตอนทำการออกแบบ โดยเฉพาะต้องคิดถึงเรื่องการลอยตัว และจะทำให้เสื้อผ้าดูไร้น้ำหนักได้ยังไง ภารกิจใหญ่แบบนี้มีรายละเอียดเยอะมากให้เราวิเคราะห์และแก้ปัญหา”

บาร์เร็ตต์และทีมงานของเธอต่างช่วยกันคิดถึงเรื่อง “ประวัติความเป็นมา” ขงแอตแลนติส “แอตแลนทีนมีจุดเริ่มต้นมาจากผู้คนที่อยู่เหนือผิวน้ำ จากนั้นลงไปใต้ท้องทะเลเป็นเวลานับพันปีมาแล้ว พวกเขาค่อยๆ มีวิวัฒนาการ อาทิเช่น มีครีบตรงเท้าเหมือนตีนกบงอกขึ้นมาหรือเปล่า? ซึ่งพวกเรารู้สึกว่ามันก็น่าจะใช่

“ในความคิดของฉัน” เธอเล่าต่อว่า “ผิวหนัง รูปร่าง และสีสันของพวกเขาโดยเฉพาะสิ่งที่ห่อหุ้มผิวหนังล้วนมาจากปะการัง ปลา และสาหร่ายที่อยู่รอบตัวพวกเขา พวกเราไม่เคยใช้โลหะจริงมาทำเป็นเกราะป้องกันเลย เพราะมันจะหนักเวลาแสดง และนักแสดงจะต้องสวมใส่ตลอดเวลา เราเลยผลิตวัสดุที่ดูเหมือนโลหะแต่ไม่ใช่โลหะขึ้นมา

เริ่มจากตัวละครนำ “อาร์เธอร์ต้องเปลี่ยนโลกเหนือผวน้ำมาอยู่ในโลกแอตแลนทีน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาในเรื่องเสื้อผ้า” บาร์เร็ตต์กล่าว “เขาต้องจำใจเป็นฮีโร่ระหว่างบนพื้นดินและในทะเล เขาต้องผ่านความยากลำบากและความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องตัวเองเพื่อกลายเป็นกษัตริย์โดยชอบธรร ซึ่งเป็นการผจญภัยคลาสสิคที่เขาไม่ได้ชนะการต่อสู้เพียงอย่างเดียว เขากลายเป็นคนเห็นใจผู้อื่นมากขึ้นด้วย ฉันชอบคิดว่าเสื้อผ้าของเราช่วยดึงเขาออกมาจากการเป็นคนหดหู่ดูเศร้า กลายเป็นคนที่สามารถรวมแอตแลนทีนกับมนุษย์ให้กลายเป็นหนึ่งได้

“ในตอนท้ายของเรื่องเขาสวมเกราะที่ได้มาจากอาณาจักรแอตแลนติส” เธอกล่าว “เขาจะรู้สึกได้ถึงความเป็นกษัตริย์ และการออกแบบต้องถ่ายทอดความกล้าหาญที่อยู่ในตัวเขาออกมาได้ หน้าที่ของเราคือต้องแน่ใจว่าได้รวมความเป็นเจสันและอควาแมนในหนังสือการ์ตูนเอาไว้ชัดเจนมากพอ เราเชื่อว่าการเป็นอาร์เธอร์ไม่ใช่แค่การสวมชุดแบบนั้น เขาต้องสวมบุคลิกใหม่ลงไปด้วย ซึ่งในช่วงเวลานั้นเราพยายามเก็บโทนสีจากหนังสือการ์ตูนให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความทันสมัยและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วย”

สำหรับโมมัว ชุดฮีโร่จะเป็นสีทองล้วนทั้งตัว “ครั้งแรกที่ผมสวมชุดนั้น ผมอยากให้ลูกๆ ได้เห็นมกาเลยครับ ผมเลยถ่ายรูปและส่งไปให้พวกเขาดู” เขาจำได้ “ผมทำตาโตและอ้าปากค้าง พวกเขาชอบใจกันมากเลย มันรู้สึกเท่ที่ได้เป็นพ่อที่สวมชุดแบบนั้น และผมก็เลยกลายเป็นแฟนของตัวเองไปเลย มันสุดยอดมากครับ”

ผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้นมาจากการออกแบบที่มีความซับซ้อนยุ่งยาก บาร์เร็ตต์ได้ร่วมงานกับโฮเซ่ เฟอร์นันเดซ แห่ง Ironhead Studio และสตูดิโอด้านการออกแบบของจัสติน ราเลห์ Fractured FX design เพื่อถ่ายทอดภาพที่โดดเด่นของอควาแมนให้มีชีวิตขึ้นมา “มันเป็นชุดที่มีความยุ่งยากมากเลยค่ะ” เธอเล่า “เราต้องอาศัยการออกแบบในช่วงแรกทีละนิด แต่ด้วยเซนส์ของคิม โฮเซ่ และฉันที่มารวมกันแล้วก็ผลิตชุดนี้ขึ้นมาได้ทันเวลา” ราเลห์กล่าว “ทีมงานของเราที่ Fractured FX ได้ข้อสรุปที่ผลิตชุดด้านบนเป็นสีทองทั้งหมด ซึ่งจะเป็นเกราะด้านบนของเขา ส่วน Ironhead ผลิตในส่วนของถุงมือ รองเท้าบูท และเข็มขัด โดยส่วนที่เหลือจะเป็นของคิมที่เป็นผู้นำในการผลิตร่วมกับทีมงานของเธอที่ออสเตรเลีย”

ทีมงานของราเลห์เริ่มจากทำการสแกนร่างกายของโมมัวใหม่ เพราะรูปร่างเขาจะมีขนาดใหญ่ขึ้นในช่วงกล้ามเนื้อไหล่และกล้ามเนื้อลำตัว รวมถึงช่วงเอวของเขา “เจมส์มีจินตนาการที่ชัดเจนมากว่าอยากให้ชุดออกมาแบบไหน” ราเลห์กล่าว โดยยอมรับว่าชุดสีทองด้านบนออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์และปรินท์แบบ 3 มิติออกมา เพื่อให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด โดยชุดมีส่วนที่เป็นชิ้นส่วนแยกกัน 5 จุดแต่กลับดูเนียนไร้รอยต่อ “ช่วงหน้าอกจะยาวลงมาคลุมเอวและแขน ซึ่งจะไม่เห็นตะเข็บที่อยู่ตรงแขนด้านบนและช่วงหน้าอกเลย” เขากล่าวเสริม “จากนั้นจะมีส่วนด้านหลังที่ยาลงมาและคลุมข้อต่อด้านหลัง มีซิปและซ่อนทุกอย่างเอาไว้ สุดท้ายชุดนี้คือผลงานที่ดูสวยตั้งแต่ตอนแรกเลย เจสันดูมีความสุขกับการเคลื่อนไหวและท่าทางเวลาที่เขาหยิบจับ และสำหรับฉากแอคชั่นสุดพลังต่างๆ กับวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ก็เพิ่มขึ้นด้วย”

สิ่งที่เขาต้องติดและถอดออกตลอดทั้งเรื่อง รวมถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเห็นเขาคือแทททูลายชนเผ่าของอาร์เธอ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโมมัวเอง ผลิตขึ้นโดยแผนกแต่งหน้าโดยมีมากกว่า 100 ชิ้นตลอดช่วงถ่ายทำ

สำหรับแอตแลนทีน บาร์เร็ตต์และทีมงานของเธอต้องพัฒนาธีมขึ้นมา “เครื่องแต่งกายทั้งหมดตั้งแต่มีร่า ออร์ม ไปจนถึงทุกคนในอาณาจักรใต้ท้องทะเล เราเลือกใช้บล็อกโครงสร้างเพื่อผลิตรายละเอียดขนาดเล็กขึ้นมาสำหรับทุกอย่าง” บาร์เร็ตต์อธิบายว่า “ฉันเรียกมันว่า ‘สเกลส์’ ค่ะ มันจะเป็นแผ่นลักษณะ 6 เหลี่ยมที่เราผลิตขึ้นกับมือและลงสีด้วยมือ จากนั้นจะแปะลงไปบนเสื้อผ้า นั่นคือวิธีที่เราผลิตเอ็ฟเฟ็กต์แบบนั้นขึ้นมาได้

“สำหรับชุดมีร่าของแอมเบอร์ เรามีการปรับสีนิดหน่อยเพื่อขับสีผิวและสีดวงตาธรรมชาติของเธอ” บาร์เร็ตเล่าถึงชุดที่ดูเงาของเฮิร์ด “แน่นอนว่ามันต้องแสดงออกถึงความห้าว เราจะเชื่อได้ว่าเธอคือนักรบ แต่เธอไม่ได้แบกพวกอาวุธต่อสู้เอาไว้ เกราะของเธอที่เรานึกภาพไว้เป็นอะไรที่แอตแลนทีนจะมีโดยธรรชาติเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อผ้าในโลกของพวกเขา เราเน้นไปที่สีเขียวที่ดูสบายตา และต้องแน่ใจด้วยว่าเธอดูดีเมื่ออยู่เคียงข้างอควาแมน ฉันคิดว่าช่วงแรกที่มีร่าโผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วอยู่ด้านนอกเรือนพักแรมเธอดูดีมาก ตอนนั้นเป็นคืนที่ฝนตก แสงสว่างพอเหมาะแล้วแอมเบอร์ก็ปรากฏตัวขึ้น เราจะรู้สึกว่าเธอมาจากโลกอื่น”

“คิม บาร์เร็ตต์เป็นคนฉลาด ทำงานอย่างหนัก เป็นคนช่างจินตนาการ สร้างผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหมาะกับโลกที่แอตแลนทีนอาศัยอยู่” เฮิร์ดกล่าวชม “เธอจะรวบรวมแต่สิ่งที่อยู่ในท้องทะเล ซึ่งเป็นพื้นฐานของเครื่องแต่งทั้งหมด เธอสร้างผลงานได้อย่างน่ามหัศจรรย์มากค่ะ”

เฮิร์ดยอมรับว่าเธอทั้งรักและเกลียดชุดของมีร่า “มันมีความซับซ้อนกว่าที่เห็นค่ะ คิมกับทีมงานของเธอสามารถทำให้มันดูเป็นธรรมชาติและมีความไม่ธรรมดาได้ แต่ในความเป็นจริงฉันต้องแสดงโดยมีตัวควบคุมและชุดรัดรูป มีอุปกรณ์และ

เครื่องมือต่างๆ มันเลยดูอึดอัดรัดแน่นไปหมด แต่ละวันที่กลับไปบ้านจะมีรอยฟกช้ำทั่วตัวเลยค่ะ เหมือนมีความผูกพันกับชุดนั้นแปลกๆ ไปเลย!”

