หมวดหมู่: Action, Adventure, Thriller
เรทผู้ชม: TBC

ข้อความจากนักแสดง

เจสัน สเตแธม

“มันเป็นเรื่องของมิตรภาพ และเคมีระหว่างกันและกัน”

แอนดี้ การ์เซีย 

“คิดมาดีมาก ฉลาด แม่นยำ และมีลูกเล่นลูกชนเสมอ”

ฟิฟตี้ เซนต์

“สนุกสุด ๆ ไปเลย”

เมแกน ฟอกซ์

“การถ่ายทำหนังแอ็กชั่นเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านเลย”

ดอล์ฟ ลันด์เกรน

“ดิเอ็กซ์เพ็นเดเบิล เป็นแฟรนไชส์ที่วิเศษมาก มันจะต้องเป็นหนังที่มัน เต็มไปด้วยเซอไพร์สและความบันเทิงแน่นอน”

แรนดี้ โคตูร์

“ทุกครั้งที่ผมได้อ่านสคริปต์หนังดิเอ็กซ์เพ็นเดเบิล ผมคิดกับตัวเองทุกทีที่อ่านมันจบว่าเราจะถ่ายฉากพวกนี้ได้ยังไงวะ มันบ้ามาก แต่สุดท้ายเราก็ทำมันได้”

โทนี่ จา

“เอ็กซ์เพ็นเดเบิล 4 มีดาราหนังแอ็กชันมากหน้าหลายตา และพวกเราก็รู้ดีเกี่ยวกับการต่อสู้”

อิโก อูไวส์

“มันจะออกมาเท่และดีมากแน่นอนเมื่อเราถ่ายทำเสร็จ”

เจค็อบ ไซปิโน่

“สิ่งที่ดีมาก ๆ ในหนังเรื่องนี้คือเรามีนักแสดงมากมายที่ชำนาญการในด้านนี้ พวกเราไม่เคยหยุด เราไปข้างหน้าแบบเต็มที่ตลอด จนกว่าหนังจะเสร็จ และนั่นคือสิ่งที่คุณต้องการจาก เอ็กซ์เพ็นเดเบิล คอยดูให้ดี”

เลวี่ ทราน

 “มันจะออกมาสนุก เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันตามสไตล์เอ็กซ์เพ็นเดเบิล และให้ความรู้สึกใหม่ ๆ กับคนดู”

ข้อความจากทีมงาน

Scott Waugh – ผู้กำกับ

สิ่งที่สนุกที่สุดในการทำหนังแฟรนไชส์นี้คือการได้ทำงานกับนักแสดงสายบู๋ที่จริงจังกับงานมาก แต่ละคนจะมีจุดเด่นเป็นของตัวเองในฉากแอ็กชัน”

“เอ็กซ์เพ็นเดเบิลเป็นหนังที่คุณเข้ามาดูพร้อมกับโค้กและป็อปคอร์นและปล่อยใจสนุกไปกับความตื่นเต้น เสียงหัวเราและดราม่า ซึ่งเป็นสามสิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ในแฟรนไชส์นี้ และผมรู้สึกว่าพวกเราได้ทำให้หนังเรื่องนี้มันมีความสนุกเพิ่มขึ้น เมื่อคุณได้ทั้งหัวเราะพร้อมกับได้รู้สึกนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ร่วมอินไปกับตัวละครและเรื่องราวความรักในหนัง”

“เอ็กซ์เพ็นเดเบิลเป็นแฟรนไชส์ที่คนรัก เพราะความมีลูกเล่นลูกชนของมัน”

Kevin King – Templeton – ผู้อำนวยการสร้าง

“สดใหม่และเฉียบคม เป็นคำที่ใช้ได้กับทั้งตัวบทและตัวนักแสดง คุณต้องผลักดันให้ฉากแอ็กชันมันออกมาดีกว่าเดิม ซึ่งเราคิดว่าเราได้ทำไปแล้วกับหนังเรื่องนี้”

“หวังว่าผู้ชมจะสนุกกับมันนะ เอ็กซ์เพ็นเดเบิลเป็นหนังดูเอามัน เมื่อคุณเดินเข้าไปในโรงหนังในคืนวันเสาร์ คุณน่าจะอยากได้สิ่งที่เบนความสนใจคุณจากโลกจริง ผมหวังว่าเมื่อคุณได้ไปดูหนังเรื่องนี้ คุณจะสนุกไปกับเรื่องราวสุดระห่ำที่เราได้พยายามจะสื่อ เอ็กซ์เพ็นเดเบิลคือการหลบหนี เป็นเกี่ยวกับการไปดูแอ็กชันฮีโร่ที่ทุกคนรัก ผู้คนอยากได้อะไรสักอย่างให้ลุ้นไปด้วยได้ ซึ่งผมหวังว่าคนดูจะสมหวังในจุดนั้น มันคือความบันเทิงขั้นสุดที่จะสูบฉีดอะดรีนาลีนของคุณด้วยงานสตั้นท์ ฉากแอ็กชัน และอาหารตาชั้นยอด”

Les Weldon – ผู้อำนวยการสร้าง

“ความสำเร็จของเอ็กซ์เพ็นเดเบิลมาจากคอนเซ็ปท์ เรารวมดาราหนังบู๋ในหนังเรื่องเดียวกัน แล้วคนก็อยากดูพวกเขา”

“หัวใจและจิตวิญญาณของ เอ็กซ์เพ็นเดเบิล 4 ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดง พวกเขาทุ่มเทให้กับงานมาก ๆ”

“สิ่งที่เอ็กซ์เพ็นเดเบิลเป็น ด้วยคอนเซ็ปท์แล้วมันไม่ใช่ทั้งดราม่า ไม่ใช่ทั้งทริลเลอร์ หรือแม้กระทั่งหนังแอ็กชันเพียว ๆ แต่มันคือการรวมเอาองค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านั้นมาใส่ลงไปในหนังที่มีดาราที่คนดูอยากเห็นและใช้ใช้เวลาสองชั่วโมงร่วมกัน”

Yariv Learner – ผู้อำนวยการสร้าง

“เราตื่นเต้นกับความมันที่เราใส่เข้าไปในหนังเรื่องนี้มาก ๆ มันจะต้องออกมาเด็ดแน่นอน และเราก็ตื่นเต้นมาก ๆ เลยที่จะได้ดูมันบนจอใหญ่แล้ว”

Rob Van Norden – ผู้อำนวยการผลิต

“คุณมีความคุ้นเคยกับแฟรนไชส์ คุณมีความคุ้นเคยกับฉากแอ็กชัน แต่คุณจะพบกับช่วงเวลาที่แปลกใหม่ ที่จะทำให้คุณได้มีประสบการณ์ที่สุดยอดมาก ๆ จนคุณต้องร้อง ว้าว นั่นแหละคือช่วงเวลาที่คุณอยากให้เด่นในหนัง”

“นักแสดงเหล่านี้ได้เล่นเป็นตัวละครที่เหมือนกับว่าได้สะท้อนความเป็นตัวเองเข้าไปด้วยซึ่งผมคิดว่านี่แป็นสิ่งที่ทำให้แฟรนไชส์นี้มีเสน่ห์”

“มันถูกสร้างให้เป็นหนังที่ดูสนุก ความคุ้นเคยที่เป็นที่รู้จักดีของแฟรนไชส์นี้ก็ยังอยู่ซึ่งน่าจะตอบโจทย์คนดูได้ และการที่จะใช้ความคุ้นเคยตรงนั้นพร้อมปรับมันเล็กน้อยไปในทิศทางใหม่ ได้เห็นตัวละครเหล่านี้เติบโต ประสบความสำเร็จ และ ล้มเหลว นั่นคงจะสนุกน่าดูเลย”

Neil McClean – ออกแบบเครื่องแต่งกาย

“เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ปล่อยหนังเอ็กซ์เพ็นเดเบิลใหม่อีกครั้ง ด้วยความหวังที่จะดึงความสนใจมาจากผู้ชมกลุ่มใหม่โดยเพิ่มจากฐานแฟนคลับเดิมที่มีอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันก็สร้างตัวละครใหม่ ๆ ขึ้นมา พร้อมกับฉากแอ็กชันที่เหลือเชื่อ”

Daniela Avramova – ออกแบบทรงผมและแต่งหน้า

“มันจะต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ ๆ เลยที่จะได้เห็นตัวละครใหม่ ๆ บทที่น่าสนใจ แล้วก็ฉากแอ็กชันกับอะไรอีกหลายอย่าง มันจะต้องเป็นหนังเอ็กซ์เพ็นเดเบิลที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ”

Robbie Maddison – สตั้นท์จักรยานยนตร์ และสตันท์ของตัวละคร Lee Christmas 

“ผมเป็นสตั้นท์แมนให้เจสัน เขาสุดยอดมาก ๆ ผมทุ่มสุดตัวเพื่อที่ทำให้ตัวละครของเขาออกมาสมกับเป็นอาวุธสังหาร”

