เปิดบ้านสุดหรูมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ของสาวเป็กกี้ ศรีธัญญา พร้อมควงสามีหนุ่ม ฐากูร มาเผยชีวิตหลังแต่งงานกว่าเดือน และอาการป่วยของสาวเป็กกี้ที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีหนิง ปณิตา และ ชมพู่ ธัณย์สิตาเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตอนนี้เป็นสามี ภรรยา กันมา 7 เดือน?

เป็กกี้ : ใช่ ตั้งแต่ธันวาคม 

จากแฟนเป็นสามี ภรรยา มันเปลี่ยนไปไหม?

ฐากูร : ก็เปลี่ยนแปลงบ้างครับ เป็นในทิศทางที่ดีขึ้น แล้วก็มีบางอย่างที่อาจจะต้องปรับแก้กัน มันก็เป็นเรื่องของชีวิตคู่

มันมีช่วงหนึ่งที่ทั้งคู่ทะเลาะกันหนักหน่วง?

เป็กกี้ : เขาเรียกว่าทะเลาะกันทุกไตรมาส 5 ปีครั้ง

ฐากูร : คบกันมาเข้าปีที่ 10 แล้วครับ

ปีแรกเรียกว่าหนักเลย?

เป็กกี้ : ก็มีทะเลาะกันเนื่องจากการทำงาน และความเข้าใจไม่ตรงกัน บางทีเราอยากให้การทำงานมันออกมาเป๊ะ  ทิ้งความกดดันไปที่เขา เขามีความเครียด มันขนาดนี้เลยเหรอ แล้วมีอยู่วันนึงเขาพูดมาว่า ถ้านี่ไม่ทำงานเลย อยู่เฉยๆที่รักยังจะรักนี่อยู่ไหม ก็เลยมีปัญหากัน นี่ก็เลยบอกว่า ถ้าเธอจะมีคุณค่าอะไรล่ะ คนเราก็ต้องมีคุณค่าด้านการทำงานสิทีนี้เลยทะเลาะกัน พอทะเลาะปุ๊บ เขาไปไหนมาสักที่ ระหว่างที่รอ เรารู้สึกว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเคลียร์กันตอนทะเลาะเขาบอกว่าไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว ทุบกีต้าร์ด้วย แล้วก็อะไรหลายๆ อย่าง เขาสติแตก

ฐากูร : ผมจำไม่ค่อยได้ แต่มีอยู่ครั้งนึงที่บ้านนี้ที่ทะเลาะกันใหญ่ๆ เลย ด้วยทัศนคติที่เขาคิดว่าเงินสำคัญมากที่สุดในชีวิตแล้ว ผมมองว่าความสุขสำคัญกว่า เงินเอามาซื้อของได้ก็จริง แต่สุดท้ายถ้าร่างกายเรามันไม่ดี เราก็จะเป็นโรคภัยเงินจะเอามาใช้อะไร

แล้ววันนั้นมันจบยังไง?

เป็กกี้ : จบด้วยการแยกกันสักพักแล้วกลับมาเคลียร์กัน ค่อยๆ คุยกันด้วยความซอฟลง

ฐากูร : ก็จบลงด้วย ต่อไปนี้ผมมุ่งหน้าทำงานให้ดี ให้มากขึ้น

แล้วล่าสุดที่บอกว่าคุณเป็กกี้งอนหนักมาก แล้วเป็นปัญหาใหญ่?

เป็กกี้ : อันนี้เรียกว่าสงครามเย็น ต้องอธิบายอย่างนี้ ตั้งแต่ 10 ปีที่คบกันคุณฐาทำงานกับเป็กตลอด แล้วก็เขาตั้งใจทำหน้าที่ของเขาอย่างดี แล้วมีอยู่วันนึงหลังแต่งงานแล้ว บ้านเสร็จแล้ว เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวแล้วมั้ง เขาก็เลยไปค้นพบงานอดิเรกอย่างนึง นั่นคือ

ฐากูร : ปั่นจักรยาน ที่เรารู้สึกว่าชอบ แล้วเราแบบมีความสุข จริงๆ ตอนแรกไปปั่นจักรยานด้วยกัน แต่ว่าด้วยแดดด้วยอะไร เขาเหมือนว่าไม่ชอบ

