บีเทิลจู๊ดส์ กลับมาแล้ว! ทิม เบอร์ตัน ผู้เคยชิงรางวัล Oscar และมีจินตนาการสร้างสรรค์เฉพาะตัวกับไมเคิล คีตัน ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar และนักแสดงได้กลับมาร่วมงานกันในเรื่อง Beetlejuice Beetlejuice – บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์ ผลงานภาคต่อจากเรื่อง Beetlejuice ของเบอร์ตันที่ได้รับรางวัลและมีการเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน
คีตันกลับมาร่วมงานกับผู้เข้าชิงรางวัล Oscar วิโนนา ไรเดอร์ (Stranger Things, Little Women) ในบทลิเดีย ดีทซ์ และเจ้าของรางวัล Emmy ถึง 2 รางวัล แคทเธอรีน โอ’ฮาร่า (Schitt$ Creek, Corpse Bride) ในบทลิเดีย ดีทซ์ พร้อมด้วยนักแสดงใหม่ในทีม จัสติน เทอรู (Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi, The Leftovers), โมนิก้า เบลุคชี่ (Spectre, ภาพยนตร์ The Matrix), อาร์เธอร์ คอนติ (House of the Dragon) ในภาพยนตร์ครั้งแรก ร่วมกับเจนนา ออร์เทกา ผู้ชิงรางวัล Emmy (Wednesday, Scream VI) ในบท แอสทริด ลูกสาวของลิเดีย และวิลเล็ม ดาโฟ ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (Poor Things, At Eternity’s Gate)
บีเทิลจู๊ดส์ กลับมาแล้ว! หลังจากเหตุอันน่าสลดในครอบครัวที่คาดไม่ถึง ครอบครัวดีทซ์ทั้ง 3 ชั่วอายุต้องกลับมายังบ้านที่วินเทอร์ริเวอร์ ที่นั่นยังมีบีเทิลจู๊ดส์สิงอยู่ ชีวิตของลิเดียต้องพลิกผันเมื่อลูกสาววัยรุ่นหัวรั้น แอสทริด พบโมเดลจำลองเมืองลึกลับในห้องใต้หลังคา และทำให้ประตูสู่ชีวิตหลังความตายเปิดออกมาโดยความไม่ตั้งใจ สร้างปัญหาขึ้นทั้ง 2 ฝั่ง เรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นจนกระทั่งมีผู้เอ่ยชื่อบีเทิลจู๊ดส์ 3 ครั้ง ปีศาจซุกซนจึงกลับมาปลดปล่อยความโกลาหลตามแบบฉบับของตัวเองออกมา
เบอร์ตันกำกับผลงานในแบบฉบับของเขา จากบทภาพยนตร์โดยอัลเฟรด โกห์ และ ไมลส์ มิลลาร์ (Wednesday) เนื้อเรื่องโดยโกห์กับมิลลาร์ และ เซธ กราแฮม-สมิธ (The LEGO® Batman Movie) สร้างอิงจากตัวละครที่สร้างขึ้นโดยไมเคิล แมคโดเวล และ แลร์รี่ วิลสัน ผู้อำนวยการสร้างฯ ได้แก่ มาร์ค โทบีรอฟฟ์, ดีดี การ์ดเนอร์, เจเรมี่ เคลเนอร์, ทอมมี่ ฮาร์เปอร์ และ เบอร์ตัน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย ซาร่า เดสมอนด์, แคทเทอร์ลี่ เฟราเอนเฟลเดอร์, โกห์, มิลลาร์, แบรด พิตต์, แลร์รี่ วลสัน, ลอว์เรนซ์ เซเนลิค, พีท เชียพเพตตา, แอนดรูว์ แลรี่, แอนโธนี่ ทิตทาเนโกร, กราเฮม-สมิธ และ เดวิด แคทเซนเบิร์ก
ทีมงานสร้างสรรค์เบื้องหลังของเบอร์ตัน ได้แก่ ผู้กำกับภาพ แฮริส แซมบาร์ลูคอส (Meg 2: The Trench, Murder on the Orient Express) ผู้ร่วมงานในภาคก่อนและผู้ร่วมงานประจำ ได้แก่ ผู้ออกแบบฉาก มาร์ค สครูตัน (Wednesday) ผู้ลำดับภาพ เจย์ ไพรชิดนี (Wednesday) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเจ้าของรางวัล Oscar คอลลีน แอทวูด (Alice in Wonderland, Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street, Sleepy Hollow) ผู้ควบคุมการสร้างเอฟเฟ็กต์ตัวละครและแต่งหน้าสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ เจ้าของรางวัล Oscar นีล สแกนลาน (Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street, Charlie and the Chocolate Factory) และผู้ประพันธ์ดนตรีที่เข้าชิงรางวัล Oscar-แดนนี่ เอลฟ์แมน (Big Fish, The Nightmare Before Christmas, Batman) และผู้ออกแบบทรงผมและการแต่งหน้าเจ้าของรางวัล Oscar ครินติน บลันเดลล์ (Topsy-Turvy)