“เราได้ถ่ายฉากแอ็กชันที่สุดยอดมาก ๆ ไป ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่ยอดมาก ๆ ของหนัง”

“ผมมาเพื่อถ่ายทำฉากนี้ ซึ่งมันน่าจะเป็นอะไรที่อันตรายที่สุดในหนังเรื่องนี้เลย”

“หนึ่งในสิ่งที่ผมภูมิใจมาก ๆ คือการได้ถ่ายทำสตั้นท์จริง ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ว่าถ้าคุณได้ถ่ายทำฉากต่อสู้จริง ๆ แล้วล่ะก็คุณจะได้รับความเคารพมากกว่า และการได้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้แบบจริง ๆ ได้ยกระดับทั้งดราม่าและแอ็กชันของเรื่อง”

ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์

การเปิดกองถ่ายทำภาพยนตร์ Expendables 4 เริ่มต้นในวันที่ 29 กันยายน 2021 (ข้อมูลจาก https://collider.com/the-expendables-4-cast-release-date-plot-filming-details/)  ที่ 3 Mills สตูดิโอ ในลอนดอน

Jason Statham กลับมารับบท ลี คริสต์มาส อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ SAS เคียงข้างกับหัวหน้าของเขาอย่าง Sylvester Stallone ในบท บาร์นี 

เช่นเดียวกัน Dolph Lundgren กลับมารับบท กันเนอร์ Randy Coulture ในบท โทลโร้ด  เสริมทัพนักแสดงเก่าด้วย Andy Garcia ในบท มาร์ช 50 cent ในบท อีซี่ เดย์ Megan Fox ในบทจีน่า Tony Jaa ในบทเดชา Iko Uwais ในบท รามาด Jacop Scipio ในบท กาลาน และ Levy Tran ในบท แลช 

Scott Waugh (จาก Need for Speed) รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์จากบทของ Max Adams

อำนวยการสร้างโดย Avi Lerner, Kevin King – Templeton, Les Weldon, Yariv Lerner และ Jason Statham

ผู้อำนวยการผลิดประกอบไปด้วย Boaz Davidson, Trever Short, Jeffrey Greenstein, Jonathan Yunger, Rob Van Norden และ Michael Constable และ Abby Mills ทำหน้าที่เป็น Co-Producer 

ทีมงานด้านความคิดสร้างสรรค์ของ Scott Waugh ประกอบไปด้วย Ricky Eyres ในตำแหน่งผู้ออกแบบงานสร้าง (จาก Saving Private Ryan และ The Darkest Hour) Neil McClean(จาก Black Beauty)  เป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกาย และถ่ายภาพยนตร์โดย Tim Maurice – Jones (จาก Lock, Stock and Two Smoking Barrels และ Kick Ass 2) คัดเลือกนักแสดงโดย Elaine Grainger (จาก The Hitman’s Bodyguard และ American Assassin) 

Millenium & Lionsgate

Millenium Media

เป็นหนึ่งในบริษัททำหนังอิสระที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สตูดิโอได้ปล่อยหนัง 8-10 เรื่องต่อปี อีกทั้งยังได้บริการในด้านการพัฒนา การผลิตภาพยนตร์ การเงิน และการส่งออกระดับโลก ภาพยนตร์ของทาง Millenium ที่เป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ แฟรนไชส์ The Expendables, Olympus Has Fallen และ The Hitman’s Bodyguard 

Lionsgate

Lionsgate (www.lionsgate.com) ประกอบกิจการผลิต ซื้อ และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ 

ธุรกิจภาพยนตร์ของ Lionsgate มีความสม่ำเสมอในด้านการทำรายได้ โดยมีส่วนแบ่งในตลาดแบ่งระดับต้น ๆ ด้วยภาพยนตร์ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกกว่าหนึ่งหมื่นล้านเหรียญดอลลาร์ในช่วงตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความสัมพันธ์อันดีที่มีกับเหล่าผู้คนที่ความสามารถ แฟรนไชส์และผลงงานที่เป้นที่รู้จักกันดีที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อย ๆ รวมไปถึงผลงานที่หลากหลาย

ผู้สร้าง เจ้าของ และผู้จัดจำหน่ายของหนังชั้นยอด ประกอบไปด้วย The Hunger Games, Twilight Saga, John Wick, Now You See Me, Knives out, La La Land, Saw, Dirty Dancing และ Monster’s Ball ในบรรดาภาพยนตร์อื่น ๆ ที่ทั้งจัดจำหน่ายโดย Lionsgate และบริษัทเดิม ได้รับการเสนอเข้าชิง Academy Award ไปทั้งสิ้น 129 ครั้ง และได้ชนะออสการ์ไปทั้งสิ้น 32 ครั้ง 

เมื่อรวมกับ STARZ บริการสตรีมมิ่งระดับพรีเมี่ยมเข้ากับบริษัทภาพยนตร์และสื่อโทรทัศน์ระดับโลกแล้ว Lionsgate(NYSE: LGF.A, LGF.B) ได้นำพาความมบันเทิงที่หลากหลายและไม่เหมือนใครสู่ผู้ชมทั่วโลก ทั้งภาพยนตร์ สื่อทีวี การสมัครสมาชิก สถานที่ให้บริการด้านความบันเทิง และ ธุรกิจเกมมีจำนวนมากถึง 17,000 กิจการ นั่นทำให้ Lionsgate เป็นหนึ่งในสตูดิโอที่มีไลร์บารี่แฟรนไชส์ภาพยนตร์และสื่อทีวีที่ใหญ่ที่สุด บริษัทดิจิตอลที่ล้ำสมัยนี้ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมความเป็นู้ประกอบการและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรม แบรนด์ของ Lionsgate จึงสื่อถึงความกล้า ความสดใหม่ และความเข้าถึงง่ายสำหรับผู้ชมที่ใช้บริการทั่วโลก

Tagline 

“แด่เพื่อนที่ไม่เคยทอดทิ้งคุณ”

เรื่องย่อ แบบสั้น

ทีม Expendables ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ออกไปทำภารกิจ โดยคราวนี้ต้องบุกไปที่โรงเก็บอาวุธเคมีเก่าของ Qadhafi (กัดฮาฟี่) ในลิเบียเพื่อสกัดกั้น Suharato Rahmat(ราห์หมัด) ในปฏิบัติการลุยเดี่ยวเพื่อขโมยตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ไปให้ผู้ว่าจ้างสุดชั่วร้ายอย่าง Ocelot

Rahmat อดีตนักค้าอาวุธชาวอังกฤษพร้อมกับกองทัพของเขาได้ขโมยกระเป๋าบรรจุตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ และได้หลบหนีไปก่อนที่ทีม Expendables จะหยุดเขาไว้ได้ ถ้าหากตัวจุดชนวนไปถึงมือ Oshelot โลกจะถูกทำลาย

หลังจากความพยายามที่จะจับกุม Rahmat ล้มเหลว การตามล่าดำเนินต่อมาจนถึงเรือ Jantara (จันทารา?) ที่ที่ซึ่งการหักมุมได้เริ่มต้นขึ้น รวมถึงการเผยตัวของ Ocelot (โอซะลอท)

เรื่องย่อแบบยาว

ในหนังรวมดาวนี้ Jason Statham กลับมาอีกครั้งในบท Lee Christmas ในหนังภาคที่ 4 ของแฟรนไชส์ที่ทำเงินไปมากถึง 800 ล้านเหรียญ ทีม Expendables กลับมาคราวนี้ในฐานะผู้นำทหารรับจ้าง

ทีม Expendables กลับมาคราวนี้แข็งแกร่งกว่าเดิม ทีมงานเดิมทั้ง คริสต์มาส บาร์นี กันเนอร์ และโทลโร้ด ร่วมด้วยหน้าใหม่ มาร์ช อีซี่ เดย์ จีน่า กาลาน และ แลช

พวกเขาออกไปทำภารกิจ โดยคราวนี้ต้องบุกไปที่โรงเก็บอาวุธเคมีเก่าของ Qadhafi (กัดฮาฟี่) ในลิเบียเพื่อสกัดกั้น Suharato Rahmat ในปฏิบัติการลุยเดี่ยวเพื่อขโมยตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ไปให้ผู้ว่าจ้างสุดชั่วร้ายอย่าง Ocelot

ทีม Expendables เหินฟ้าขึ้นเครื่องบินเลื่องชื่อ Antanov ไปยังฐานลับของ NASA ใกล้ ๆ กับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของลิเบียเพื่อตามหา Rahmat หน่วยงานข่าวกรอง Five Eyes ได้ตามล่าตัวจอมก่อวินาศกรรมรายนี้มาตั้งแต่ตอนสิ้นสุดสงครามเย็น ทีมต้องจับตัวเขามาให้ได้ 