สำหรับตัวละครออร์มของแพทริค วิลสัน บาร์เร็ตต์ได้ออกแบบไว้ 2 ลุค ได้แก่ ชุดนักรบสีทองตอนที่เผชิญหน้ากับ อาร์เธอร์ half-brother ของเขา และชุดเกราะสีเงินที่ดูสง่าพร้อมหน้ากาก สำหรับสวมตอนที่เขาสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรทั้ง 7 “เจมส์อยากให้ชุดของออร์มสะท้อนออกมาตรงตามหนังสือการ์ตูน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ฉันคิดว่าเราได้ผสมผสานทั้งพลังจากหนังสือการ์ตูนกับความเป็นจริงเอาไว้ได้เรียบร้อย” บาร์เร็ตต์กล่าว “แรงบันดาลใจสำหรับลุคของแพทริคคือจะต้องสะท้อนถึงแสงที่อยู่รอบตัว ทั้งน้ำทะเลและสิ่งมีชีวิตในน้ำ เราเลยต้องสร้างสีสันสดใสเพื่อเพิ่มความเป็นปลาขึ้น จนสุดท้ายผมพบว่ามันมีความหลากหลายและมีความละเอียดอ่อนมาก” วิลสันหัวเราะและเล่าว่า “มีหลายครั้งที่ผมคิดอยากจะสวชุดสีเทาสำหรับแสดงวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เพราะนี่เป็นชุดที่มีความสำคัญ! และผมคิดว่าชุดของผมไม่หนักเหมือนชุดของเจสันหรอก มันยังเคลื่อนไหวได้และเบามาก ทุกอย่างทำให้ง่ายต่อการต่อสู้และการเคลื่อนไหวไปมา”

สิ่งที่เปลี่ยนการแสดงของเขาไปโดยสิ้นเชิงคือสิ่งที่อยู่บนศีรษะของออร์ม วิลสันเล่าว่า “ตอนที่ผมสวมหน้ากากประหลาดสไตล์บาโรกของเจ้าแห่งท้องทะเล ผมรู้สึกต่างจากตอนที่ผมสวมหมวกของออร์ม มันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับตัวละครเลยครับ”

หน้ากากก็มีความสำคัญกับตัวละครแบล็ค แมนต้าเช่นกัน บาร์เร็ตต์เล่าว่าทีมงานของเธอหลายคนตื่นเต้นที่จะได้ออกแบบและผลิตชุดที่มีเอกลักษณ์ของตัวละคร “เดวิด เคนเปลี่ยนจากโจรสลัดที่โหดเหี้ยมและมีความไฮเทคสู่แบล็ค แมนต้า

เขาผลิตชุดขึ้นมาเองเหมือนในการ์ตูน ซึ่งเราเก็บสิ่งนั้นไว้เหมือนเดิมโดยมีเจมส์ให้ความร่วมมือการออกแบบนั้นเป็นอย่างมาก เรายังมีทีมงานที่มีฝีมือจาก Ironhead Studio ที่มาช่วยเราถ่ายทอดทุกอย่างออกมา”

บาร์เร็ตต์เล่าว่าความพยายามในกลุ่มคือสิ่งสำคัญในการผสมผสานการออกแบบของวาน และเป็นธรรมชาติของการผลิตชุดให้นักแสดงสวมใส่ “เราต้องแน่ใจว่ายาห์ย่าสามารถขยับตัวแสดงได้” เธอกล่าว “พื้นฐานของชุดผลิตจากวัสดุที่โดนน้ำได้ ซึ่งเหมาะสำหรับการแสดงไม่ว่าจะสภาพแห้งหรือเปียก และสามารถแสดงฉากผาดโผนได้ด้วย โฮเซ่และทีมงานของเขาได้แกะส่วนประกอบที่มีความแข็งขึ้นมา รวมถึงหมวกที่ต้องสะท้อนถึงภาพวาดในหนังสือการ์ตูน และโมเดลที่ผลิตขึ้นโดยทีมงานของจัสติน จากนั้นสิ่งที่แกะขึ้นมาจะนำไปขึ้นแบบ เมื่อเสร็จแล้วจะนำผลงานมาประกอบกัน ทาสี และติดเข้าไปกับฐานของชุด”

ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เคลวิน แม็คเวน เล่าว่า “หมวกฮ๊โร่ของจริงมีขนาดค่อนข้างหนักและนักแสดงผาดโผนของเราใช้งานได้ลำบาก เราเลยผลิตหมวกโฟมที่มีน้ำหนักเบาขึ้นมา ซึ่งเรายังคงมีขนาดและรูปร่างของหมวกเหมือนเดิม ซึ่งขณะเดียวกันนักแสดงแทนยาห์ย่าสามารถแสดงฉากผาดโผนได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วย”

“สิ่งหนึ่งที่ผมตื่นเต้นมากคือหมวกของแมนต้ายิงเลเซอร์ออกมาได้เหมือนลำแสงพลาสม่า” อับดุล-มาทีนเล่าถึงการสวมเกราะสีดำของตัวร้าย “มันจะยิงออกมาจากเกราะ แต่ต้องมีการรีชาร์จพลัง มันไม่ใช่แหล่งกำเนิดพลังที่ไม่มีวนัหมด ซึ่งทำให้มันยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นสำหรับเขา”

การออกแบบของบาร์เร็ตต์สำหรับวัลโก้ไม่ได้คำนึงถึงการ์ตูนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงรสนิยมส่วนตัวของดาโฟด้วย “ผมชอบชุดของผม” นักแสดงชายกล่าว “และผมชอบวิกของตัวเองมากด้วย มันให้ความรู้สึกคล้ายกับซามูไร ผมโตมากับหนังซษมูไรก็เลยชอบกลิ่นอายแนวนั้น มันเป็นสิ่งที่เจมส์กับผมคุยกันไว้ ผมรู้เลยว่าเขากับคิมสร้างมันขึ้นมาเพื่อผม”

สำหรับตัวละครแอตแลนน่าของคิดแมน บาร์เร็ตต์เล่าว่า “มันเป็นสิ่งที่ขยายความจากสิ่งที่เราทำลงไปกับมีร่าและตัวละครอื่น แต่ผมก็อยากให้เธอเปิดเผยเรื่องการถือกำเนิดวีนัสออกมาด้วย เธออยู่ในชุดที่มีสีสันเหมือนเป็นเทพแห่งไข่มุก ซึ่งจะสะท้อนแสงไฟได้ เธอดูไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ”

แสงสว่างก็เป็นองค์ประกอบสำคัญของชุดทหารแอตแลนทีนด้วยเช่นกัน มีการระดมความคิดกันว่าผู้สร้างฯ จะเลือกไอเดียการสะท้อนแสงในทะเลที่มีความลึกยังไง บริษัทของราเลห์ได้มีการใช้ไฟ LED วางรอบกองกำลังทหาร โดยมีฟิลเตอร์ของสีหลอดไฟเล็กๆ อยู่ด้านใน ซึ่งมันจะสะท้อนแสงสีฟ้าไปบนใบหน้าของนักแสดง ในส่วนด้านหลังจะมีแผ่นดิสก์ที่มีโปรแกรมแสดงแสงไฟได้ต่างกันถึง 200 สี

“ทุกอย่างมีการควบคุมทางวิทยุ แม้แต่อาวุธของพวกเขา” ราเลห์กล่าว “เมื่อทุกคนเข้าฉาก เราก็แค่คลิกปุ่มเดียว ทุกชุดก็จะเริ่มทำงาน บางครั้งมีการทำงานพร้อมกัน 14 ชุด และเราสามารถปิดสัญญาณทีละคนได้เวลาที่พวกเขาตาย ซึ่งหน่วยรบสีแดงก็มีการออกแบบตามกุ้งล็อบสเตอร์ รวมถึงรูปแบบสีฟ้า เหลืองอ่อน และน้ำตาลเพื่อให้คล้ายสิ่งมีชีวิต”

“คิมถือเป็นคนพิเศษที่เข้ามาเสริมทีมเลยครับ” ซาฟรานกล่าว “เธอเป็นคนมีความสร้างสรรค์และร่วมงานกับเจมส์ได้อย่างเข้าขา รวมถึงสตูดิโอรายอื่นๆ เพื่อผลิตชุดให้กับโลกใบใหม่ทั้งใบ นั่นคือความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ เราได้สร้างสิ่งต่างๆ ตั้งแต่ภาพร่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เราต้องจัดการกับอาณาจักรทั้ง 7 และเธอก็มีส่วนร่วมในการผลิตสิ่งมีชีวิตไบรน์และเทรนช์ทุกแง่มุม สร้างชาวแอตแลนทีน สร้างชุดสำหรับผู้ที่อยู่พื้นผิวด้านบน เวลาที่ทุกคนได้เห็นชุดจากธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาในหนังเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องทึ่งแน่นอนครับ”

แน่นอนว่าทุกการต่อสู้จะต้องใช้อาวุธประเภทต่างๆ ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญด้านอุปกรณ์ประกอบฉาก ริชชี่ ดีห์น และผู้ช่วยประสานงานด้านอาวุธของเขา ริชาร์ด แมนส์ฟีลด์ เพื่อหาอุปกรณ์ประกอบที่จะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของซูเปอร์ฮีโร่

ตามหลักการและสิ่งที่อยู่ในบทฯ “อควาแมน” ของวานจะต้องมีอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงแนวไซไฟ เช่น ปืนยิงลำแสงและอาวุธอื่นที่ทันสมัย ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างตรีศูลของตัวละครแอตแลนทีนสำหรับการต่อสู้ด้วยมือ