เป็กกี้ : เป็กเป็นอย่างนี้เวลาเขาไปทำกิจกรรมอะไร โอเคชีวิตคู่เรามีกันอยู่ 2 คน เราก็ไปทำด้วยกัน มันจะได้เป็นกิจกรรมคู่ ก็พยายามไปในทุกๆ กิจกรรมที่เขาอยากไป กิจกรรมจักรยานก็เคยไปกับเขามา ตอนนั้นไม่ชอบหรอก แต่ยินดีที่จะไป ทีนี้พอไปเขารู้สึกว่าการปั่นตรงนี้ไม่พอ อยากลงถนน เขาก็ชวนไปปั่นที่พัทยา เขาบอกว่าแดดไม่แรง ออกโมงถึง 11 โมง แล้วเรารู้สึกว่าการปั่น 1.แดดด้วย เครียดกลัวหน้าพังด้วยผู้หญิงอะ แล้วอีกประเด็นเวลารองเท้าติดเวลาเราปั่นแล้วเราหมดแรง ขึ้นเนินมันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มันไม่สามารถสลัดคีดให้หลุดได้ เราก็บอกว่าพี่ฐาช่วยด้วย 1-2 รอบแรกเขาก็ช่วยอยู่ แต่พอรอบที่ตอนเขามาช่วยเป็กเห็นสีหน้าเขามันมีความรู้สึกว่า เขาอยากสนุกของเขาแล้วเราเป็นภาระ ไม่รู้จริงไหมนะ แต่ว่าในสายตาเลยรู้สึกว่าไม่ใช่เวของเรามาแล้วเป็นภาระ กลับมากรุงเทพเป็กขายจักรยานทิ้งเลย

แต่คุณฐายังชอบอยู่ จนการปั่นจักรยานทำให้มีปัญหาชีวิตคู่?

เป็กกี้ : มีมาเรื่อยๆ มันค่อยๆ มา มีอยู่วันนึงตื่นมาตีจะฉี่แล้วห้องเป็กเป็นสีดำก็ไม่เห็นหรอกว่าอยู่หรือไม่อยู่ แต่ตื่นมาตีพี่ฐาไม่อยู่บ้าน เราตกใจ ไปไหนอะ คิดว่าไปไหนๆ แล้วข่มตาหลับตื่นมาอีกทีบ่ายโมง เปิดเฟซบุ๊กเขาดู เขาบอกว่าปั่นจักรยานเขาใหญ่ม้นสนุกและคุ้มค่ากับการมามากๆ เลยครับ

ฐากูร : ก็ไม่ได้บอกเขา ทำงานด้วยมันอาจจะลืม

เป็กกี้ : เป็กมั่นใจในตัวพี่ฐาอย่างนึง เขาไม่นอกลู่ นอกทางเรื่องผู้หญิง

ฐากูร : มันคือกีฬาที่ผมชอบจริงๆ แล้วผมเพิ่งไปชอบ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาทำอะไรเลย 1.ทำงาน 2.ทำบ้าน แต่ทีนี้มันถึงช่วงที่ผมอยากจะทำอะไรที่ผมชอบจริงๆ แล้วที่วันนั้นให้รถกองมารับก็อยู่ด้วยกัน ผมก็บอกเขาว่า พรุ่งนี้มีงานด่วนเข้ามา เธอจะรับไหม แต่ว่ามันอาจจะต้องไปรถคันอื่น

เป็กกี้ : มันเป็นช่วงเวลาช็อก อยู่ดีๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวมีรถกองมารับ

ฐากูร : วันนั้นนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกัน วันรุ่งขึ้นเธอแต่งหน้า แล้วบอกเธอ

เป็กกี้ : อ่อ พรุ่งนี้จะมีรถกองมารับนะ แล้วเรารู้สึกว่าไม่ปรึกษากันก่อนเหรอ เธอไปรถกองได้ไหม หรือว่ารถเรามี เอาคนมาขับรถไหม ไปรถเราเอง เธอจะไปไหนไมาได้พูด ก็พูดไปเลยว่าเธอไปรถกองนะ เดี๋ยวรถกองมารับ

วันนั้นน้อยใจหรือโมโห?

เป็กกี้ : รู้สึกแย่ เศร้ามาก แล้วเลือกจักรยานไม่เลือกเรา เราไปทำงานนะ เราไม่ได้ไปเที่ยวนะ

 แล้ววันที่เราเห็นเขาไปปั่นจักรยานที่เขาใหญ่เรารู้สึกยังไง?