Rahmat อดีตนักค้าอาวุธชาวอังกฤษพร้อมกับกองทัพของเขาได้ขโมยกระเป๋าบรรจุตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ และได้หลบหนีไปก่อนที่ทีม Expendables จะหยุดเขาไว้ได้ ถ้าหากตัวจุดชนวนไปถึงมือ Oshelot โลกจะถูกทำลาย

ทีม Expendables กำลังจะหลบหนี จึงได้ทำการไล่ตาม ทหารรับจ้าง 7 คน ต้องเคลื่อนไหวผ่านเศษซากและระเบิดใน A1s โดยมีบาร์นีขับเครื่องบินอยู่บนฟ้า หลังสบตากับ Rahmat เพียงเสี้ยววิ การต่อสู้เต็มรูปแบบก็ได้เปิดฉากขึ้น ท่ามกลางควันดำ และซากเครื่องบินของบาร์นี  Rahmat ได้หลบนี้ไปด้วยเครื่องบินของเขาพร้อมกับตัวจุดชนวน

ภารกิจจบลงด้วยความล้มเหลว สมาชิกหนึ่งคนถอนตัวออกจากทีม ส่วนอีกคนต้องต้องก้าวขึ้นมารับความท้าทายในการนำทีมต่อ การตามล่า Rahmat ดำเนินต่อไปบนเรือ Jantara ที่ที่ซึ่งการหักมุมได้เริ่มต้นขึ้น รวมถึงการเผยตัวตนของ Ocelot 

สถานที่ถ่ายทำ

England

3 Mills สตูดิโอ ลอนดอน

3 Mills สตูดิโอ ลอนดอน ถูกใช้เป็นถ่ายทำรวมสำหรับ Expendables 4 ตลอดช่วงที่ถ่ายทำในสหราชอาณาจักร ภายในของบาร์สิงนักบิดถูกสร้างขึ้นบนสเตจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ ลีกับบาร์นีจัดการพวกสิงนักบิดเพื่อเอาแหวนของบาร์นีคืนมา ภายในของเครื่องบิน Anatov ถูกสร้างเป็นแค่โครงสร้างภายในเพื่อใช้เป็นที่ที่บาร์นีกับลีใช้ขับเครื่องบินด้วยกันในการไปทำภารกิจที่ลิเบีย

โกดังใกล้ ๆ กับ 3 Mills สตูดิโอ ถูกใช้เป็นภายนอกของบาร์สิงนักบิด ที่ที่บาร์นีกับลีมาถึงด้วยมอเตอร์ไซค์ของพวกเขา 

เมื่อทีม Expendables กลับมารวมตัวกัน พวกเขาเจอกันที่ลานบิน White Waltham ซึ่งในภาพยนตร์จะใช้สนามบินที่ใช้ในปฏิบัติการทางอากาศทั่วไปซึ่งตั้งอยู่ที่ White Waltham ในราชสำนักวินด์เซอร์และเมเดนเฮด มณฑลเบิร์กเชียร์ ซึ่งเป็นบ้านของสมาคมทหารอากาส West London (WLAC) ซึ่งเป็นหนึ่งในลานบินที่เก่าแก่งที่สุดในประเทศ

สถานที่นี้ถูกใช้ในภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เรื่องอื่น ๆ รวมไปถึง รายการทีวีของ บีบีซีด้วย

ทีม Expendables มารวมตัวกันที่ บาร์ของรัสตี้ สำหรับงานรำลึกถึงบาร์นี ฉากนี้ถ่ายทำที่โรงแรม Sheraton Skyline ใน Heathrow 

โรงแรม Sheraton Skyline ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำผลงานเรื่องอื่น ๆ มากมาย อาทิซีรีส์ The Crown และ Ted Lasso

ฉากที่คริสต์มาสต้องแสร้งทำเป็น ร.ป.พ ถูกถ่ายทำในเมือง Weybridge ที่คฤหาสน์ส่วนตัวชื่อ Weybridge House ในมณฑล Surrey 

Bulgaria

Nu-Boyana Studios, Sofia

งานออกแบบได้ใช้ทั้งพื้นที่ภายในและภายนอกของ Nu-Boyana Studios ในเมืองโซเฟีย

Nu-Boyana Studios เป็นสตูดิโอผู้ให้บริการด้านงานผลิตภาพยตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออก มันได้รับช่วงต่อมาจากสตูดิโอที่เคยถูกเป็นเจ้าของโดยรัฐบาลเบาแกเรีย ก่อตั้งในปี 1962 ในฐานะหน่วยงานหลักในการผลิตสื่อภาพยนตร์และโทรทัศน์ของประเทศ ณ ตอนนี้เป็นเจ้าของโดย Nu – Image and Millennium Films 

หลายเสตจถูกใช้ในการสร้างฉากต่าง ๆ รวมถึงภายในของเรือจันทาราในส่วนของสะพานและทางเดิน

คริสต์มาสมีฉากต่อสู้กับราห์มาดบนสะพานเชื่อมของจันทาราบนสเตจ 3 ทีม Expendables ก็ได้ใช้สะพานนี้ในการถ่ายทำฉากต่อสู้และฉากที่ต้องใส่ SFX ไปด้วย การถ่ายทำฉากขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่าของคริสต์มาสได้ใช้ทางเชื่อมในสเตจ 13 

เรือของเดชาถูกสร้าและถ่ายทำบนสเตจ 12 ที่มีฉากหลังเป็น Blue Screen ถ่ายกับเดชา คริสต์มาส และทีม Expendables บนเรือทั้งฉากก่อนและหลังเรื่องราวบนเรือจันทารา

Lake Pancharevo

ใน Expendables 4 ทะเลสาบ Pancharevo ซึ่งมีชื่อเสียงจากการเป็นที่สำหรับพายเรือในเมือง Sredets ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ต่าง ๆ เช่น ท่าเรือในประเทศไทยที่เดชาและคริสต์มาสไป ฉากดังกล่าวเกี่ยวกับคริสต์มาสตามหาเดชาเพื่อนเก่าของบาร์นี เพราะต้องการความช่วยเหลือในการตามหาตัวราห์มาดและรวมทีม Expendables ตอนแรกเดชาไม่เชื่อใจคริสต์มาสจึงได้มีการประลองศิลปะการต่อสู้กัน

ทะเลสาบ Pancharevo เป็นทะเลสาบจำลองอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 600 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างภูเขา Vitosha และ Lozensha 12 กิโลเมตรทางตอนใต้ของโซฟีย

ทะเลสาบถูกสร้างขึ้นในปี 1956 และได้ผลิตทั้งน้ำดื่ม การปลูกพืชผัก พลังงาน ด้วย Hydrohub

ทะเลสาบแห่งนี้ขึ้นชื่อด้านการเป็นสถานที่จัดแข่งพายเรือ ในปี 1968 ฐานการแข่งเรือของประเทศก้ได้ถูกสร้างขึ้นมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็ได้กลายเป็นสถานที่ฝึกซ้อมและจัดการแข่งขันการแข่งเรือ ในปี 1977 ทะเลสาบ Pancharevo ได้เป้นเจ้าภาพจัดแข่งเรือคานูชิงแชมป์โลก

Kondofery

ใน Expendables 4 Kondofery ถูกใช้เป็นฉากภายนอกรันเวย์ – โรงงานอาวุธ และ ภายนอกของตัวเครื่องบินที่ Iko และ Bok ใช้

Kondofery เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังหลายเรื่อง Kondofery ตออนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อใหม่ Sofia West Airport

Sofia West Airport ได้ควบรวมฐานบินเก่าของกองทัพซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ใช้สำพาณิชยการ ที่ดินที่ใหญ่ที่สุดคือเส้นทางแลนดิ้งขนาด 2.5 กิโลเมตร พื้นที่รวมของสนามบินนี้มีขนาดใหญ่ถึง 50,000 ตารางเมตร ตั้งแต่ปี 2012 สนามบินนี้เปิดทำการเต็มรูปแบบ Sofia West Airport คือโครงการที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ในภูมิภาคตะวันตกฉียงใต้ของเบาแกเรีย

Greece

Boyana Studios, Thessaloniki

สตูดิโอโนยาน่าในกรีซ เป็นสตูดิโอสถานที่แห่งใหม่ที่มีหลายฟังก์ชัน ลานแบ็คล็อทถูกใช้หรับสร้างเรือจันทารา ฉากเรือมีความยาว 112 เมตร และมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ถูกใช้ในการถ่ายทำฉากบนดาดฟ้าเรือจันทาราโดยกองถ่ายหลัก และกองถ่ายรอง ด้วยฉากของทีม Expendables วายร้าย Rahmet และฉากแอ็กชันใหญ่

ฉากขับรถมอเตอร์ไซค์ไล่ล่าถูกถ่ายทำด้วยสถานที่นี้เช่นเดียวกัน รวมถึงฉากกระโดดมอเตอร์ไซค์ซึ่งแสดงโดยนักขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผนชื่อดัง Robbie Maddison ที่แสดงแทนตัวละครคริสมาสต์ของเจสัน