A Warner Bros. Pictures นำเสนอภาพยนตร์เรื่อง Beetlejuice Beetlejuice จะฉายในโรงภาพยนตร์และโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์วันที่ 6 กันยายน 2024 ในประเทศ และต่างประเทศเริ่มวันที่ 4 กันยายน 2024 เข้าฉายในประเทศไทย 5 กันยายน 2024 ในโรงภาพยนตร์ จะจัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
บทสัมภาษณ์ ทิม เบอร์ตัน (ผู้กำกับ / โปรดิวเซอร์)
คำถาม: ในที่สุดก็ได้เวลาแล้วที่จะทำภาคต่อของหนังที่หลายคนหลงรักอย่าง Beetlejuice ทั้งหมดนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้อย่างไรครับ
ทิม เบอร์ตัน: ผมทำงานกับอัล [กอฟ] และไมล์ส [มิลลาร์] ใน Wednesday ก็เลยรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี ดีมากเลยนะเพราะพวกเขาถนัดในการทำงานร่วมกัน และผมก็ทำหนังเรื่องนี้โดยใช้แนวทางคล้ายกับในภาคแรก ซึ่งก็คือเรามีบทอยู่แล้ว แต่เราก็ทำงานกับนักแสดงที่ด้นสดได้เก่งหลายคนเลย ผมได้เรียนรู้ว่านั่นคือส่วนหนึ่งของความสนุกในหนังภาคแรกซึ่งมีแนวทางการทำงานกันแบบหลวมๆ เราแก้ไขบทไปด้วยขณะถ่ายทำและพึ่งพานักแสดงสมทบที่รับบทได้หลากหลายมาช่วยเพิ่มสีสันให้บทพูด ภาคนี้ก็มีแนวทางคล้ายกันอยู่ เราพยายามย้อนกลับไปหาความสนุกจากการทำหนังภาคแรกโดยไม่คิดมากจนเกินไป ทุกคนมีส่วนช่วยสร้างตัวละครของตัวเอง ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นครับที่เราได้กลับไปทำงานตามแบบฉบับของหนังภาคแรก
คำถาม: คุณช่วยเกริ่นนำเรื่องราวในภาคนี้ได้ไหมครับ
ทิม เบอร์ตัน: คุณถามผิดคนแล้วล่ะ [หัวเราะ] ผมเป็นคนกำกับนะ คือมันเป็นการย้อนกลับไปหาครอบครัวดีทซ์ในอีก 35 ปีต่อมาแล้วดูว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง มีบางอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวนี้ที่นำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ตามมา แต่หลักๆ คือมันเป็นการย้อนกลับมาดูว่าตัวละครเป็นอย่างไรกันบ้างในตอนนี้
คำถาม: ตัวละครบีเทิลจู๊ดส์มีอายุยาวนานหลายร้อยปี เขาได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมานี้เมื่อเทียบกับอายุของเขา
ทิม เบอร์ตัน: ตัวละครบีเทิลจู๊ดส์ไม่ค่อยมีพัฒนาการหรือการเติบโตอะไรหรอกครับ เขาก็เป็นเขาเหมือนอย่างเคยนั่นแหละ เราจะเปิดเผยบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ไม่ได้บอกไว้ในภาคแรก แต่เขาก็เป็นตัวละครที่ประหลาดมากอยู่แล้ว นี่แหละเป็นเหตุผลที่ผมชอบกลับมาหาเรื่องนี้ เพราะมันแตกต่างออกไปเล็กน้อยและมีกฎเกณฑ์ในแบบของมันเอง ซึ่งผมชอบนะ