เป็กกี้ : รู้สึกแย่นะ แต่ไม่ชวนทะเลาะ พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ว่าดวงจิตแตกคือวันที่มีรถกองมารับนี่แหละ

ความรู้สึกแบบนี้มันผ่านการเคลียร์มาหรือยัง?

เป็กกี้ : ผ่านแล้ว กำลังหาวิธีตรงกลางระหว่างกันและกัน ใจเป็กไม่ได้อยากจะห้ามฐานะว่าฐาอย่าไป เห็นเขามีความสุขเราก็ยินดีนะ แต่ในใจของเราคือ บาลานซ์หน่อย อย่าทำให้เรารู้สึกแย่เหมือนทอดทิ้งกัน ตรงนี้ทำงานนะ เอาเงินมาใช้ด้วยกัน อย่าทำแบบให้เรารู้สึกว่า เลือกทางนั้น ทิ้งเราไปเลย แบบเธอไปทำอะไรเธอก็ไป มันรู้สึกอย่างนั้น

ฐากูร : จริงๆ มันเป็นแค่แมชต์เดียว เราวางแพลนไว้แล้ว แล้ววันนั้นผมถามเขา เขาจะรับไหมงานนี้ ก็ถามก่อน 

ก่อนหน้านี้มีคุยกันไหม?

ฐากูร : ไม่ค่อยคุยกัน

เป็กกี้ : ใช้วิธีเงียบ

ฐาเองก็มีมุมน้อยใจเป็กกี้เหมือนกัน?

ฐากูร : ผมคอยซัพพอร์ตเขามาตลอด คอยช่วยเขาดูทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น วันนึงมันถึงจุดที่ชีวิตเรามันมีความสุขมากแล้ว มากจนบางทีเราเลือกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เราพอจะมี คือผมเป็นแบบนั้น

วันนี้เรากลับมาคุยกัน 100% หรือยัง หรือยังมีอะไรคาใจอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นเดือนเลยที่ไม่คุยกัน?

เป็กกี้ : ไม่รู้จะเริ่มต้นที่อะไร 1.ตรงนี้มันไม่มีใครผิด ใครถูก เพราะเขาก็อยากไปทำในสิ่งที่เขารัก เป็กก็อยากทำงานแล้วเป็กแค่กังวลเรื่องงาน กลัวไม่มีงาน กลัวเขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับงานให้เป็ก อาจจะเป็นปมของเป็กก็ได้ เพราะเป็กเองเคยไม่มีเงิน

ก็ยังเห็นใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ไม่คุยกัน ตอนนั้นฐาอึดอัดไหม?

ฐากูร : อึดอัดครับ เศร้า แต่ก็ต้องทำในสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว ก็ทำหน้าที่ในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ เขาก็ทำหน้าที่ในส่วนของเขา แต่ว่าเราไม่คุยกัน

เป็กกี้ : คุยที่จำเป็น เขาเรียกว่า คุยนะ แต่มันไม่ปกติ

ตอนนี้อยากหาทางแก้ไขปัญหาไหม?

เป็กกี้ : อยากให้มันดีกว่าเดิมแหละ สุดท้ายก็อยากให้เขามีความสุขในพื้นที่ของเขา มีความสุขในกิจกรรมที่เขาจะทำตัวเป็กเองก็ต้องหาในวันที่เขาไม่อยู่ ในวันที่ไม่มีเขาให้ตัวเองโอเค มันถึงจะโอเค

เคยมีปัญหาแล้วคิดจะเลิกกันไหม?

เป็กกี้ : ของเป็กไม่มี แต่แค่รู้สึกเหนื่อย

ฐากูร : ไม่มีครับ ไม่เคยคิดจะเลิกอยู่แล้ว แค่แบบว่าคุยกันยังไม่ค่อยลงตัวในเรื่องที่เราคุยกันนี่แหละ