ฉากสุดท้ายในภาพยนตร์กับคริสต์มาสและมาร์ชถูกถ่ายทำบนดาดฟ้าของเรือร่วมกับระเบิดจำนวนมาก 

Steel Factory – Sidenor Steel, Thessaloniki

ใน Expendables 4 โรงงานเหล็กถูกใช้เป็นฉากภายนอกโรงงานอาวุธ และภายในภายในห้องเครื่องของเรือจันทารา ถ่ายทำตัวละครคริสมาสต์ อีซี่เดย์ จีน่า กันเนอร์ โทวโร้ด เดชา กาลาน แลช ราห์มาท Expendables เป็นหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำในสถานที่แห่งนี้

โรงงานเหล็ก Sidenor เริ่มปฏิบัติการเมื่อปี 1962 ผลิดเหล็กนานาชนิด ในช่วงหลายปีมานี้โรงงานไม่ได้อยู่ในช่วงปฏิบัติการทำให้โรงงานว่างซึ่งทำให้ Expendables 4 สามารถใช้สถานที่ในการถ่ายทำได้ และทันทีที่ตัวหนังใช้สถานที่ในการถ่ายทำเสร็จ ตัวโรงงานจะกลับมาเริ่มปฏิบัติการอีกครั้ง

เป็นโอกาสอันดีที่ Expendables 4 ได้มาใช้ที่แห่งนี้ในการถ่ายทำ ด้วยขนาดและการออกแบบชองที่แห่งนี้ มันทำให้ภาพที่ออกมาในภาพยนตร์มีความตระการตา

สถานที่แห่งนี้ถูกใช้ในการถ่ายทำฉากโรงงานอาวุธในลิเบีย ในตอนเริ่มต้นของภาพยนตร์เมื่อ ราห์เมตขโมยตัวจุดชนวนระเบิดไปและทีม Expendables ต้องออกเดินทางไล่ล่าด้วยยานพาหนะทางการทหารในการหยุดยั้งราห์มาต  

สถานที่นี้ถูกใช้โดยกองถ่ายหลักและกองถ่ายย่อยในการถ่ายทำนักแสดงและฉากแอ็กชันใหญ่

Expendables 4 จะเป็นโปรดักชันหนังเรื่องเดียวที่ได้ถ่ายทำในที่แห่งนี้ และด้วยการที่โรงงานเหล็กจะกลับมาทำการอีกครั้ง ทำให้คงไม่มีโอกาสให้หนังเรื่องอื่นได้มาใช้สถานที่นี้ได้อีกในเร็ว ๆ นี้

โรงงานนี้ถูกสร้าเมื่อปี 1963 โดยบริษัท Republic Steel Co (บริษัทสัญชาติอเมริกัน) ภายใต้ชื่อ Hellenic Steel การก่อสร้างเริ่มในปี 1966 

โรงงานนี้ได้เปลี่ยนแผ่นเหล็กดิบซึ่งส่วนมากเป็นทรงกระบอกขนาดใหญ่ให้เป็นแผ่นบาง ๆ โดยเหล็กแผ่นเหล่านี้จะถูกเคลือบด้วยสังกะสีหรือดีบุกซึ่งต่อมาจะถูกขึ้นรูปเป็นกระป๋อง แต่ก็จะถูกใช้ในการสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทได้แก่ แผ่นเหล็กขาว แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี และแผ่นเหล็กเคลือบด้วยดีบุก 

ในปี 1997 ผู้ถือหุ้นในบริษัทได้แก่กลุ่ม ILVA/RIVA จากอิตาลี บริษัท ITOCHU และ USIONOR จากญี่ปุ่น บริษัท Kloeckner จากเยอรมัน และ 2 บริษัทจากกรีกอย่าง ETVA และ ETEVA (หรือก็คือธนาคารที่มีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมนั่นเอง) 

ตัวโรงงานสามารถผลิตเหล็กได้ถึง 700,000 ตัน

ในปี 2010 บริษัทอิตาลีได้ถือหุ้นส่วนใหญ่ไว้

ในปี 2012  บริษัทได้ประกาศว่ามันกำลังปิดโรงงานในอิตาลี ฝรั่งเศส กรีซ และตูนิส เนื่องด้วยปัญหาด้านกฎหมายในอิตาลีเรื่องมลภาวะจากโรงงานในเมือง Taras ในอิตาลี

ในปี 2015 โรงงานได้หยุดการผลิดและการใส่ของเหลวในกระบวนการ 

ในปี 2019 Hellenic Steel Acquisition Co. บริษัทย่อยของ Jordan International ได้เข้าซื้อกิจการโรงงานและวางแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี 2022 

Imperio Agro Factory, Sindos Town, Thessaloniki 

ใน Expendables 4 โรงงาน Agro ถูกใช้ในฉากเปิดเรื่องร่วมกับตัวละคร ราห์มาทและบค

สถานที่ถูกใช้ในการถ่ายทำโดยกองถ่ายย่อย สำหรับฉากด้านนอกของโรงงานในลิเบีย

พื้นที่ของ Imperio Argo ไม่ได้ถูกใช้มานานกว่าสิบปีแล้ว สถานที่นี้ได้รับการดูแลโดย Venus Eurofreight (เครือข่ายบริการด้านขนส่ง Venus Eurofreight SA)

ประวัตินักแสดง

Jason Statham

Jason Statham เป็นดาราระดับโลกผู้เป็นที่รู้จักจากหนังแอ็คชันสุดระห่ำ มีหนังที่มีรายได้รวมมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ ด้วยผลงานชื่อดังอย่างฟาสแอนด์ฟีเรียส ฮอพแอนด์ชอว์ และเดอะเม็ก Statham ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Critic Choice จากผลงานหนังเรื่อง Spy โดยผู้กำกับ Paul Feig ที่เขาได้แสดงคู่กับ Melissa McCarthy

เกิดใน Sydenham ประเทศอังกฤษ เขาได้เป็นสมาชิกชั้นนำของทีมดำน้ำระดับประเทศของอังกฤษ และอันดับ 12 ของโลก ในขณะที่เขากำลังฝึกซ้อมที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติคริสันพลาเลสในลอนดอน ทีมงานภาพยนต์และช่างภาพได้เข้ามาโน้มน้าวเขาให้ผันตัวมาเป็นนักแสดง

ในท้ายที่สุดเขาก็ได้เจอผู้กำกับ Guy Ritchie ผู้ได้คัดตัวเขาให้ไปแสดงในบทแรกในชีวิต เบคอน ในหนังเรื่อง Lock, Stock, and Two Smoking Barrels เจสันร่วมงานกับกายอีกในหนังเรื่อง Snatch แสดงเป็นคู่ปรับกับ Brad Pitt และ Benicio Del Toro และเร็วนี้ก็ได้แสดงในหนังอาชญากรรม Wrath of Men ของกายเช่นกัน จากนั้นผู้กำกับการแสดงชาวฝรั่งเศส Luc Besson ไว้ใจให้เจสันได้เล่นบทนำ Frank Martin ในหนังเรื่อง The Transporter หลังจากนั้นเขาได้ไปเล่นหนังรีเมคอย่าง Italian Job, Crank, Crank 2, Transporter 2 และ 3 ผลงานเรื่องอื่น ๆ ของเจสันประกอบด้วย The Bank Job ของ Roger Donaldson ซึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างมาก Death Race, The Expendables 1 2 และ 3 ของ Sylvester Stallone, The Mechanic, Blitz, Killer Elite, Safe ของ Boaz Yakin, Parker ร่วมกับ Jennifer Lopez กำกับโดย Taylor Hackford, Homefront, Wildcard และผลงานเรื่องแรกผู้กำกับ Steven Knight เรื่อง Hummingbird ในปี 2015 เขาได้ร่วมแสดงในแฟรนไชส์หนังที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในบท Deckard Shaw ในฟาส 7 

หนังเรื่องต่อไปของเจสัน ได้แก่ Operation Fortune กำกับโดย Guy Ritchie แสดงร่วมกับ Hugh Grant 

Sylvester Stallone

ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ได้เป็นที่จดจำระดับโลกในฐานะนักแสดง คนเขียนและผู้กำกับตั้งแต่เขาเล่นบทนำในหนังที่เขาเขียนบทเองใน Rocky ซึ่งชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์ในปี 1976