ในการออกแบบช่วงแรกดีห์นและแมนส์ฟีลด์ตกลงกันว่าในหนังจะถ่ายทำ “บนบกที่ทำให้ดูเหมือนอยู่ในน้ำ” แมนส์ฟีลด์เล่าว่า “ผมคิดว่ามันก็ค่อนข้างท้าทายมากพอตัวอยู่เหมือนกัน เพราะเราต้องผลิตอาวุธให้กับทหารของเรา มีการติดตั้งระบบอิเลคทรอนิกส์สุดไฮเทคลงไป ฉะนั้นจึงสามารถยิงกันในฉากได้จริงๆ อาวุธจะเชื่อมต่อกับแผงควบคุมแสง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเลย… นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ ปกติเราจะมีอาวุธที่มีข้อกำหนดว่าจะต้องยิงเอง แต่คราวนี้มีการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีไร้สายเพื่อผู้ควบคุมแผงแสงที่ควบคุมมันอย่างเต็มตัว ซึ่งจะไม่มีการใช้งานใต้น้ำ”

นอกจากอาวุธที่มีแสงไฟ LED ของทหารแอตแลนทีนแล้ว การออกแบบที่สำคัญสุดของแมนส์ฟีลด์ในเรื่องคือตรีศูลหลายแบบสำหรับตัวละครต่างๆ ในเรื่องดีห์นเล่าว่า “ตรีศูลเล่มแรกของเราเป็นของแอตแลนน่าซึ่งจะตกมาเป็นของอาร์เธอร์ เราได้การออกแบบมาจากหนังที่ผ่านมา และนั่นเป็นการกำหนดมาตรฐานให้พวกเรา เพราะมันเป็นผลงานที่มีความพิเศษมาก โดยเฉพาะควินเดนต์ที่มี 5 ง่ามที่ต้องอาศัยยึดตามเนื้อเรื่อง”

ทีมงานได้ออกแบบตรีศูลให้กับออร์ม เนเรอุส และกษัตริย์ริโค “เราออกแบบอย่างมีอิสระแต่ขณะเดียวกันก็พยายามทำให้ตรงตามต้นฉบับหนังสือการ์ตูนด้วย” แมนส์ฟีลด์กล่าว

การออกแบบที่มีความสำคัญมากของพวกเขาคือตรีศูลของกษัตริย์แอตลาน “มันเป็นเอ็กซ์คาลิเบอร์ของเรา เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราเอง” ดีห์นกล่าว “ในหนังทั้งเรื่องนี่คือสิ่งที่อาร์เธอร์และมีร่าเฝ้าตามหา มันก็สนุกดีครับที่ได้พัฒนามันขึ้นมา สิ่งสำคัญที่เจมส์ให้ความใส่ใจคือข้อความที่สลักอยู่บนนั้น ตัวอักษรแอตแลนทีนควรเป็นแบบไหน? เราเลยไปที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษเพื่อดูอักษรโบราณที่มีการสะสมเอาไว้ และได้แรงบันดาลใจมาจากตรงนั้น”

สำหรับสีสันของตรีศูล ดีห์นอยากแน่ใจว่ามันจะเป็นสีทองที่สะท้อนสีอยู่ใต้น้ำได้ “การทำให้มันออกมาเป็นสีทองที่เพอร์เฟ็กต์บนกล้อง เราพยายามใช้สีทองที่ต่างกัน 20 เฉดสีก่อนที่จะได้สีในแบบที่เราใช้ มันอาจจะดูธรรมดา เหมือนทาสีเคลือบลงไปแค่นั้น แต่มันเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาตัดสินใจกันเป็นเดือนเลยทีเดียว”

เตรียมร่างกายสำหรับการต่อสู้

“หลังจากที่ฝึกซ้อมการต่อสู้ 6 วันต่อสัปดาห์รวมเป็นเวลา 4 เดือนครึ่ง เรารู้สึกเหมือนเป็นยอดมนุษย์เลยค่ะ “เฮิร์ดเล่าถึงวินัยที่เคร่งครัดที่เธอกับเพื่อนนักแสดงต้องปฏิบัติตามเพื่อจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่อง “Aquaman”

โมมัวมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ออกกำลังกายประจำอย่างเคร่งครัด และใช้เวลาไปกับการไต่กำแพงที่เขาทำการ

) ในบทแอตแลนน่า แม่ของอาร์เธอร์ รวมถึงลูดี้ ลิน ในบทกัปตันเมิร์ค หน่วยจู่โจมแอตแลนทีน และเทมูร่า มอร์ริสัน ในบททอม เคอร์รี่ พ่อของอาร์เธอร์

วานกำกับฯ จากบทภาพยนตร์๘องเดวิด เลสลี่ จอห์นสัน-แม็คโกลดริค และวิล บีอัล เนื้อเรื่องโดยจอฟฟ์ จอห์นส และ เจมส์ วาน และ วิล บีอัล สร้างอิงจากตัวละครอะควาแมนของ DC ที่สร้างขึ้นโดยพอล นอร์ริส และ มอร์ท วีซิงเกอร์ อำนวยการสร้างฯ โดยปีเตอร์ ซาฟราน และ ร็อบ โคแวน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยเดโบราห์ สไนเดอร์, แซ็ค สไนเดอร์, จอน เบิร์ก, จอฟฟ์ จอห์นส และ วัลเตอร์ ฮามาดะ

ทีมงานเบื้องหลังของวานเป็นผู้ที่ร่วมงานกันประจำ เช่น ผู้กำกับภาพที่เข้าชิงรางวัล Oscar ดอน เบอร์เจส (“Forrest Gump”) ผู้ลำดับภาพที่ร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 5 เคิร์ก มอร์รี่ ผู้ออกแบบฉาก บิล บรีสกี้ และผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เคลวิน มัลเวน พวกเขายังร่วมงานกับผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คิม บาร์เร็ตต์ และผู้ประพันธ์ดนตรี รูเพิร์ท เกร็กสัน-วิลเลียมส์

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอผลงานจาก a Safran Company Production, a James Wan Film เรื่อง “Aquaman” ภาพยนตร์ฉายในระบบธรรมดา ระบบ 3 มิติ ระบบ 4 มิติ ระบบ Dolby Cinema และ ScreenX ในบางโรงภาพยนตร์และระบบ IMAX จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์

aquamanmovie.net

รายละเอียดการถ่ายทำ

ลิขิตของโลก 2 ใบขึ้นอยู่กับฮีโร่เพียงคนเดียว

ในภาพยนตร์เรื่อง “Aquaman” อาร์เธอร์ เคอร์รี่มีหน้าที่รวมโลกทั้ง 2 ใบให้รวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะทดสอบทั้งความกล้าหาญและความเชื่อมั่นในตัวของเขา เพื่อกอบกู้ตรีศูลที่สูญหายของแอตแลนให้กลับคืนมา ซึ่งมีเพียงกษัตริย์แห่งแอตแลนติสที่สามารถควบคุมได้เท่านั้น แต่ในการตามหาครั้งนี้เขาต้องร่วมมือกับมีร่า เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรท้องทะเลแห่งซีเบลเพื่อเดินทางข้ามผืนดินและท้องทะเล

อุปสรรคแรกที่อาร์เธอร์ต้องเอาชนะคือความไม่เอาใจใส่ปัญหาของใคร ไม่ว่าจะเป็นแอตแลนทีนส์หรือมนุษย์ จนกระทั่งตอนนี้ที่เขาต้องรับมือเหมือนเป็นจ่าฝูงที่มีพลัง ต้องเผชิญกับการต่อสู้ทางน้ำโดยเลี่ยงการก่อให้เกิดสงครามระหว่างมนุษย์บนผืนโลก

ผู้กำกับฯ / ผู้ร่วมเขียนบทฯ เจมส์ วานรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครนี้เพียงลำพังเป็นครั้งแรก “อควาแมนเป็นคนที่มีพลังมากและสามารถรับมือได้กับการต่อสู้ระดับเทพได้สบาย แต่สิ่งที่ผมชอบในตัวเขาที่สุดคือเขามีจุดเริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์ธรรมดา” เขากล่าว “สำหรับผมแล้วสิ่งที่สำคัญสุคือเรื่องราวที่จะถ่ายทอด และผู้ชมให้ความสนใจเกี่ยวกับตัวละครต่างๆ อยากออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเขา”

ผู้อำนวยการสร้างฯ ปีเตอร์ ซาฟรานที่ร่วมงานกับวานเป็นประจำกล่าวว่า “เจมส์รู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาอยากถ่ายทอด โทนของเรื่องและภาพที่จะสื่อออกไป เขาไม่เคยโลเลในเรื่องนั้นเลย”

นักแสดงชื่อดังเจสัน โมมัวตอกย้ำตัวละครของเขาด้วยการปิดบังความอ่อนแอและแสดงความแกร่ง การชอบพูดจาเสียดสี ถ่ายทอดความตลกในแบบเขาออกมาสู่ซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ของ DC “บทภาพยนตร์มีจุดเริ่มต้นที่ดูงดงาม เป็นเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่ได้รับพลัง เขาต้องออกเดินทางเพื่อมุ่งสู่การเป็นกษัตริย์ แต่ตัวเขาเองก็มีความสดใสให้เห็นเมื่อเขาต้องเข้าสู่การต่อสู้ในสงครามแห่งจักรวาลโลกใต้น้ำของวาน” โมมัวกล่าว