คำถาม: ตัวละครบีเทิลจู๊ดส์ฝังอยู่ในวัฒนธรรมป๊อปของเรา และหนังเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดจินตนาการและวิสัยทัศน์ของคุณออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม การสร้างวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงในครั้งนี้ต้องอาศัยอะไรบ้าง
ทิม เบอร์ตัน: เรามีส่วนที่เป็นการรำลึกถึงหนังภาคแรกอยู่บ้างครับ โบ เวลช์ เป็นผู้ออกแบบงานสร้างในภาคนั้น และในภาคนี้ผมก็ได้ทำงานกับ [ผู้ออกแบบงานสร้าง] มาร์ค สครูตัน ที่ผมทำงานด้วยใน Wednesday มีแง่มุมบางส่วนที่ผมจะเรียกว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของโลกใบนั้น” ยกเว้นบ้านซึ่งเป็นของใหม่ทั้งหมด มีบางฉากที่คล้ายกับของเก่าเพราะมันอยู่ในโลกใบเดียวกัน เราขยายมันออกไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากขยายมากจนเกินไป เราสร้างฉากทั้งหมดขึ้นมา เพราะฉะนั้นมันจึงขยายใหญ่ขึ้นแต่ก็ไม่ขยายมากเกินไป และอย่างที่บอก ทั้งหมดนี้อยู่ในแนวทางแบบหลวมๆ ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและการด้นสด ทุกคนได้พัฒนาตัวละครของตัวเองและเข้าถึงบทไปพร้อมกัน
คำถาม: คุณสนับสนุนให้ทีมนักแสดงที่ถนัดด้านงานคอเมดีได้ด้นสดด้วยหรือเปล่าครับ
ทิม เบอร์ตัน: ในเรื่องนี้จะเน้นเป็นพิเศษเลยครับ ทุกคนตั้งแต่ไมเคิล แคทเธอรีน วิโนนา เจนนา จัสติน วิลเลม โมนิกา ทุกคนได้มีส่วนร่วมหมดและผมก็ชอบนะ บทหนังเป็นเหมือนพิมพ์เขียวที่เรามีเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมาคิดว่า “เอ๊ะ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นนะ” มันก็ทำให้ผมนึกถึงภาคแรก ถ้าคุณลองอ่านบทของภาคนั้นแล้วมาดูบทพูดสุดท้ายที่ออกมา คุณจะเห็นว่ามันแตกต่างกันเลย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เพิ่มเข้ามาและในภาคนี้ก็เหมือนกัน มันแทบจะเหมือนการทำหนังแอนิเมชันตรงที่ว่ามีหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์บทขึ้นมา
คำถาม: ในวินเทอร์ ริเวอร์ เวลาก็ผ่านไป 35 ปีแล้วเช่นกัน คุณต้องกลับไปยังเมืองเดิมในเวอร์มอนต์ที่คุณใช้ถ่ายทำเมื่อคราวที่แล้ว ประสบการณ์นั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ
ทิม เบอร์ตัน: การกลับไปเวอร์มอนต์เป็นเรื่องน่าสนใจมากเพราะเราสงสัยกันมาตลอดว่า “มันเป็นยังไงนะ มันถูกสร้างใหม่หมดเลยรึเปล่า” แต่ก็น่าแปลกที่มันแทบจะเหมือนเดิมเลยครับ ประหลาดดีนะ คุณคงไม่คิดว่า “เวลาผ่านไป 35 ปีแล้ว” คุณน่าจะคิดว่า “อ้อ เรามาที่นี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่นา” มันแปลกมากๆ เลยล่ะ แต่ก็นั่นแหละ เป็นเพราะว่าบรรยากาศมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สถานที่นั้นเป็นเหมือนตัวละครตัวหนึ่งทั้งในภาคเก่าและภาคนี้ มันเหมือนการได้กลับไปทำงานกับคนที่เราคุ้ยเคยอีกครั้ง การกลับไปที่นั่นชวนให้ซาบซึ้งใจอยู่นะ การกลับไปสัมผัสที่นั่นมันช่วยเติมเต็มบางอย่างให้ผม
คำถาม: ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Beetlejuice, Beetlejuice มักจะให้ความเห็นคล้ายๆ กันว่าพวกเขาสนุกกันมากกับการทำหนังเรื่องนี้ แล้วคุณล่ะครับ