นับจากนั้นเป็นต้นมา Rocky ได้กลายเป็นแฟรนไชส์ที่หนังภาคต่อถึง 5 เรื่อง และในปี 2006 Stallone ได้จบแฟรนไชส์ด้วยหนัง Rocky Balboa ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งฝั่งคนดูและนักวิจารณ์ ทำให้ทั้ง Stallone และตัวละคร Rocky กลายเป็นสัญลักษณ์ทางภาพยนตร์ที่ทุกคนรู้จัก นอกจากนี้เพื่อเป็นอนุสรสถานแด่ตัวละครที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคนดูหนังรูปปั้นของ Rocky Balboa ได้ถูกจัดตั้งที่บันไดทางขึ้นพิพิธภัณฑ์ศิลปะในฟิลาเดเฟียพร้อมพิธีการส่งมอบโดยนายกเทศมนตรี

ในปี 2015 40 ปีหลังจากภาคแรก Stallone ก็กลับมารับบท Rocky อีกครั้งในหนังเรื่อง Creed ของผู้กำกับ Ryan Coogler แสดงร่วมกับ Michael B. Jordan ซึ่งการแสดงของเขาก็ได้ทำให้ในปีนั้นเขาได้รับ การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมทั้งจากเวที ออสการ์ Golden Globe, National Board of Review และ Critic’s Choice รวมทั้งรางวัลอื่น ๆ มากมาย ยิ่งตอกย้ำความเป็นที่รักของ Stallone ในหมู่นักแสดงในรุ่นของเขา หลังจาก Creed ได้ฉายไป Stallone ได้กลายเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่มีหนังเปิดตัวอันดับหนึ่งตลอดช่วง 5 ทศวรรษ ภาคต่อ Creed II ก็จะถ่ายทำที่สถานที่ในฟิลาเดเฟียเช่นกัน

ต่อจากนั้น เมื่อไม่นานมานี้ Stallone ได้ใช้เวลาสองปีในการตัดต่อ Rock IV ใหม่เพื่อสร้าง Rocky IV: Rocky vs. Drago ด้วยตัวเอง หนังฉบับดังกล่าวมีแพลนว่าจะฉายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 

Stallone กำกับและแสดงนำใน Rambo ซึ่งได้กลายเป็นมหากาพย์ทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนามของ Jon Rambo 25 ปีหลังจากที่ Rambo: First Blood เปิดตัว ในหนังภาคนั้น Stallone ได้พาบริษัทของเขาไปถ่ายมำในป่าที่พม่าร่วมไปกับการสร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าดึงดูดในประเทศที่อาชญากรรมต่อมนุษย์และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้เกิดขึ้นมานานกว่า 60 ปี และไม่มีใครทำอะไรกับปัญหานี้ สำหรับ Rambo Last Blood ตัววละครต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองและขุดทักษะของเขาในการล้างแค้นในภารกิจสุดท้ายของตัวเอง

Stallone ได้สร้างและปล่อยอีกหนึ่งผลงานแอ็คชันทริลเลอร์ The Expendables  ซึ่งเขาเขียนบท กำกับและแสดงนำ และยังได้จ้างนักแสดงชื่อดัง อาทิ Jason Statham, Mickey Rourke, Jet Li, Eric Roberts, Dolph Lungren, และ Steve Austin ร่วมด้วย Bruce Willis และ Arnold Schwarzenegger โดยหนังเปิดตัวเป็นอันดับ 1 ใน Box Office ทำให้ Stallone ได้กลายเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่มีหนังเปิดตัวอันดับหนึ่งตลอดช่วง 5 ทศวรรษ Stallone ได้พากองถ่ายไปภายในของบราซิลและถนนในตัวเมืองของนิวออร์ลีนส์ ด้วยเวลาถ่ายทำเพียง 2-3 เดือน The Expendables ได้ขยายต่อความสำเร็จของ Stallone อีกครั้งด้วยการที่หนังภาค 2 ได้นำ Liam Hemsworth มาเข้าร่วมทีม และหนังภาค 3 ได้นำนักแสดงมากความสามารถอาทิ Mel Gibson, Harrison Ford และ Kelsey Grammar มาร่วม

เกิดในนิวยอร์ก Stallone เข้าเรียนในโรงเรียนแถบชานเมืองของฟิลาเดเฟียที่ที่เขาได้เริ่มต้นการแสดงและได้เป้นนักฟุตบอล เขาได้ใช้เวลาสองปีศึกษาวิทยาลัยในเมืองเจนีวา ประเทศ สวิสเซอแลนด์ 

เมื่อกลับมาที่อเมริกาเขาได้เข้าศึกษาเอกการละครในมหาวิทยาลัยไมอามีและได้เริ่มต้นเขียนบท Stallone ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางตามเส้นทางนักแสดงแบบจริงจังในนิวยอร์กซิตี้แต่ก็ต้องพบกับความยากลำบากในช่วงแรก ในปี 1973 Stallone ได้ออดิชันให้กับเกือบทุกเอเจ้นท์ในนิวยอร์ก ได้รับการเรียกตัวไปมากกว่าพันครั้งแต่ก็ต้องผิดหวัง ในระหว่างนั้นเขาได้หันมาให้ความสำคัญกับการเขียนบทมากขึ้น เขาได้เขียนบทมากมายระหว่างที่รอแจ้งเกิดในงานแสดง และโอกาสแรกก็มาถึงในปี 1974 เมื่อเขาได้รับแคสไปแสดงนำในหนังเรื่อง The Lords of Flatbush 

เขาได้รับเครดิตแรกฐานะนักเขียนในหนังเรื่องนี้เช่นกันจากการเขียน บทพูดเพิ่มเติม

ด้วยเงินที่ได้จากหนังเรื่องนั้น Stallone ออกจากนิวยอร์กเพื่อไปยัง Hollywood เป็นอีกครั้งที่เขาต้องตระเวนไปคสหนังกับสตูดิโอและเอเจ้นท์ต่าง ๆ มากมายแต่ก็สมหวังแค่เล็กน้อยด้วยบทเล็ก ๆ ในทีวีและหนัง เขามุ่งมั่นในด้านงานเขียนต่อ

นักสู้ Rocky Balboa ได้ถือกำเนิดขึ้นจากบทที่ Stallone ได้เขียนมาอย่างยาวนานซึ่ง Stallone ยืนกรานที่จะเล่นบทนั้นเอง

แม้ว่าจะมีเงินในบัญชีแค่ 100 เหรียญ Stallone ก็สามารถต่อยอดจากเงินก้อนนั้นได้อย่างงดงาม 

เพิ่มเติมจากการแสดงในบท ร็อกกี้และแรมโบ้ Stallone มีเครดิตในฐานะ นักแสดง นักเขียนและผู้กำกับใน แรมโบ้ 2 และ Paradise Alley ในฐานะนักแสดงและผู้ร่วมเขียนบท Stallone ถ่ายหนังเรื่อง F.I.S.T, First Blood, Rambo: First Blood Part II, Rhinestone และ แรมโบ้ 3 เขาร่วมเขียนบท กำกับและอำนวยการสร้าง Staying Alive และแสดงใน Nighthawks, Victory, Tango & Cash และ Lock Up ร็อกกี้ 5 แสดงและเขียนบทโดย Stallone กำกับโดย John Avildsen เปิดตัวในปี 1990 เขายังได้แสดงใน Demolition Man ซึ่งได้ทำสถิติใน box office ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1993 และแสดงใน The Specialist, Assassin และ Daylight

 Stallone แสดงในบทบาทที่ท้าทายและพิเศษอย่าง Freddy Heflin ในหนังของค่าย Miramax เรื่อง Copland ซึ่งทำให้เขายิ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักวิจารณ์และคนดูมากขึ้นไปอีก

เขาได้แสดงนำใน Get Carter ของ Warner Brothhers ร่วมกับ Micheal Caine เปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปี 2000 Stallone เขียนบทและแสดงนำในหนังทริลเลอร์แข่งรถที่ทำรายได้อันดับหนึ่ง Driven โดยแสดงร่วม Burt Reynolds และ Christian de la Fuente นอกจากนั้นเขาได้แสดงหนัง Avenging Angelo ร่วมกับ Madeline Stowe ทั้งสองเรื่องเป็นของ Warner Brothers เขาแสดง The Toymaker ให้กับผู้กำกับ Robert Rodriguez ในหนัง Spy Kids 3 หนังภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จ

เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับ The Contender ซีรีส์แอ็คชั่นไม่มีสคริปท์ที่ฉายช่อง NBC และ ESPN 

ในปี 2002 Stallone ได้รับเกียรติจากองค์กร Video Dealers Software Association โดยเขาได้รับรางวัล ดาราแอ็คชันแห่งยุค ที่งานประจำปีครั้งที่ 21 ขององค์กร

นอกจากนี้อิทธิพลและความเป็นที่ชื่นชมของ Stallone ก็ได้ส่งไปทั่วโลก ในปี 2008 งานเทศกาลหนังซูริคได้ให้รางวัล Inaugural Golden Icon แก่เขาจากความสำเร็จในฐานะนักแสดงแลพผู้กำกับชาวอเมริกันที่มีความสามารถ เช่นเดียวกันในปี 2009 เทศกาลหนังเมืองเวนิสให้รางวัล Glory to the Filmaker แก่เขา  