“เหล่าซูเปอร์ฮีโร่และตัวร้ายล้วนเป็นด้านดีและด้านแย่ที่อยู่ในตัวเรา” แอมเบอร์ เฮิร์ด ผู้รับบทมีร่า กล่าวเสริมอีกว่า “นั่นคือสองสิ่งที่อยู่ในตัวเราทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆ ที่จะได้รับแง่คิดนั้นในแบบที่ผู้ใหญ่อาจไม่ได้” และตอนนี้ฮีโร่บนจอภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย นักแสดงหญิงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นความเท่าเทียมในบทของเรื่อง “Aquaman” ที่เธอได้รับ “พวกเขาเหมือนคู่หูกันตั้งแต่เริ่มแรก พวกเขาชอบการต่อสู้เหมือนกัน สร้างความสนุกสนานและให้ความเคารพกันและกัน ไม่มีข้อสงสัยเลยที่พวกเขาจะร่วมมือกันได้ โดยสำหรับอาร์เธอร์แล้วมันคือการเข้าใจในชะตาชีวิตของเขาอย่างแท้จริง”

อควาแมนได้รับการแนะนำสู่ผู้อ่านหนังสือการ์ตูนเมื่อปี 1941 เรื่องราวที่ถ่ายทอดในภาพยนตร์เขียนขึ้นโดยวานและผู้อำนวยการสร้างฯ จอฟฟ์ จอห์นส ซึ่งได้แรงบันดานใจจากหนังสือการ์ตูน Aquaman ของจอห์นสจาก The New 52 ซีรีส์ปี 2011 ที่ DC นำกลับเข้ามาสู่ไลน์ของซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้ง “จอฟฟ์รู้เรื่องราวความเป็นมาของอควาแมนเป็นอย่างดี รวมถึงซูเปอร์ฮีโร่ของ DC ทั้งหมด” ซาฟรานกล่าว “เขามีความกระตือรือร้นที่จะได้ร่วมงานกับเจมส์ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของอาร์เธอร์ในจินตนาการอย่างที่เราต้องการ”

จอห์นสออกความเห็นว่า “อาร์เธอร์โตบนผืนแผ่นดินและไม่รู้ถึงสิ่งที่ได้รับสืบทอดมาจนกระทั่งหลายปีมานี้ ตอนที่เขาไปยังแอตแลนติสและพบดินแดนใต้น้ำสุดน่าอัศจรรย์ ความลึกลับแห่งท้องทะเล สิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลายเริ่มจากการอาศัยอยู่บนผืนโลก แต่กลับมีความแปลกเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เดินทางมาจากนอกโลก เจมส์เห็นและรู้เลยว่านั่นคืออควาแมนที่มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ พยายามตามหาต้นตระกูลของตัวเองและยอมรับในสิ่งที่ได้รับสืบทอดต่อกันมา และยังมีเรื่องของบรรยากาศรอบตัวที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับตัวละครของ DC ทุกตัว ซึ่งในจักรวาล DC จะมีการขยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละครต่างๆ เจมส์จึงเกิดแรงบันดาลใจให้จินตนาการถึงโลกของอควาแมนสู่จอยักษ์”

ผู้เขียนบทฯ เดวิด เลสลี่ จอห์นสัน-แม็คโกลดริคและวิล บีอัล เขียนเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่อลังการขึ้นมา “สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญเลยคือเจมส์อยากให้มีความสนุก เป็นหนังที่มีการเดินทางทำภารกิจรอบโลก” จอห์นสัน แม็คโกลดริค เล่าว่า “มีการสื่อว่าครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญสุดในภาพยนตร์ อควาแมนได้พลังมาจากแม่ของเขา ได้ความเป็นมนุษย์มาจากพ่อของเขา ทั้งสองมาจากโลกคนละใบและตกหลุมรักในความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาคือผลผลิตที่มาจากความรัก … และเติบโตขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาแยกทางกัน แล้วที่ตรงไหนคือที่ๆ เหมาะสำหรับเขากัน??”

เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ของอาร์เธอร์เป็นเรื่องต้องห้าม สำหรับเขาจึงมีความรู้สึกเหมือนโดนดูถูก ต้องอยู่กับความรู้สึกที่ไม่ปกติแบบนี้มาทั้งชีวิต สิ่งที่อาร์เธอร์น่าจะไม่รู้คือถึงแม้ว่า ราชินีแอตแลนน่า แม่ของเขาจะทิ้งเขาไปหลังจากเกิดการต่อสู้ครั้งรุนแรงที่บ้านของพวกเขา เธอรู้ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับลูกของเธอ เธอจึงมอบพรสวรรค์ให้เขาในหลายด้าน เนื่องจากเขามีเชื้อสายของแอตแลนทีน อาร์เธอร์จึงรู้ตั้งแต่เด็กว่าเขามีความสามารถเหนือมนุษย์ในหลายด้าน เช่น เขาหายใจใต้น้ำได้ ว่ายน้ำได้อย่างว่องไว เขาสามารถอยู่ใต้ทะเลที่มีความลึกจนแทบไม่มีอะไรทำลายเขาได้ และที่แน่ๆ คือ “สามารถคุยกับปลาได้” สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำได้ นอกจากความกล้าหาญของเขาที่มีใต้น้ำแล้ว เขายังมีความสามารถเหนือ

มนุษย์บนภาคพื้นดินอีกด้วย เช่น มีความแข็งแกร่ง มีประสารทสัมผัสที่ไวขึ้น และมีผิวหนังที่ทนทาน ไม่ว่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นบนภาคพื้นดินหรือท้องทะเล อาร์เธอร์ต้องปกป้องโลกทั้ง 2 ใบเอาไว้… มิเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการพังทลายทุกอย่างลง

เมื่อโลกของ “อควาแมน” มีเรื่องราวที่มีความกว้างขวาง วานและทีมงานของเขารู้สึกว่าสิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องถ่ายทอดแอตแลนติส และบรรยากาศอาณาจักรโดยรอบออกมาให้ไม่เหมือนกับสภาพท้องทะเลที่เคยเห็นมาก่อน “นี่เป็นโลกที่อยู่ห่างไกลจากเราไป เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่ง มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่จำกัดเราเอาไว้ เราไม่รู้เลยว่าข้าวของต่างๆ เวลาอยู่ใต้น้ำจะมีหน้าตาแบบไหน เส้นผมจะเคลื่อนไหวยังไง สำหรับชาวแอตแลนทีนแล้วน้ำเปรียบเสมือนอากาศของพวกเรา นั่นคือสภาพที่พวกเขาโตขึ้นมา เราจะต้องสร้างมันขึ้นมาจากมุมมองของพวกเขา”

สำหรับการถ่ายทอดจินตนาการที่สดใสของเขาสู่ภาพยนตร์ วานได้อาศัยตากล้องอย่างดอน เบอร์เจสมาถ่ายทอดโลกที่น่าทึ่งอย่างที่เขาคิดเอาไว้ออกมา ร่วมด้วยผู้ออกแบบฉากฯ บิล บรีสกี้ และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คิม บาร์เร็ตต์ เพื่อทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมา แต่ความท้าทายครั้งใหญ่สุดน่าจะตกเป็นของผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของวาน เคลวิน มัลเวน และทีมงานของเขาที่ต้องจินตนาการองค์ประกอบทุกอย่างขึ้นมา ตั้งแต่เมืองที่อยู่ใต้น้ำไปจนถึงการต่อสู้ของสัตว์ในท้องทะเล การเคลื่อนไหวของเส้นผมและอื่นๆ อีกมากมาย

ผู้อำนวยการสร้างฯ ร็อบ โคแวน เล่าว่า “ ตั้งแต่ที่ผมรู้จักเจมส์มา เขาอยากสร้างหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์มาโดยตลอด ซึ่งเขาเคยทำมาแล้วในเรื่อง ‘Furious 7’ แต่ในเรื่อง ‘Aquaman’ มีเรื่องของการสร้างโลกทั้งใบขึ้นมาด้วย? นั่นคือสิ่งที่เรียกความสนใจจากเขาได้มาก และเพราะว่านั่นคือเจมส์ การแสดงจะมีส่วนผสมของความสยองขวัญ ความหอมหวาน มีประวัติความเป็นมาและมีตำนานแห่งแอตแลนติส… มันสร้างอิงตามหลักการ แต่ขณะเดียวกันเขาก็สามารถสร้างความแปลกใหม่ขึ้นมาได้”

ทุกอย่างที่อยู่ในโลกใต้น้ำในเวอร์ชั่นของพวกเขาต้องต่างจากที่อื่น “เหมือนกับกรุงโรมที่ไม่มีวันล่มสลาย ที่นั่นมีทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งที่มีความเก่าแก่ แถมยังมีสนามประลองการต่อสู้อีกด้วย นั่นคือสิ่งที่ผมคิดถึงแอตแลนติส แสดงออกถึงชัยชนะและมีความโดดเด่น มีความล้ำสมัยแต่ก็ยังมีส่วนที่คงความเก่าแก่เอาไว้”

ในการทำภารกิจของเขาให้สำเร็จและหยุดสงครามที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าในโลกใต้น้ำและบนผืนแผ่นดินที่เขารัก อาร์เธอร์ต้องต่อสู้กับน้องชาย half-brother ผู้กระหายอำนาจ ออร์ม รับบทโดยแพทริค วิลสัน รวมถึงแบล็ค แมนต้าที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต รับบทโดยยาห์ย่า อับดุล-มาทีน ที่ 2 อาร์เธอร์ต้องต่อสู้กับอดีตของตัวเอง รวมถึงความโกรธแค้นของเขาในสิ่งที่แอตแลนทีนส์ทำไว้กับแอตแลนน่า ซึ่งรับบทโดยนิโคล คิดแมน หลังจากที่พวกเขาบังคับให้เธอทิ้งพ่อ ผู้เป็นมนุษย์ทำหน้าที่ดูแลประภาคารชื่อทอม เคอร์รี่ รับบทโดยเทมูเอร่า มอร์ริสัน สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงระหว่างเขากับโลกของแม่คืออาวุธที่แม่ทิ้งไว้ให้เขา และบางครั้ง วัลโก้ รับบทโดยวิลเล็ม ดาโฟ คณะสภาแห่งบัลลังก์แอตแลนทิสเดินทางมาเยี่ยมบนภาคพื้นดินช่วงที่อาร์เธอร์เป็นเด็ก เพื่อสอนเกี่ยวกับพลังที่เขาได้มาจากแม่