เป็กกี้ : คนดูอยู่คงตลก แต่อย่าลืมนะ ชีวิตคู่น้อยนิดมหาศาลนะ

เป็กกี้ : ในวันทำงานเราไปด้วยกัน แต่อย่าลืมนะในวันทำงาน นั่งรถไปด้วยกันเป็กหลับ ไปถึงสตูเป็กลงทำงาน เขาก็ทำบัญชีส่ง ทำหน้าที่ของเขา แล้วขึ้นรถกลับมาบ้าน อาบน้ำ นอน เป็นกิจวัตรแบบนี้ เพราะเป็กเองก็เหนื่อยแล้วออกจากสตู เป็นแบบนี้ในวันทำงาน พอวันหยุดปุ๊บสมัยก่อนก็จะมีกิจกรรมไปทำนู้น ทำนี่ด้วยกัน แต่หลังจากที่เขามีกีฬาที่เขาชื่นชอบ พอวันหยุดปุ๊บ เขาก็จะหายไปเลย ทุกวันหยุด ทุกรอบ แต่เขาก็ถามนะก่อนไป ว่าเธอจะทำอะไรไหม เราก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไร อยู่บ้านแหละ ก็เข้าใจเขานะ เขาทำงานมาทั้งวีคแล้ว วันหยุดเขาคงอยากไป แต่นี่คือความรู้สึกของเป็ก เราเคยทำกิจกรรมด้วยกันมาตลอด  แล้วอยู่ดีๆ วันนึงในทุกๆ วันหยุดเขาหายไปเลย ของเป็กมันก็โหว่ ก็พยายามสู้กับตัวเองอยู่ตรงนี้

ฐากูร : ผมพยายามให้มันลงตัว ไปแค่ช่วงเช้า พอเที่ยงจบกลับมาคุณจะไปไหนไหม บางทีก็ถามก่อนว่าจะไปไหนไหมถ้าไม่ไปผมก็จะไปทำสิ่งที่ผมอยากทำนะ แต่ก็ถามก่อน

อะไรที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวของคู่เราที่ยังจับมือและไปต่อ?

ฐากูร : จริงๆ ก็ความรักที่เรามีให้กัน ถ้ามันยังมีให้กันอยู่ทุกสิ่ง ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ ถ้าเขาพูดว่าฐาเลิกปั่นจักรยานได้ไหม เขาพูดแค่นี้ ผมก็หยุดเลย

อยากบอกอะไรกันและกันไหม?

ฐากูร : วันไหนที่เธอรู้สึกว่าสิ่งที่นี่ทำแล้วไม่โอเค เธอบอกเลย พูดตรงๆ ว่าไม่ไหว

เป็กกี้ : ใครจะไปพูดได้ พูดไม่ได้หรอก เพราะถ้าพูดได้ เป็กพูดไปแล้ว เราก็เห็นว่ามันเป็นความสุขของเขา เราจะพูดได้เหรอ เราต้องไม่พูด และประเด็นสำคัญคือเขาต้องเวทให้เป็น พี่ฐาเป็นโรคแบบรักอะไรแล้วไปสุด แต่ว่าตอนนี้โอเคแล้ว ใช้เวลาปรับกันมาก่อนจะมาออกคุยแซ่บ แล้วช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้รายการคู่มาเยอะมาก แล้วมูทจากที่เราดีกลายเป็นไม่ดีเลย เราเคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วงนี้เราไม่เหลือความสวีทให้กันเลย เขาสวีทให้จักรยานตลอด ก่อนจะถึงตอนนี้พยายามบาลานซ์กันแล้ว โอเคดีขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกแบบดิ่งๆ แต่ก็พยายามจะสู้ พยายามจะเข้าใจกับมันว่านี่คือสิ่งที่เขารัก ก็ดีนะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไปกับผู้หญิงคนอื่น เขาไปเล่นกีฬาของเขา

ฐากูร : รู้สึกไม่ดีเลย ที่เขาเสียใจ แต่ว่าพยายามจะปรับให้มันโอเค 

แน่ใจนะว่าปั่นแค่จักรยานไม่มีผู้หญิง?

ฐากูร : แน่ใจครับ

เปลี่ยนโหมดคุยเรื่องบ้านบ้าง บางคนจะมองว่าเปิดบ้านมา 30 กว่าล้าน อวดรวย อยากจะบอกอะไรกับพวกเขา?