 จากการฉายหนัง The Expendables ทำให้ Stallone ได้รับเกียรติที่งาน Spike TV’s Guy’s Choice Award ด้วยรางวัล GuyCon ซึ่งเขาได้รับมอบจากผู้ว่าการรัฐ Arnold Schwarzenegger เขาได้รับเกียรติที่เทศกาลหนังลอสแองเจิลลิสในปี 2010 ในฐานะแขกผู้มีเกียรติและได้รับรางวัลผู้มีวิสัยทัศน์จากงาน Key Arts ในปี 2010 ที่จัดโดย The Hollywood Reporter ที่งานคอมมิคคอน 2010 เขาเป็นคนแรกที่ได้รับการบรรจุเข้าไปใน Action Hero Hall of Frame ของ IGN

The Expendables 2 เปิดตัวด้วยรายได้อันดับ 1 ใน box office ถ่ายทำในสถานที่จริงใน Bulgaria Stallone เขียนบทและแสดงในหนังร่วมกับ Arnold Schwarzenegger, Bruce Willis, Jason Statham และนักแสดงจากหนังภาคแรก Liam Hemsworth, Jean-Claude Van Damme และ Chuck Norris ก็ร่วมแสดงด้วย

Stallone ปรากฏตัวในหนัง Bullet to the Head ของผู้กำกับ Walter Hill ให้ค่าย Warner Bros. หนัง Escape Plan เขาแดงร่วมกับ Arnold Schwarzenegger ให้ค่าย Summit Pictures และเขาแสดงร่วมกับ Robert DeNiro ในหนังของค่าย Warner Bros. เรื่อง Grudge Match เขาแสดงใน The Expendables 3 ร่วมกับนักแสดงจากภาคแรกหลายคน โดยมีนักแสดงเพิ่มเติมได้แก่ Mel Gibson, Harrison Ford และ Antonio Bandaras หนังภาคนี้ยังคงถ่ายทำที่สถานที่จริงใน Bulgaria 

Stallone ได้มีบทบามที่สำคัญในหนัง Guardian of the Galaxy 2 ซึ่งเขาจะกลับมารับบทนั้นอีกครั้งในปี 2021 ต่อมาเขาได้ทำ Escape Plan 2 และ 3 

ในเดือนมีนาคม 2014 ละครเวทีร็อกกี้ในจัดแสดงที่ The Winter Garden ในบอร์ดเวย์ มิลซิคคัลนี้อิงจากหนังร็อกกี้ภาคแรกที่เขียนบทโดย Stallone ได้ทำให้ Andy Carl นักแสดงที่รับบทในเวอร์ชันละครเวทีนั้นชนะรางวัลโทนี่ไป

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Stallone ได้เสร็จสิ้นการถ่ายทำ Samaritan ของค่าย MGM ที่จับมือกับ Universal Studio ที่จะฉายในปี 2022 และไม่นานมานี้เขาไปโผล่ในบท King Shark ในหนัง The Suicide Squad ของผู้กำกับ James Gunn จากค่าย Warner Bros. และในขณะนี้เขากำลังถ่ายทำในหนังของเจมส์ กันเช่นเดียวกัน เรื่อง Guardians of the Galaxy 3

Stallone สร้าง Balboa บริษัททำหนังของตัวเองซึ่งได้สร้างและจัดจำหน่ายหนังและทีวีโชว์มากมายรวมถึงหนังชีวประวัตินักมวยชื่อดัง Joe Jackson และโปรเจกต์ที่ประกาศไปแล้วว่าจะร่วมกับ A&E

นอกจากนี้ อาชีพในวงการอันยาวนาน Stallone ได้ประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินทั้งงานวาดบนผ้าและงานปั้น เขามีงานนิทรรศการศิลปะในบราซิล ภิพิธพันธ์ในรัสเซีย และเร็วนี้ในภิพิธภันฑ์ในเมืองนีซประเทษฝรั่งเศส 

Andy Garcia

Andy Garcia ได้กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงชั้นนำของฮอลลีวู้ดมาหลายทศวรรษแล้ว Andy เพิ่งถ่ายทำส่วนที่เหลือของหนัง Father of the Bride ซึ่งเขาเป็นจุดศูนย์กลางของหนังและเป็นผู้อำนวยการสร้างให้ Warner Bros. เขาจะมีผลงานเรื่องใหม่ในหนังของ Brian Petsos เรื่อง Big Gold Brick, เรื่อง Words on Bathroom Walls กำกับ โดย Thor Freudenthal และหนังเรื่อง Redemption Day ของผู้กำกับ Hicham Hajji ในด้านทีวี Andy แสดงใน Rebel ทางช่อง ABC และ ซีรีย์ของ Amazon เรื่อง Modern Love ที่อิงจาก Podcast ชื่อดังของ NPR ในชื่อเดียวกัน

เขาจะปรากฏตัวอีกครั้งร่วมกับ Sly Stallone และ Jason Statham ในหนังภาคที่ 4 ของแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง The Expendables

ภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ของก็เขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่าง Mama Mia: Here We Go Again และ Book Club การ์เซียได้แสดงร่วมกับ Clint Eastwood และ Bradley Cooper ในหนังเรื่อง The Mule นอกจากนั้นเขายังได้ร่วมแสดงในหนังของ HBO เรื่อง My Dinner with Herve ในบท Ricardo Montalban และในหนังทริลเลอร์ล้างแค้นเรื่อง Bent ของผู้กำกับ Bobby Moresco

หนังเรื่องอื่น ๆ ที่เสร็จสิ้นไปแล้วประกอบด้วย GeoStorm, True Memories of an International Assassin ร่วมกับ Kevin James หนังรีเมคของค่าย Columbia เรื่อง Ghostbusters เขายังได้ร่วมแสดงในซีรีย์ของ HBO เรื่อง Ballers ร่วมกับ Dwayne Johnson และหนังคำวิจารณ์ดีเรื่อง City Island

Garcia ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และ Golden Globe ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากการแสดงในหนัง The Godfather: Part III ของผู้กำกับ Francis Ford Coppola ในปี 1990 ต่อมาเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy และ ลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่ 2 จากการแสดงเป็น Arturo Sandoval นักทรัมเป็ตชื่อดังของคิวบาในหนังชีวประวัติของ HBO ในปี 2000 เรื่อง For Love or Country: The Arturo Sandoval Story ในฐานะผู้อำนวยการผลิตโทรทัศน์ Garcia ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Emmy ในสาขาภาพยนตร์ที่ฉายทางทีวียอดเยี่ยม ตัวหนังยังได้เข้ายิงรางวัล Golden Globe ในสาขา มินิซีรีย์หรือหนังเพื่อฉายในทีวียอดเยี่ยมอีกด้วย เพิ่มเติมจากนั้น Garcia ได้ผลิตดนตรีประกอบภาพยนตร์และเพลงประกอบชนะรางวัล Emmy ให้กับดนตรีของ Arturo Sandoval หนังชนะรางวัล ALMA 2 สาขาได้แก่ มินิซีรีย์หรือหนังเพื่อฉายในทีวียอดเยี่ยม และ นักแสดงเชื่อสายละตินยอดเยี่ยมในมินิซีรีย์หรือหนังเพื่อฉายในทีวี

ที่ CineSon บริษัทโปรดักชันของ Garcia เขามีผลงานกำกับเรื่องแรกในภาพยนตร์สารคดีคอนเสิร์ตเรื่อง Cachao…ComoSu Ritmo No Hay เขายังได้กำกับ อำนวยการสร้าง ทำเพลงประกอบ และแสดงใน The Lost City ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัล imagine 2 สาขาได้แก่ ผู้กำกับยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Alma ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม  

Curtis “50 CENT” Jackson

50 Cent หรือ เคอร์ติส เจมส์ แจ็กสัน ที่ 3 เป็นแร็ปเปอร์ที่ชนะรางวัล นักธุรกิจ นักแสดง และโปรดิวเซอร์ จาก Queen, New York เป็นที่จดจำในฐานะศิลปินมากความสามารถและมีผลงานมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ ผู้ชนะรางวัล Grammy คนนี้มีชื่อเสียงจากอัลบั้มที่ทำลายสถิติมากมายของเขาในชื่อ Get Rich or Die Tryin’ ซึ่งมียอดขายไปมากกว่า 30 ล้านอัลบั้มทั่วโลก และได้รับรางวัลมากมายจากหลายเวทีชื่อดัง Jackson ได้ใช้พลังดาราของเขาได้การก้าวสู่เส้นทางที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักธุรกิจ นักแสดง และโปรดิวเซอร์ จากการที่ Get Rich or Die Tryin’ เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ทำยอดขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สู่การสร้างหนึ่งในข้อตกลงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในแวดวง Hip-Hop ด้วยการขายน้ำวิตามิน Jackson ทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันเขามีซีรีย์ที่มียอดคนดูมากสุดในช่อง Starz เรื่อง Power นอกจากนั้นในปี 2020 Jackson ได้รับการติดดาวที่ Hollywood Walk of Fame และได้รับรางวัล NAACP ในสาขาผู้กำกับในซีรีย์ดราม่ายอดเยี่ยม