“ภาพยนตร์เกี่ยวข้องกับเรื่องของความสมหวัง และสำหรับผมการทำหนังเรื่องนี้คือโบนัสเพราะสิ่งที่ผมหวังเป็นเรื่องจริงแล้ว ได้สร้างสิ่งต่างๆ และสร้างสรรค์โลกขึ้นมา” วานยิ้ม “เราเตรียมควมพร้อมด้านวิชวลที่มีความแตกต่าง ตัวละคร เสื้อผ้า สิ่งมีชีวิ… ทุกอย่างขึ้นมา นั่นคือฝันที่เป็นจริงของผม โชคดีที่ผมมีทีมงานที่มีความสร้างสรรค์อยู่เบื้องหลังฉากต่างๆ และมีนักแสดงที่มีความสามารถพร้อมเดินทางไปกับผม”

ซูเปอร์ฮีโร่และนางเอก

อควาแมนเป็นครึ่งมนุษย์และครึ่งแอตแลนทีน เขาเป็นนักรบผู้ย่งใหญ่ที่ต้องเรียนรู้การทวงคืนบัลลังก์ตามสิทธิอันชอบธรรมแห่งอาณาจักรแอตแลนตินใต้น้ำ แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับทั้งโลกเบื้องบนและเบื้องล่างผิวน้ำ เขาใช้ชีวิตอยู่ในร่างของอาร์เธอร์ เคอร์รี่ ที่ได้รับการเลี้ยงดูโดย ทอม พ่อของเขาที่อยู่บนภาคพื้นดิน เขาเป็นบุตรชายคนแรกของราชินีแอตแลนน่า เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งในท้องทะเลและบนผิวน้ำ แต่วันหนึ่งเขาจะต้องหลอมรวมโลกทั้งสองให้กลายเป็นหนึ่ง

ซึ่งวันนั้นคือเรื่องราวใน “Aquaman”

ในการร่วมงานกัน เจมส์ วานและเจสัน โมมัวตั้งใจจะถ่ายทอดตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ของ DC ออกมาให้เหมือนในหนังสือการ์ตูน แต่ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้เข้ากับผู้ชมภาพยนตร์ในปัจจุบันและสอดคล้องกับโลกแห่งความจริงด้วย

ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นผู้กำกับฯ เกริ่นว่าทั้งคู่ได้ทำความเข้าใจกันถึงสภาพที่ยากลำบากของอาร์เธอร์ “เหตุผลที่ผมคิดว่าเจสันมีความเชื่อมโยงกับตัวละครนี้เพราะเขาเองก็ต้องอยู่ในโลกทั้ง 2 ใบ” วานกล่าว ซึ่งเขาเองก็โตขึ้นมาท่ามกลาง 2 วัฒนธรรมที่ต่างกัน “เจสันเป็นชาวฮาวายและโตที่อเมริกากลาง เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมาะที่จะอยู่กับโลกใบไหนเลย นั่นคือสิ่งที่ผมเองก็เข้าใจดี ผมเป็นชาวเอเชียเกิดที่มาเลเซียแต่โตที่ออสเตรเลีย โตขึ้นมาในแบบชาวออสเตรเลียอย่างชัดเจน แต่ผมก็ยังสืบทอดความเป็นชาวจีน/ชาวมาเลเซียอยู่ในตัวไว้”

หากตัวละครอาร์เธอร์ เคอร์รี่ถูกกำหนดให้ปกครองอาณาจักรใต้ท้องทะเลแห่งแอตแลนติส โมมัวคงถูกำหนดเอาไว้ให้มารับบทนี้เช่นกัน นอกจากเรื่องต้นกำเนิดของเขา การใช้ชีวิตแบบชาวเกาะที่ช่วยให้โมมัวเข้าถึงตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง “ผมไม่

ต่างจากอาร์เธอร์ที่เป็นลูกครึ่ง ผสมระหว่างรัฐไอโอวากับฮาวาย ผมเลยเข้าใจได้อย่างชัดเจน และจากฟิลิปปินส์ไปจนถึงฮาวาย ตาฮิติ ฟิจิ… หลายเกาะก็จะมีเทพแห่งน้ำที่ขึ้นชื่ของตัวเอง ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจโดยทันที” เขากล่าว

ยังไม่หมดแค่นั้น “ผมเคยเรียนด้านชีววิทยาทางทะเลตอนที่โตในรัฐไอโอว่าด้วย” โมมัวเล่าเปรียบเทียบระหว่างตัวเขากับตัวละครที่ต้องแสดง “น่าแปลกใจที่พวกเขามีวิทยาเขตนี้อยู่ในใจกลางเดสโมนส์ ที่นั่นมีกีฬาทางน้ำทุกอย่าง มีฉลาม ปลาไหล และอะไรอีกหลายอย่างด้วย ผมเป็นคนรักทะเลมากและเป็นชาวเกาะ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมกลัวแต่ก็ทำให้ผมสนใจได้พอตัว มันมีความสงบนิ่ง มีพัฒนาการตลอดเวลา มีการเคลื่อนไหวตลอด เหมอืนกับเปลวไฟที่เราทำได้เพียงจ้องมอง ความรู้สึกจะเพลิดเพลินไปกับมัน ซึ่งเราสามารถหายไปในนั้นได้เลย”

ปกติโมมัวจะเล่นเซิร์ฟที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิค นอกฝั่งบ้านชายทะเลของเขาที่โกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลียช่วงที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เขาเล่าเสริมว่า “ในพอลินีเชีย ฉลามเหมือนผู้พิทักษ์ครอบครัวของเรา พวกเขาเรียกกันว่า มานา พลังเหนือธรรมชาติ ผมเคยฝันว่าตอนเล่นเซิร์ฟอยู่เห็นฉลามขนาดใหญ่ ผมพูดว่า “เฮ้พี่ชาย! เราเป็นพวกเดียวกันนะ!’ ผมภาวนาให้ตัวเองพูดกับปลาและฉลามได้ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ผมกลายเป็นอควาแมนแล้ว” เขากล่าว

แอมเบอร์ เฮิร์ดต้องรับบทคู่กับโมมัว เธอได้เล่าว่า “ผู้สร้างภาพยนตร์พิจารณาให้เจสันถ่ายทอดตัวตนออกมาเพื่อเป็นอควาแมนในเวอร์ชั่นของเรา และเจสันก็สร้างบุคลิกใหม่ขึ้นมา ฉันคิดว่ามันมีความแปลกใหม่ ทันสมัย เท่ และต่างจากอควาแมนเวอร์ชั่นอื่นๆ เหนือกว่าที่เราคาดหวังจากหนังสือการ์ตูน แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าไม่ผิดเพี้ยนจากหนังสือ”

นอกจากเรื่องการใช้ชีวิตทั้งสองโลกของอาร์เธอร์แล้ว โมมัวเล่าต่ออีกว่า “เขามีความกล้าหาญมาก แต่ก็มีความขี้สงสัยและขี้กลัวอยู่ด้วย เขาเป็นคนดี แต่สิ่งที่ทำให้เขามีความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงคือเขาเป็นเพียงงคนเดียวที่สามารถรวมโลก

ทั้ง 2 ใบให้กลายเป็นหนึ่งเดียวได้ เพราะเขาก็เป็นชาวแอตแลนทีนและเป็นผู้ที่ได้รับเลือก ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขามีความเป็นมนุษย์ มีความถ่อมตัวแม้จะชอบทำตัววางท่า คือเขารู้แก่ใจว่ายังไม่พร้อมเผชิญกับสิ่งนั้น”

โชคร้ายสำหรับอาร์เธอร์ที่เวลาไม่เข้าข้างเขา น้องคนละพ่อในนาม ออร์ม ได้มองเห็นและวางแผนที่จะปลุกสงครามขึ้นมา ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องใส่ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสภาพโลกของเราเอาไว้ในเรื่องราวด้วย

“ออร์มเลือกที่จะรวมอาณาจักรแห่งท้องทะเลทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน และบุกโจมตีโลกที่อยู่ด้านบน เพราะทุกสิ่งที่เราทำลงไปก่อให้เกิดความเสียหายกับทะเล” โมมัวอธิบาย “อาร์เธอร์ไม่สนว่าเขาจะได้เป็นกษัตริย์หรือไม่ เขาแค่ไม่อยากให้ออร์มต้องทำลายผืนแผ่นดิน ออร์มคิดแต่เรื่องรวมอาณาจักรทั้ง 7 และปกครองโลกทั้งใบ เมื่ออาร์เธอร์ได้เห็นจึงต้องขัดขวางเขา และมีทางเดียวที่จะทำได้คือต้องร่วมในสงครามครั้งใหญ่นี้ จนเกิดเป็นโรดทริปครั้งใหญ่ ซึ่งนั่นเป็นช่วงที่ดูเท่ดีเพราะมันมีอารมณ์เหมือนในเรื่อง ‘Romancing the Stone’ ซึ่งผมชอบมากเลยครับ”

ผู้นำภารกิจที่กล่าวเอาไว้คือ มีร่า ธิดาแห่งกษัตริย์เนเรอุสกับเจ้าหญิงซีเบลแห่งอาณาจักรท้องทะเล นอกจากการมีเชื้อพระวงศ์ที่เธอต้องหมั้นหมายกับออร์มแล้ว เธอยังมีพลังไฮโดรคินีซิสที่สามารถปรับเปลี่ยนสภาพน้ำได้

“สิ่งที่ฉันรักในภาพยนตร์ของเราคือทั้งเจมส์ ผู้เขียนบทฯ ผู้อำนวยการสร้างฯ ไม่มีใครอยากสร้างความน่าสงสารให้เกิดขึ้นกับมีร่า” เฮิร์ดเล่าถึงบทนางเอกที่มีความแข็งแกร่งของเธอ “และฉันรู้สึกขอบคุณมากเลยที่พวกเขาปฏิบัติแบนั้นกับตัวละครหญิง โดยบุคลิกของมีร่าแล้วเธอมีตัวตนชัดเจน มีพลังที่รุนแรง ฉันคิดว่าผู้ชมอยากเห็นผู้หญิงมีบทบาทที่ดูแข็งแกร่ง ซึ่งเธอก็เป็นแบบนั้นในทุกด้าน เทียบเท่ากับอควาแมนและช่วยชีวิตเขาได้พอๆ กับที่เขาช่วยชีวิตเธอ”