ทิม เบอร์ตัน: ไอเดียเรื่องความสนุกของคนเราอาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ได้นะ ไอเดียเรื่องความสนุกของผมอาจจะแตกต่างจากคนอื่นก็ได้ แต่ผมบอกได้ว่า “ใช่ ผมสนุกนะ” ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมายาวนานเลยแหละ หลังจากทำงานในวงการนี้มาหลายปีจนกระทั่งผมหันเหความสนใจไปบ้าง หรืออาจจะไม่ได้สนใจวงการมากขนาดนั้นแล้ว แต่หนังเรื่องนี้นำผมกลับไปหาสิ่งที่ผมรักซึ่งก็คือการทำหนัง เราผลักเรื่องธุรกิจออกไปก่อนแล้วมุ่งตรงไปยังการทำหนัง เพราะฉะนั้นก็ใช่ ผมได้มีช่วงเวลาที่เป็นศิลปะ ตื่นเต้นเร้าใจ และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ถ้าเรียกว่าความสนุก ก็ใช่แหละ
คำถาม: มีส่วนไหนที่โดดเด่นออกมาหรือที่คุณชอบเป็นพิเศษบ้างไหม
ทิม เบอร์ตัน: ผมไม่มีส่วนที่ชอบเป็นพิเศษนะ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของประสบการณ์โดยรวมและคุณสมบัติความแปลกใหม่ของมันมากกว่า ผมว่านั่นแหละที่สำคัญ คือเรามักจะมีความคาดหวังที่ผูกติดอยู่กับความเป็นแฟรนไชส์ แต่ในเรื่องนี้ไม่มีความคาดหวังเลย ไม่มีแม้กระทั่งไอเดียพื้นฐานว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ ซึ่งในบางครั้งก็มีประโยชน์นะ เหมือนกับว่าคนไม่รู้จะจัดมันให้อยู่ในหมวดอะไรดี แต่ผมว่ามันจะมีความน่าตื่นเต้นที่บอกไม่ถูกเวลาคุณทำสิ่งที่ตัวคุณเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และ Beetlejuice ก็เป็นแบบนั้นมาตลอด
คำถาม: หนังของคุณทำมาเพื่อการดูบนจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ ทั้งการสร้างโลกที่กว้างขวางและรายละเอียดต่างๆ แล้วมันก็จุดประกายความน่าทึ่งและความพิศวงเหมือนกับนิทานที่เราเคยฟังเมื่อตอนเป็นเด็ก ประสบการณ์การดูหนังสำคัญต่อคุณไหมครับในตอนเด็กๆ
ทิม เบอร์ตัน: แน่นอนครับ มีโรงหนังแห่งหนึ่งในเบอร์แบงค์ [แคลิฟอร์เนีย] ชื่อโรงหนังคอร์เนลล์ เขาจะฉายหนังควบสามเรื่องในราคา 50 เซ็นต์ ผมไม่มีทางลืมประสบการณ์ครั้งแรกๆ ที่เข้าโรงหนัง ผมจำได้ว่าได้ดู Jason and the Argonauts เป็นหนังเรื่องแรกและยังคงจำได้อยู่ ประสบการณ์เหล่านั้นสามารถส่งผลต่อตัวคุณ มันส่งผลต่อตัวผมในตอนนั้น และทุกวันนี้ก็ยังส่งผลอยู่ในระดับหนึ่งนะ… เป็นเรื่องที่น่าทึ่งเลยล่ะ
คำถาม: คุณคิดว่าทำไมผู้ชมจึงควรจะได้ดู Beetlejuice, Beetlejuice รวมถึงหนังเรื่องอื่นๆ จากจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ครับ
ทิม เบอร์ตัน: เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดูเหมือนจะมีการแบ่งขั้วระหว่างภาพยนตร์กับทีวี ผู้คนตั้งคำถามว่า “แล้วอนาคตจะเป็นยังไงต่อไป” ผมว่าโชคดีนะที่เราได้เห็นว่าหนังยังคงเป็นสิ่งสำคัญ การได้เห็นภาพบนจอใหญ่… เหมือนอย่างหนังเรื่องนี้ เราสร้างมันขึ้นมาเพื่อการฉายบนจอใหญ่ เราสร้างมันมาเพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสในโรงภาพยนตร์ สร้างมาเพื่อขอบเขต ขนาด และเสียงในโรงภาพยนตร์ ดังนั้นการดูในโรงจึงสำคัญมาก โชคดีที่ว่าการแบ่งขั้วได้จางลงไปบ้างแล้ว และผู้คนก็ยังคงตระหนักว่าการดูหนังในโรงภาพยนตร์นั้นเป็นประสบการณ์ที่งดงามและสำคัญมากแค่ไหน