 Jackson ได้มีอาชีพในด้านทีวีและภาพยนตร์ที่มาแรงทั้งในฐานะโปรดิวเซอร์และนักแสดง ในปี 2005 เขาก่อตั้ง G-Unit Film & Television Inc. ซึ่งได้สร้างผลงานที่หลากหลายในแพล็ตฟอร์มมากมายและขายโชว์มากมายให้หลายเน็ตเวิร์ค หนึ่งในผลงานเหล่านั้นก็คือโชว์อันดับ 1 ที่มีคำวิจารณ์ดีบน Starz เรื่อง Power ซึ่งเขาไม่เพียงร่วมแสดงแต่ยังทำหน้าที่อำนวยการผลิตและผู้กำกับด้วย ในปี 2018 บริษัท G-Unit Film & Television Inc. ของ Jackson และ Starz/Lionsgate ได้ทำข้อตกลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การร่วมงานนี้นับว่าเป็นหนึ่งในดีลที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้อำนวยการผลิตรายการโทรทัศน์ระดีบพรีเมี่ยมโดยจะให้ความสนใจไปที่การขยายจักรวาลซีรีย์ Power โดยเมื่อไม่นานมานี้ซีรีย์ภาคแยกเรื่อง Power Book II: Ghost, Power Book III: Raising Kanan และ Power Book IV: Force บริษัท G-Unit Film & Television เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งปล่อยซีซันที่ 2 ของซีรีย์ยอดฮิตทางช่อง ABC เรื่อง For Life และกำลังสร้างซีรีย์ที่กำลังเป็นที่จับตามองเรื่อง Black Mafia Family ให้ Starz และ G-Unit ก็ได้พัฒนาบทของซีรีย์ Family Affair ของช่อง ABC เรื่อง The 50th Law ให้ Netflix เรื่อง Angel’s Playbook และ Moment in Time และ The Case of Cyntoia Brown ให้ Starz มันถูกประกาศในปี 2021 ว่า ซีรีย์ Confession of a Crime Queen จะเปิดตัวที่ Discovery+ และ Let Me Hear a Rhyme ที่ Peacock ทางบริษัทยังคงสร้างรายการผลงานในอนาคต เริ่มจากสัญญาทำหนังสยองขวัญ 3 เรื่องร่วมกับ Eli Roth และ 3BlackDot

เครดิตนอกเหนือจากนั้นได้แก่ รายการวาไรตี้ 50 Central บน BET และ The Oath บน Sony Crackle ซึ่งเป็นผลงานซีรีย์ออริจินอลที่มียอดคนดูสูงสุดของค่าย เส้นทางอาชีพในวงการภาพยนตร์ของ Jackson ประกอบด้วยงานแสดงในหนังฟอร์มยักษ์มากมาย ล่าสุดกับ Den of Thieves แสดงร่วมกับ Gerard Butler ซึ่ง Jackson ได้เซ็นสัญญาอำนวยการสร้างภาคต่อร่วมกับ Gerard Butler แจ็คสันยังได้มีผลงงานแสดงในหนังดราม่านักมวยของผู้กำกับ Antoine Fuqua เรื่อง Southpaw ร่วมกับ Jake Gyllenhaal และเรื่อง Spy กับ Melissa McCarthy และได้กลับมารับบทเดิมใน Escape Plan 3 อีกด้วย ในเดือนเมษาปี 2021 ได้มีการประกาศว่า Jackson จะมาแสดงนำในอำนวยการสร้างในหนังเรื่อง Free Agents ให้ Lionsgate

นักธุรกิจที่เก่งกาจคนนี้รับหน้าที่เป็น CEO ของ G-Unit Records ซึ่งเขาก่อตั้งเมื่อปี 2003 และนับแต่นั้นมาได้เซ็นสัญญากับศิลปินชื่อดังมากมาย Jackson ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในผลงานที่เพิ่งปล่อยไปชื่อ The Woo ซึ่งไปไกลถึงอันดับ 11 ใน Billboard Hot 100 Charts

Jackson ได้ขยายแบรนด์ของเขาอย่างต่อเนื่องซึ่งได้นำมาซึ่งธุรกิจมากมายรวมทั้ง Sire Spirits ซึ่ง Jackson ได้จัดตั้งในปี 2016 บริษัทไวน์และเครื่องดื่มสุดหรูเป็นเจ้าของแชมเปญ Le Chemin du Roi และ Branson Cognac ในเดือนเมษา 2020 Jackson ได้ปล่อยผลงานหนังสือขายดีของนิวยอร์ตไทม์ชื่อ Hustle Harder, Hustle Smarter 

Megan Fox

Megan กำลังมีผลงานทริลเลอร์คอนเซ็ปท์ล้ำเรื่อง Till Death จากค่าย Millennium Media ซึ่งเปิดตัวเป็นอันดับ 2 บน iTunes VOD charts และได้รับ certified fresh บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes เมแกนเพิ่งถ่ายทำหนังทริลเลอร์ของ Netflix เรื่อง Night Teeth เสร็จไปซึ่งเธอแสดงร่วมกับ Alexander Ludwig, Debby Ryan, Jorge Lendeborg Jr, Alfie Allen และ Sydney Sweeney ซึ่งจะเปิดตัวทั่วโลกวันที่ 20 เดือนตุลาคม และเร็ว ๆ นี้เธอจะมีผลงานเรื่อง Big Gold Brick ของ Samuel Goldwyn จากผู้อำนวยการผลิต Oscar Issac และ Kristen Wig ในหนัง Megan เล่นเป็นฝ่ายตรงข้ามของ Oscar Issac, Andy Garcia, Emory Cohen และ Lucy Hale ไม่นานมานี้ Megan ยังได้แสดงกับ James Franco ในหนังอินดี้เรื่อง Zeroville ซึ่งเวอร์ชันดัดแปลงจากนิยายของ Steve Erickson ของ Franco เป็นเรื่องเกี่ยวกับเบื้องหลังของวงการฮอลลีวูดในปี 1960 Franco กำกับและแสดงร่วมกับ Seth Rogan, Danny McBride และ Craig Robinson รวมถึง Will Farrell และ Jacki Weaver

Megan ยังมีผลงานที่สามารถรับชมได้ตอนนี้กับหนังตลกครอบครัวเรื่อง Think Like a Dog แสดงร่วมกับ Josh Duhamel กำกับโดย Gil Junger และอำนวยการสร้าโดย Andrew Lazar เมแกนมีผลงานหนังอินดี้เรื่อง Above the Shadows นำแสดงโดย Olivia Thirlby, Alan Ritchson และ Jim Gaffigan ของผู้กำกับ Claudia Myers เมแกนได้มีผลงานทีวีสารคดีให้เป็นที่รับชมทั่วโลกทางช่อง Discovery และรายการท่องเที่ยวชื่อว่า Legends of the Lost with Megan Fox ซึ่งเธอร่วมสร้าง อำนวยการผลิต และเป็นพิธีกร Megan ยังได้แสดงกับ Zoe Deschanel ในซีซัน 6 ของซีรีย์คำวิจารณ์ดีเรื่อง New Girl ซึ่งเล่นเป็น Regan บทเดิมที่เธอเคยเล่นในซีซัน 5

Megan แสดงเป็นฮีโร่หญิงชื่อดังจากหนังสือการ์ตื่น April O’Neil ใน Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows ของ Paramount หนังเปิดตัวอันดับ 1 ใน box office ด้วยจำนวนเงิน 224 ล้านเหรียญ หนังภาคแรกเปิดตัว 65.5 ล้านในอเมริกา และเป็นอันดับหนึ่ง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ตอนนี้ TMTN ได้ทำเงินไปแล้วกว่า 493 ล้านเหรียญทั่วโลก TMTN คือหนังที่เปิดตัวสูงสุดอันดับ 4 ในเดือนสิงหาตลอดกาล หนังเรื่องนี้ยังได้เปิดตัวอันดับ 1 ใน 17 ประเทศในตลาดในสัปดาห์เปิดตัว

Megan ได้แสดงเป็น Judd Apatow ในหนัง This is 40 ของค่าย Universal Pictures ร่วมกับ Paul Rudd, Jason Segal, Chris O’Dowd, Melissa McCarthy และ Leslie Mann และเล่นหนัง Friends with Kids ร่วมกับ John Hamm, Adam Scott, Kristin Wiig และ Jennifer Westfeldt และเธอยังได้บทรับเชิญเล็ก ๆ สุดฮาในหนัง The Dictator กับ Sasha Baron Cohen ของ Paramount Pictures