มีร่าแสดงความเป็นนางเอกที่ดูน่ากลัวออกมาให้เห็น และกลายเป็นเพื่อนร่วมทางของอาร์เธอร์ที่พยายามปกป้องโลก “เธอโผล่ขึ้นมาจากน้ำช่วงกลางดึก เป็นเหมือนที่พึ่งแห่งสุดท้ายที่ช่วยลากอาร์เธอร์ออกมาจากโลกแห่งความวุ่นวาย มีแต่ความมัวเมา ความปรารถนา มาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและร่วมมือกับเธอขัดขวางการกุมอำนาจของกษัตริย์ออร์ม” เฮิร์ดเล่าต่อว่า “เธอป็นคนเดียวที่โน้มน้าวให้อาร์เธอร์ไปยังแอตแลนทิสและช่วยโลกได้”

“ในหนังสือการ์ตูนมีร่ามีพลังเหนือกว่าอาร์เธอร์ในหลายด้าน” วานกล่าว “เธอมีพลังที่อาร์เธอร์ไม่มีด้วยซ้ำ ซึ่งผมคิดว่ามันมีเสน่ห์ ผมรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้แอมเบอร์หลงใหลในบทนั้น แต่แอมเบอร์เองก็แสดงความอ่อนแอในตัวเธอออกมาได้เหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่ามันจำเป็นกับบทนี้ ในหนังมีร่าต้องพยายามหาที่ๆ เหมาะกับตัวเองในโลกของเธอ แต่ตัวละครนำของเราทั้งสองต้องพบกับการเดินทางที่ตื่นเต้นอย่างบ้าคคลั่ง ทั้งคู่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองและรู้ว่าถูกกำหนดให้เป็นแบบไหน

“ครั้งแรกที่ได้พบแอมเบอร์ สิ่งที่ดึงดูดผมคือความมีเสน่ห์และความสดใสของเธอ สาวๆ สามารถมองมีร่าเป็นตัวอย่างได้ เธอมีทั้งบุคลิกที่ดูฉลาดและมีความเข้มแข็ง”

“แอมเยบอร์มีความน่าทึ่งครับ” โมมัวกล่าว “เราเข้ากันได้ดีมากครับ เราสนิทกันอย่างรวดเร็ว ในภารกิจนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเธอกับผมที่ต้องเดินทางไปทั่วทุกแห่ง ซึ่งมันสนุกสุดๆ และตัวละครของเราก็มีความแสบทั้งคู่ ด้วยความสามารถทางน้ำที่เธอมีทำให้มีร่าสามารถฆ่าอาร์เธอร์ได้เลย เธอมีพลังที่น่าทึ่งมากครับ”

ที่มาของพลังวิเศษของอาร์เธอร์ที่กลายเป็นอควาแมนมาจาก แอตแลนน่า แม่ของเขาที่เป็นแรงบันดาลใจให้มีร่าตอนเด็ก วานสร้างการผจญภัยทั้งหมดขึ้นมาโดยเริ่มจากผู้ดูแลประภาคารในนิวอิงแลนด์ ทอม เคอร์รี่ ตอนที่เขาช่วยสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เธอถูกซัดไปอยู่ที่ชายฝั่งใกล้หอคอยของเขาช่วงที่มีพายุเฮอร์ริเคนโหมกระหน่ำ ระหว่างที่เขาช่วยชีวิตเธอ เขาพบว่าเธอ

คือแอตแลนน่า ราชินีแห่งแอตแลนติสที่หลบหนีมาจากอาณาจักรใต้น้ำหลังจากที่ต้องหมัน้หมายกับกษัตริย์ผู้โหดเหี้ยม พวกเขาตกหลุมรักกันและเธอให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนคืออาร์เธอร์ ซึ่งถูกตั้งชื่ออิงตามกษัตริย์นครคาเมล็อต

นิโคล คิดแมนรับบทราชินีแอตแลนทีนที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด “เธอเป็นาชินีแต่ก็เป็นแม่ที่ยอมสละการอยู่กับลูกชายเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้” คิดแมนกล่าว “นั่นคือประเด็นสำคัญของเรื่องเลยค่ะ เกี่ยวกับความเสียสละ มันมีค่าต่อคนๆ หนึ่งมากและได้เห็นว่าส่งผลต่อครอบครัวอย่างไร ฉันรักตัวละครนี้เพราะเธอมีความแข็งแกร่ง เจมส์พูดกับฉันเสมอว่าแอตแลนน่าเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจในเรื่อง ซึ่งฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่งดงามดีค่ะ”

“ตอนที่เราเริ่มคัดเลือกนักแสดงมารับบทแอตแลนน่า เรารู้ดีว่าต้องการนักแสดงหญิงที่มีความโดดเด่นเพื่อมารับบทนี้” ซาฟรานกล่าว “เรารู้ว่าต้องเป็นคนที่แสดงได้ออกมาชัดเจน แสดงเสน่ห์ออกมาสู่บทบาทนั้นได้ เราได้ยินมาว่านิโคล คิดแมนอยากร่วมงานกับเจมส์ พอเราได้พบกับปรากฏว่าเธอแสดงออกมาได้ และเธออยากค้นหาความสนุกในหนังซูเปอร์ฮีโร่เหมือนกัน เพราะเธอไม่เคยแสดงหนังแนวนั้นมาก่อน”

ซึ่งหนังแนวนี้เรียกความน่าสนใจให้นักแสดงหญิงหลายด้าน เธอเล่าว่า “ฉันเพิ่งแสดงหนังที่มีความดราม่าสุดๆ 2 เรื่องค่ะ การก้าวมาสู่โลกใบนี้ถือเป็นจังหวะของความสนุก เจมส์เอาสตอรี่บอร์ดบางส่วนมาให้ฉันดูและบอกว่า ‘นี่เป็นหลักฐานให้คุณเห็นว่าผมนึกถึงคุณมาตลอด’ และเพราะเขาเรียกความสนใจจากฉันได้ จะปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะ? และฉันรักเขาด้วย รักพลังในตัวเขา ความกระตือรือร้น สิ่งที่เขาถ่ายทอดสู่โลกใบนั้น เขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจากความหลงใหลและรู้จักโลกใบนั้นเป็นอย่างดี แถมเขายังเป็นคนน่ารักมากด้วยค่ะเลยเป็นตัวเลือกสำหรับฉันที่ง่ายมาก บวกกับเขาบอกว่าเราจะถ่ายทำกันที่ออสเตรเลีย ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับฉันมันทำให้ตอบไปว่า ‘ค่ะ ได้โปรดเถอะ!’”

“เราไม่สามารถนึกภาพใครมารับบทแอตแลนน่าได้นอกจากนิโคลเลยครับ” โคแวนกล่าว “มีช่วงที่กำลังคัดเลือกนักแสดงแล้วเราไม่แน่ใจว่าจะหาตัวนักแสดงได้ เราต้องคิดไปไกลเกินกว่าตัวเลือกของเราและถามตัวเองว่า ‘ถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ? เราก็ต้องไปหาจากที่อื่น’ เราไม่เคยเจอใครเหมาะกับแอตแลนน่าเลย และต้องขอบคุณที่เราไม่เจอ”

ตอนที่อาร์เธอร์ยังเป็นเด็กน้อย แอตแลนน่าต้องจำใจกลับไปยังแอตแลนติสด้วยสภาพแวดล้อมที่บังคับ และเมื่อกลับไปเธอจะต้องแต่งงานกับออร์แวกซ์ตามแผนที่กำหนดเอาไว้ และได้ให้กำเนิดลูกชายคนที่สอง…

ยอดวายร้าย

ภาคพื้นดินคือจุดที่มีร่าได้พบกับอาร์เธอร์และบอกเขาเกี่ยวกับเรื่อง ออร์ม น้องชาย half-brother ของเขา สายเลือดบริสุทธิ์ของแอตแลนทีนผู้เป็นลูกชายของราชินีแอตแลนน่ากับกษัตริย์ออร์แมกซ์จะยึดบัลลังก์ และตั้งใจรวมอาณาจักรใต้ท้องทะเลทั้ง 7 เพื่อครองโลกเหนือผิวน้ำ ซึ่งล้วนเป็นผลจากการที่มนุษย์สร้างมลพิษให้เกิดขึ้นบนโลก

เป้าหมายสำคัญของออร์มคือการครองอาณาจักรใต้ทะเลทั้ง 7 และประกาศตนเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล เขาเกลียดพี่ชาย “half-breed” เป็นอย่างมาก และมีความมุ่งมั่นที่จะกันเขาออกจากสิทธิ์ในการครองบัลลังก์ ซึ่งวานต้องขอความช่วยเหลือจากแพทริค วิลสันที่ร่วมงานกันเป็นประจำเพื่อมารับบทกษัตริย์ที่มีความคลั่ง

“แพทริค วิลสันเป็นนักแสดงที่เก่งคนหนึ่งซึ่งผมโชคดีที่ได้ร่วมงานด้วย” วานกล่าวชม “สำหรับผมแล้วเขาเป็นนักแสดงที่มีความน่าทึ่งอยู่ในร่างของนักแสดงนำ และสิ่งที่ผมรักในตัวแพทริคคือความอินไปกับตัวลละครของเขา ตลอดช่วงที่เขียนยทฯ ผมคิดตลอดว่าแพทริคต้องเหมาะกับออร์ม ผมเลยเริ่มเขียนบทฯ มากขึ้นสำหรับแพทริค หวังว่าตอนที่ใกล้เสร็จผมจะโน้มน้าวได้ว่าเขาคือคนที่เหมาะสำหรับบทนี้ ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่าแพทริคจะมาเล่นบทนี้และตีบทแตกกระจาย”