เป็กกี้ : คนมีเงินมีหลายแบบ เราเองเป็นคนไม่มีเงินที่พยายามสู้ทุกอย่าง เพื่อให้เรามีเงินและมีชีวิตในแบบที่เราจะมีบางคนมีเงินแล้วเขาอาจจะอยากมีกระท่อมเล็กๆ อยู่ในทุ่งนาก็ได้ หรือบางคนพอมีเงินแล้ว เขาอยากจะมีชีวิตอีกแบบนึง แต่นี่เป็กสู้มาแล้ว แล้วเป็กอยากมีชีวิตอย่างที่เป็กฝันคือแบบนี้ แล้วเป็กทำมันได้ เรียกผู้พิชิตแล้วเรารู้สึกดีเท่านั้นเอง

บ้านนี้ตรงห้องนอนไม่มีประตูห้องน้ำ?

เป็กกี้ : มีประตูห้องนอนประตูเดียว ถ้าอยากส่วนตัวจริงๆก็จะมีม่าน เพราะสมัยก่อนตอนที่ไม่มีแฟน เป็กไปร้องเพลงเจ้าภาพเขาจองห้องให้ อารมณ์เหมือนบังกะโลเป็นหลังๆ แล้วเป็กอยู่หลังนึง เข้าห้องไปปุ๊บ แน่นอนเราเสร็จจากงาน4-5 ทุ่ม เราถอดเสื้อผ้าแล้วนุ่งผ้าขนหนู เข้าห้องน้ำไป อาบน้ำเสร็จประตูห้องน้ำเปิดไม่ได้ ดึงยังไงก็ไม่ออก พยายามดึงพัดลมในห้องน้ำแล้วเอาหัวออกไปแล้วตะโกนว่าช่วยด้วยๆ แล้วไม่รู้ทำยังไง ถีบประตูแผลที่เท้าเลือดไหล แล้วไม่มีใครมาช่วย ต้องนอนกับผ้าขนหนูผืนนึง มีแม่บ้านไขประตูมาทำความสะอาดตอนบ่ายโมง พอมีคนเข้ามาเป็กก็บอกว่าช่วยด้วยๆ พอเขาเปิดประตูเข้ามากอดเขาแล้วลงไปนั่งกับพื้น

กี่ชั่วโมงอยู่ในนั้น?

เป็กกี้ : ก็ 4-5 ทุ่มจนถึงบ่ายโมงอีกวัน

ก็เลยกลายเป็นแพนิกแล้วกลัวที่แคบ?

เป็กกี้ : กลัวที่แคบมาก แล้วเวลาไปไหนไม่กล้าพูดกลัวโดนแกล้ง ไม่อยากให้ใครรู้จุดอ่อน เป็กมักจะติดอยู่ในห้องน้ำที่แปลกๆ อยู่เสมอ มีอยู่วันนึงไปงานปิดวิกที่วัดแล้วทุกห้องเต็มหมด แล้วมีอยู่ห้องนึงที่มันไม่มีลูกบิด เห้ย โอเค เดี๋ยวฉันขึ้นเวทีแล้ว ฉันเข้าอันนี้แหละ พอเข้าไปฉี่เสร็จมันออกไม่ได้ มันมีรูอยู่เราก็ตะโกนช่วยด้วย

ทุกวันนี้หายไหม

เป็กกี้ : ไม่หาย

บอกความในใจกันหน่อยไหม?

ฐากูร : จะบอกว่าผมไม่เคยรักใครเลยรักคุณคนเดียวเลยครับต่อไปนี้ถ้าอะไรที่มันไม่สบายใจก็จะพยายามทำให้มันดีขึ้นหาทางออกที่มันโอเคไปด้วยกันได้แล้วจับมือกันไปแบบนี้ตลอดรักเสมอ

เป็กกี้ : พี่ฐารู้ในความเป็นตัวนี่ดีว่าไม่ได้ต้องการอะไรเลยอะไรที่เธอทำแล้วมีความสุขก็เข้าใจหาตรงกลางให้เจอเพื่อเธอจะได้ทำสิ่งที่เธอรักได้ด้วยแล้วนี่ก็มีเวลาให้กับตัวเองด้วยนี่ก็อยากไปทำนู้นทำนี่เหมือนกันขอบคุณที่ซัพพอร์ตตลอดเวลาแล้วอยากจะขอโทษด้วยถ้าทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ซัพพอร์ตในสิ่งที่เธอรักก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดขอบคุณมากๆ

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์วันศุกร์เวลา13.15-14.15 ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์เป็กกี้ – ฐากูร

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