“นี่เป็นการร่วมงานกับเจมส์เป็นครั้งที่ 5 ครับ และมันเหมือนเป็นพรจากสวรรค์ที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง” วิลสันกล่าวชม “ครั้งแรกที่เขาคิดถึงเรื่องการสร้างหนังเรื่องนี้ เจมส์บอกกับผมว่า ‘ผมอยากให้คุณมารับบทเจ้ามหาสมุทร’ และผมมองด้วยความเคารพและความรับผิดชอบ ผมไม่อยากโกหกที่จะเล่าว่าวันต่อมาผมเดินิออกมาพร้อมกับกองหนังสือการ์ตูนที่เอามาปัดฝุ่น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นคือเจมส์.. เขายึดมั่นในคำพูด เขาสละตัวเองให้กับจินตนาการ มิตรภาพของเรา และมิตรภาพในการร่วมงานกัน”

วิลสันยังพบว่าเนื้อเรื่องมีความน่าสนใจมากด้วย “สิ่งที่ผมรักตอนอ่านบทฯ คือมันทำให้เราตื่นตาไปกับท้องทะเล และอยากสำรวจว่าจะเป็นยังไงหากมันเกิดขึ้นกับเรา ขณะเดียวกันการถ่ายทอดยอดวายร้ายอย่างออร์มเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะตามเรื่องราวในหนังสือการ์ตูนเขาเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว เขาได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปจากประวัติศาสตร์ในหนังสือการ์ตูน สิ่งที่เจมส์อยากทำและเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเกิดขึ้นในหนังคือการแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ของออร์ม เขาพูดไว้ชัดเจนว่า ‘นานนับศตวรรษแล้วที่โลกด้านบนทำลายท้องทะเลและโลกของข้า’ นั่นคือประเด็นที่เขาโกรธแค้น มันเป็นการต่อสู้ที่เขาต้องการ และเขาเชื่อว่าทางเดียวที่จะเอาชนะโลกเหนือผิวน้ำได้คือต้องทำให้อาณาจักรแห่งท้องทะเลทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งหากเป็นจริงได้เขาจะกลายเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล”

“ผมรักเวลาตัวร้ายที่มีความเป็นฮีโร่ในเรื่องของตัวเองไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนร้าย” จอห์นสัน-แม็คโกลดริค เล่าถึงตัวละครออร์ม “เขาไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรเกินตัว เขารู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลในสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งสำหรับออร์มมีแรงผลักดันเขาอยู่ แต่เขามีวิธีปฏิบัติที่รุนแรง เขาทนพฤติกรรมทำลายท้องทะเลของมนุษย์ไม่ได้ ฉะนั้นแล้วทำไมไม่กำจัดมนุษย์ไปเลยล่ะ?”

ซาฟรานยอมรับ “ออร์มไม่ใช่คนเลวร้ายไปซะทีเดียว ด้วยเหตุผลที่เขาอยากทำลายโลกเหนือผิวน้ำก็ดูสมเหตุสมผลอยู่ เขาเชื่อว่ามันเป็นทางเดียวที่เขาจะทำได้ เพื่อช่วยเหลือและปกป้องผู้คนของเขา เพราะตามหลักแล้วอาร์เธอร์เป็นลูกคนแรกของแอตแลนน่า ออร์มรู้ดีว่าถ้าอาร์เธอร์มาโผล่ในแอตแลนติสก็จะมีการทวงบัลลังก์เกิดขึ้นได้ เขากังวลเรื่องการชิงตำแหน่งกษัตริย์ และสงครามที่จะเกิดขึ้นบนผิวน้ำก็จะพังลง”

“สิ่งที่ทำให้เรื่องราวมีความสนุกอยู่ตรงที่แม้ออร์มจะมีความกังวลเรื่อางนั้น แต่อาร์เธอร์กลับไม่ได้ต้องการบัลลังก์” วิลสันเล่าว่า “แต่ออร์มไม่มีทางเลือกที่จะเปลี่ยนใจได้ ยังไงเขาก็ต้องขัดขวางอาร์เธอร์ทุกทางที่ทำได้”

“ผมรักเขาสุดๆ เลยครับ” โมมัวพูดถึงวิลสัน “ผมมีหลายฉากสนุกๆ ที่ต้องแสดงร่วมกับเขา มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก พวกฉากผาดโผนก็ผ่านไปได้ด้วยดี มันสนุกดีครับที่ได้กลับไปเป็นเด็กและเล่นต่อสู้กัน แต่พอเราต้องแสดงแบบตาต่อตากับแพทริค จะเห็นว่าพลังที่แท้จริงในตัวเขาคือการเป็นนักแสดงที่มีความไม่ธรรมดา”

ในฐานะของมนุษย์ อาร์เธอร์มีหน้าที่คอยช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตราย ซึ่งในฉากแอคชั่นช่วงแรกเขาต้องเข้าช่วยเหลือการปล้นที่เกิดขึ้นใสเรือดำน้ำรัสเซีย กลุ่มโจรสลัดเข้ายึดเรือและจับตัวประกันเอาไว้ ในการต่อสู้ครั้งนั้นอาร์เธอร์ได้ช่วยชีวิตเดวิด เคนเอาไว้ แต่ไม่สามารถช่วยพ่อของเขาที่เสียชีวิตในห้องบรรจุตอปิโด ของเรือได้ มันเป็นช่วงชี้ชะตาของเคนที่หาทางแก้แค้นให้การเสียชีวิตของพ่อ เขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับอาร์เธอร์ โดยมีการแปลงสภาพตัวเองกลายเป็นแบล็ค แมนต้าที่ดูน่า

กลัว มีดาบติดเป็นอาวุธปืนตรีศูลสวมที่ข้อมือ ซึ่งมีตัวจับเซนเซอร์ที่สร้างจากพลาสม่าแอตแลนทีน อาวุธของแบล็ค แมนต้าประสานกับความกระหายเลือดของเขาถือเป็นภัยต่อชีวิตของอควาแมนได้เลย

“ผมอยากแสดงหนังแอคชั่นมาตลอดเลยครับ เหมือนได้เป็นเด็กอยู่ในสนามเด็กเล่น และตอนนี้ก็ได้ทำแล้ว” ยาห์ย่า อับดุล-มาทีน ที่ 2 นักแสดงชายผู้รับบทแบล็ค แมนต้ากล่าว “ผมรักตัวละครนี้เพราะมันมีประเด็นที่สื่อถึงทุกคน ไม่ว่าคุณจะรักเรื่องเทพนิยาย เรื่องราวความรักดีๆ ไซไฟ ฉากต่อสู้ หรือคุณชอบเรื่องเทคโนโลยีและอยากเห็นว่าพวกเขาจะถ่ายทอดโลกใต้น้ำออกมายังไง มันมีบางสิ่งสำหรับคุณอยู่ในเรื่องนี้แล้วครับ ประเด็นสำคัญของเรื่องผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนที่มีกุญแจสู่อาณาจักรและไม่อยากขึ้นเป็นกษัตริย์ นั่นละครับคือความยิ่งใหญ่!”

อับดุล-มาทีน ที่ 2 พบว่าจังหวะในการรับบทบาทนี้มีนัยยะสำคัญมาก “ตอนที่ผมรับบทแบล็ค แมนต้าเมื่อช่วงกันยายน 2017 เป็นช่วงที่ตัวละครในหนังสือการ์ตูนมีอายุ 50 ปีพอดี มันเลยดีมากครับที่ได้ศึกษาตัวละครนี้” นักแสดงชายให้ความเห็น “เมื่อเขาเดินทางมาถึงครึ่งศตวรรษ ผมได้รับบทนี้ในหนังเป็นครั้งแรก เป็นเรื่องที่วิเศษสุดๆ”

“แบล็ค แมนต้าเป็นตัวละครหนึ่งที่แฟนๆ หนังสือการ์ตูนชื่นชอบ และเรารู้ว่าต้องคัดเลือกคนที่ถ่ายทอดบทบาทนี้ได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้” ซาฟรานกล่าว “และยาห์ย่าก็คือคนนั้น จากต้นทุนของผมคิดว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่จะสนุกก็อยู่ที่วายร้ายกับฮีโร่ต่อสู้กัน เราอยากแน่ใจว่าจะถ่ายทอดสิ่งนั้นออกมาได้บนหน้าจอ”

“เขาเป็นทหารรับจ้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าอารมณ์และความเลือดเย็น และหลักการของเขาล้วนขัดกับอควาแมน” อับดุล-มาทีน ที่ 2 อธิบาย “มีหลากหลายเรื่องราวที่แตกต่างกันไป แต่เนื้อเรื่องที่เราเล่าเกี่ยวกับการที่เขาอยากล้างแค้นให้การตายของพ่อ เขาต้องถูกพรากพ่อแม่ไปและอยู่เพียงลำพัง เขาโกรธแค้นและนั่นทำให้เขาแสดงความเป็นมนุษย์ออกมา สำหรับ

เขาแล้วชีวิตเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงที่ต้องสูญเสียพ่อ เขาต้องการทำตามที่หวังเอาไว้ซึ่งทำให้เขาดูอันตรายและยากจะคาดเดาได้ ผมคิดว่าเขาเป็นตัวละครที่จะทำให้ทุกคนต้องนั่งติดขอบเบาะเลยทีเดียว”

แฟนตัวละครร้ายจะรู้ได้ว่ามีกัปตันเมิร์ค หนึ่งในสมาชิกแนวหน้าของหน่วยจู่โจมของแอตแลนทีนที่คอยคุ้มกันกษัตริย์ออร์ม เมิร์คซื่อสัตย์ต่อออร์มและวิสัยทัศน์ที่เขามีต่อแอตแลนติสคืออาณาจักรที่ปกครองท้องทะเล

ลูดี้ ลิน ผู้ได้รับเลือกให้มารับบทนี้เล่าว่า “ผมอยู่ที่ปักกิ่งตอนที่ได้คุยกับเจมส์ครั้งแรก เขาเล่าจินตนาการของเขาเกี่ยวกับหนังให้ผมฟัง” นักแสดงชาวจีนที่ต้องแบ่งเวลางานในวงการบันเทิงที่ประเทศจีน ขณะที่การถ่ายหนังเกิดขี้นที่ทางฝั่งตะวันตก” ผมคิดว่ามันมีเซนส์ที่สอดคล้องกันดี เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่บนดลกเป็นน้ำ และทะเลก็น่าจะเป็นพื้นที่อันตรายได้ ใต้น้ำมีความหลากหลายในแง่ของสรีระ มีกฎและสิ่งมีชีวิตต่างกันไป มันทำให้เกิดจินตนาการได้เยอะมาก และมันต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นด้วย”

ในหนังสือการ์ตูน รูปร่างหน้าตาของเมิร์คเป็นที่สะดุดตาอยู่แล้ว แต่ผู้สร้างภาพยนตร์และลินทำให้เขาดูสะดุดตายิ่งขึ้น “เขามีรูปร่างหน้าตาที่มีความโดดเด่นมาก แตกต่างจากบุคลิกปกติของผมอย่างสิ้นเชิงเลยครับ” ลินหัวเราะ ในหนังสือเมิร์คมีอายุราว 40-50 ปี ผิวขาว ผมสีบลอนด์ เจมส์คิดว่าเขาควรดูมีรอยแผลและเห็นเส้นเลือดมากขึ้น มีผมสีขาว สีแววตาน่ากลัว ทำให้เขาดูมีความลึกลับมากขึ้น”

คุณพ่อต้นแบบ

ผู้ดูแลประภาคาร โธมัส เคอร์รี่ คือรักเดียวในชีวิตของราชินีแอตแลนน่า และเป็นพ่อผู้เป็นมนุษย์ของ อาร์เธอร์ ลูกชายของพวกเขา หลังจากที่แอตแลนน่าต้องทิ้งพวกเขาเพื่อกลับไปยังแอตแลนตส ทอมเลี้ยงดูลูกชายของพวกเขาให้เป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เข้าใจและสงสัยทุกเรื่องที่เกี่ยวกับทะเล ผู้สร้างภาพยนตร์ได้คัดเลือกเทมูเอร่า มอร์ริสัน ชาวนิวซีแลนด์ให้มารับบทนี้

โคแวนเล่าว่า “เทมูเอร่า มอร์ริสันดูมีความเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับนิโคล ในใจเราไม่นึกถึงคนอื่นนอกจากเทมูเอร่าสำหรับการรับบทนั้นเลย”

“ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเป็นไปด้วยดีมากครับ เพราะผมเข้ากับเจสันได้ดีมากเลย” มอร์ริสันยิ้ม เขาเล่าถึงความรู้สึกที่เขามีระหว่างที่สังเกตโมมัวตอนแสดง “เราสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่อยู่รอบตัวเจสันจากการเดินทางทั้งหมด เคยมีชาวเผ่าเมารีมาเยี่ยมเขาในฉากและมาอวยพรวันเกิดให้เขา พวกเขาเต้นฮะกะกันอย่างยิ่งใหญ่ ผมเองก็ชอบฮะกะมาก เป็นการเต้นรอบกองไฟของชาวนิวซีแลนด์ และเจสันก็ถ่ายทอดพลังนั้นออกมาในฉากด้วย มันเป็นความลงตัวที่มีทั้งอควาแมน นักแสดงชาย และภาพยนตร์พร้อมด้วยการเต้นรอบกองไฟ”

มอร์ริสันก็สนุกกับฉากที่แสดงร่วมกับคิดแมน เขาเล่าว่า “ธรรมชาติของนิโคลมีความมหัศจรรย์ ใจกว้าง อ่อนโยนมากครับ เจมส์อยากให้แสดงอารมณ์ออกมาเพียงนิดหน่อย โดยเฉพาะตอนที่เธอทิ้งผมกับลูกในเรื่องไป และผมดีใจมากที่นิโคลกับผมมีเคมีที่เข้ากันได้ดี”

“การร่วมงานกับเทมูเอร่าผ่านไปด้วยดีค่ะ” คิดแมนกล่าว “เขาเป็นชาวนิวซีแลนด์ ส่วนฉันเป็นชาวออสเตรเลีย เราจะมีวิธีการสื่อสารกัน มันมีทั้งความอบอุ่นและความสนุกสนานค่ะ”

ผู้ที่ต่างจากพ่อของอาร์เทอร์ที่มีความถ่อมตัวอย่างสิ้นเชิงคือ เนเรอุส พ่อของมีร่าซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งซีเบล หนึ่งในเผ่าของแอตแลนติส ดอล์ฟ ลันด์เกร็นรับบทกษัตรย์ที่เห็นดีงามกับความเชื่อของออร์ม การทำลายของผู้คนที่อาศัยอยู่เหนือผิวน้ำจะนำมาสู่จุดจบของพวกเขาเอง แต่เขากลับไม่เชื่อว่าออร์มจะเป็นผู้บงการที่สามารถรวมอาณาจักรใต้ท้องทะเลให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ เพราะเขาได้ยินข่าวลือเรื่องทายาทตัวจริงมาแล้ว

“ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของเกมการปกครองและการต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออำนาจ” ลันด์เกร็นกล่าว “หนึ่งในนั้นคือกษัตริย์ออร์มผู้ทรงอำนาจ กษัตริย์เนเรอุสเลือกที่จะรักษาความสงบให้นานที่สุดมากกว่า แม้ว่าผู้ที่อยู่เหนือผิวน้ำจะทำสิ่งที่เขาไม่ชอบใจ เขาเห็นว่าออร์มอยากให้เขามารวมทัพเพื่อต่อสู้กับพวกเขา และช่วยให้ออร์มได้ขึ้นเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล

“เนเรอุสพยายามเถียงให้เห็นอีกด้านหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นการนำไปสู่สงครามโดยทันที” เขาเล่าต่อ “แถมเขายังต้องไตร่ตรองด้วยว่า มีร่า ลูกสาวของเขาได้หมั้นหมายกับกษัตริย์ออร์มตอนที่เธอยังอายุน้อยมาก ฉะนั้นมันเหมือนกับการคลุมถุงชนที่ครอบครัวต่างๆ จะมาแต่งงานกันเองเพื่อรักษาความสงบสุขเอาไว้ แต่ตอนนี้… ออร์มกำลังจะเปลี่ยนแผนการนั้นแล้ว”

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของพวกเขาจะนำพวกเขามาอยู่ร่วมกันได้ในท้ายที่สุด อาร์เธอร์ได้รับการอบรมเลี้ยงดูไม่ต่างจากมีร่า ผู้เป็นเจ้าหญิงที่ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับโลกใต้น้ำ ช่วงที่เขาถูกเลี้ยงดูในแอมนาสตี้ เบย์ที่นิวซีแลนด์ โรงเรียนมีทริปเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท้องถิ่น ทำให้เขาได้รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลเป็นครั้งแรก

เมื่อภาพยนตร์เล่าเรื่องราวหลายอย่างมากขึ้น อาร์เธอร์ได้นึกย้อนไปถึงช่วงที่เขาเป็นเด็ก ตอนที่ยงัมีหวังว่าจะได้กลับไปอยู่กับแม่ของเขา แต่เขาไม่รู้เรื่องโชคชะตาที่แท้จริงของแม่มาก่อน เขาได้รับการอบรมสั่งสอนจากนุยดิส วัลโก้ ในช่วงที่เขาเป็นเด็กวัลโก้คือผู้ที่เชื่อมโยงระหว่างเขากับความเป็นแอตแลนทีน มีการแสดงให้เห็นความสามารถพิเศษที่เขาได้รับสืบทอดมาและฝึกให้เขาหายใจใต้น้ำ ว่ายน้ำ และต่อสู้

เขาทำหน้าที่ในสภาบัลลังก์ตั้งแต่สมัยปู่ของอาร์เทอร์ และตอนนี้เป็นที่ปรึกษาให้กับกษัตริย์ออร์ม วัลโก้พยายามส่งเสริมด้านการฑูตระหว่างแอตแลนติสกับอาณาจักรอื่นที่อยู่ใต้ทะเล ขณะเดียวกันวัลโก้ก็รู้ว่าออร์มไม่สนใจเหตุผล และสิ่งเดียวที่สามารถโค่นอำนาจผู้ปกครองที่มีจิตไม่ปกติได้คือตรีศูลที่หายไปของกษัตริย์แอตแลน เขาแอบสั่งให้มีร่าตามหาอาร์เธอร์ และส่งให้พวกเขาทำภารกิจเพื่อตรีศูลแห่งแอตแลน ก่อนที่ออร์มจะทำตามแผนการของเขาได้สำเร็จ

วานเลือกนักแสดงที่ได้รับการนับถืออย่างวิลเล็ม ดาโฟมารับบทผู้เป็นทั้งที่ปรึกษา นักการทูต และจอมวางแผน “การที่มีผู้เป็นที่นับถืออย่างวิลเล็มมาอยู่ในหนังของผมถือเป็นเรื่องวิเศษมากครับ” เขายืนยัน “เขาถ่ายทอดความลึกซึ้งออกมาหลายอย่าง ดูสมจริงจนน่าเชื่อมาก และที่สำคัญสุดคือเขาเป็นคนน่ารัก อยากแสดงทุกอย่างออกมาเต็มที่ และแสดงฉากแอคชั่นบ้าๆ ทั้งหลายด้วย! นั่นคือเหตุผลที่เขาตกลงแสดงหนังเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เขาอยากเป็นเหมือนโอบิ วันหรือซามูไรแบบสมัยก่อนของอาร์เธอร์ ผมเลยเขียนลงไปในบทของเขาด้วย”

ดาโฟเล่าว่า “วัลโก้เป็นทั้งครู นักการเมือง และเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรมแบบเก่าและใหม่ของแอตแลนทีน เขาถูกผูกติดกับบัลลังก์ซึ่งตอนนี้หมายถึงกษัตริย์ออร์ม แต่เขาเกิดความรู้สึกต่อต้าน มันเลยมีเรื่องของการวางแผนภายในบ้างนิดหน่อย เหมือนเป็นแนวเรื่องของเช็คสเปียร์ที่จะต้องเป็นคนกลางของทั้งสองฝ่าย และเขาเองก็เคยสอนอาร์เธอร์เรื่องการ ติดตั้งขึ้นมา