 ในปี 2010 เมแกนได้เล่นหนังฮิตเฉพาะกลุ่มเรื่อง Jennifer’s Body ร่วมกับ Amanda Seyfried ในบทเจนนิเฟอร์ หนังเขียนบทโดย Diablo Cody กำกับโดย Karyn Kusama และอำนวยการสร้างโดย Jason Reitman ตัวหนังได้เปิดตัวที่เทศกาลหนังโตรอนโตในปี 2009 

Megan ยังได้เคยแสดงในบท Mikaela ในแฟรนไชส์พันล้าน Transformers และ Transformers: Revenge of the Fallen ของSteven Spielberg และ Michael Bay ร่วมกับ Shia LaBeouf ซึ่งนับเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดที่ทำเงินมากกว่าพันล้านทั่วโลกของฮอลลีวูด Transformers: Revenge of the Fallen ทำรายได้ไป 900 ล้านเหรียญทั่วโลกและได้กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปี 2009 

Megan Fox ได้ปรากฏตัวบนปกนิตยสารมากมายอาทิ Allure, Empire, Esquire, Entertainment Weekly, Interview, GQ, ELLE, COSMPOLITAN, Rolling Stone และ Angeleno ปก GQ และ ELLE ของเธอเป็นปกที่ขายดีที่สุดของปีสำหรับนิตยสารทั้งคู่

ในปัจจุบัน Megan เป็นศิลปินหญิงที่ไม่ใช่นักร้องที่มีผู้ติดตามในแฟนเพจเฟซบุ๊คถึง 50 ล้านคนทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นแฟนจากอเมริกา รองลงมาคือแม็กซิโก บราซิล อินเดีย อังกฤษและฟิลิปปินส์ เมืองที่เธอโด่งดังที่สุดได้แก่ แม็กซิโกซิตี้ นิวยอร์ก ลอนดอน โบโกตา ซานติอาโก โดยรวมแล้วแฟนเพจของเธออยู่ในอันดับที่ 32 ในโลกซึ่งมีผู้ใช้งานแวะเวียนเข้าไปชมกว่า 2.23 พันล้านยูสเซอร์

Megan มีผู้ติดตามขนาดใหญ่บนไอจี ด้วยจำนวนมากกว่า 10 ล้าน เธอมียอด engagement ต่อโพสโดยประมาณอยู่ที่ 17% (ยอดอัตราปฏิสัมพันธ์โดยประมาณของ Influencers และคนดังโดยเฉลี่ยอยู่ที่น้อยกว่า 3 %) ประมาณ 85% ของผู้ติดตามของเธอมรอายุมากกว่า 18 ปี และคนส่วนใหญ่ที่มีปฏิสัมพันธ์กับเพจของเธอมาจาก อเมริกา แม็กซิโก บราซิล บังคาลอร์ โบโกตา และ ฮิวสตัน

เธอเคยแสดงในโฆษณาเกม Call od Duty: Ghosts กำกับโดย James Mangold เมแกนเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ร่วมแสดงในโฆษณาของเกม ซึ่งตัวเกมทำยอดขายแตะ 1 พันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงแรก Megan ได้แสดงร่วมกับ Dominic Monaghan, Eminem และ Rihanna ในมิวซิควีดีโอยอดฮิตระดับโลกของเพลง Love the Way You Lie ตัววีดีโอทำลายสถิติตลอดกาลของ Youtube สำหรับเพลงที่มียอดดูใน 24 ขั่วโมงสูงสุดด้วยจำนวน 1.4 ล้าน และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรายรางวัลรวมทั้ง Grammy ด้วย

Megan ได้เป็นพิธีกรเปิดหัวรายการ Saturday Night Live ซีซัน 2009-2010 ร่วมกับวง U2 ซึ่งทำสถิติเรทติ้งสูงสุดของคืนนั้น มากกว่าทุก ๆ รายการที่เปิดตัวในคืนวันเสาร์และช่วงดึกในช่องทีวีหลัก ๆ ในรอบ 16 สัปดาห์ เมแกนชนะรางวัล MTV หลายครั้งและได้รับ Scream Award ในปี 2009 ในฐานะนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม เธอได้รับการยกให้เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกจากการโหวตทางออนไลน์ของ FHM แม็กกาซีน ซึ่งเธอชนะด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 1 ล้านโหวตจากผู้อ่าน 2 ปีติดต่อกันในปี 2008 และ 2009 

Dolph Lundgren

ดอล์ฟ ลันด์เกรน เกิดและเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีการศึกษาใน Stockholm, Sweden เมื่อตอนเป็นเด็กเขาทรมานจากอาการแพ้มากมายและการทำร้ายร่างกายจากพ่อของเขา “มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบากเลยครับ ผมรักพ่อผมนะ ถึงแม้นว่าเขาจะอารมณ์แปรปรวนและปัญญาทางจิต และเวลาคนที่เรารักตีคุณ มันเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนใจและสับสนมาก ๆ ในฐานะเด็กคนหนึ่ง” ดอล์ฟ อธิบาย “การถูกส่งไปอยู่กัยตายายในตอนเหนือของสวีเดนทำให้ผมได้มีโอกาสได้รักษาตัวเองทั้งทางกายและทางใจ ผมเริ่มเรียนศิลปะการป้องกันตัวและเกรดที่โรงเรียนผมก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ”

ถึงจะมีอดีตที่ไม่น่าอภิรมย์นะ ดอล์ฟ ตัดสินใจที่เดินตามรอยพ่อของเขาและเข้าเรียนต่อด้านวิศวะกร หลังจากได้รับใช้ชาติในฐานะทหารในหน่วยนาวิกฯของสวีเดน เขาก็ได้เข้าศึกษาในสถาบันเทคโนโลยีหลวงใน Stockholm โดยเรียนในสาขาวิศวกรรมเคมี เช่นเดียวกันกับพี่ชายของเขา เขาได้ศึกษาทั้งในมหาลัยรัฐวอชิงตัน และมหาลัยเคล็มสัน ในรัฐแคโรลินาใต้ โดยเรียนด้านเคมีจากทุนการศึกษาหลายก้อน เขาจบจากสถาบันเทคโนโลยีหลวงใน Stockholm และจบด็อกเตอร์ในสาขาวิศวกรรมเคมีจากโครงการแลกเปลี่ยนกับมหาลัยซิดนีย์ในออสเตรเลีย ดอล์ฟได้รับรางวัลทุนการศึกษาต่อที่มหาลัย MIT อันเลื่องชื่อในบอสตันจากการที่เขามีผลการเรียนดีเลิศในรุ่น ซึ่งเป็นสถาบันที่พ่อของเขาชื่นชอบที่สุดอีกด้วย 

ในปีเดียวกันนั้นเองที่นักเรียนแลกเปลี่ยนและแชมป์คาราเต้หนุ่มคนนั้นได้เจอกับรักร้องสาว Grace Jones และตกหลุมรัก Dolph ตัดสินใจที่จะอยู่นิวยอร์กต่อและทำอาชีพเสริมเป็นนายแบบเพื่อหาเงินซึ่งเขากำลังจะไปเรียนที่ MIT ใน 2-3 เดือนต่อจากนั้น ด้วยคำแนะนำของเพื่อน “ฟังนะเพื่อน นายเป็นนักคาราเต้ และก็ดูเป็นดาราหนังอีกต่างหาก” Dolph เลยเริ่มเรียนการแสดงและชีวิตเขาก็พลิกผัน เขามีผลงานการแสดงเรื่องแรกในหนัง James Bond ภาค A View to a Kill ในปี 1985 อย่างไรก็ตามผลงานที่น่าจดจำจริง ๆ คือการแสดงใน Rocky IV ในปีเดียวกันนั้นเอง ซึ่งทำให้เขาไปดังไปทั่วโลก หลังจากการออดิชันกว่า 9 เดือน และท่ามกลางบทกว่า 5000 ที่เขามีลุ้น ในที่สุดเขาก็ได้รับเลือกจาก Stallone ให้มาเล่นเป็นคู่ต่อสู้ชาวรัสเซียสุดอำมหิต Captain Ivan Drago ตั้งแต่นั้นมา Dolph ไม่เคยหยุดทำงานและได้มีผลงานมากกว่า 70 เรื่อง

ตลอดช่วงขาขึ้นขาลงของฮอลลีวูด Dolph ได้ฝึกศิลปะการป้องกันตัวตลอด “คาราเต้และความแกร่งทางร่างกายทำให้ผมมีสมาธิอยู่ท่ามกลางธุรกิจที่ยากและบางทีก็ไร้จิตวิญญาณ” ปีที่แล้ว Dolph ได้รับรางวัลที่คาดดำขั้น 4 จากองค์กรคาราเต้โลกในโตเกียว ความสำเร็จทางด้านกีฬาของเขาประกอบด้วย การเป็นกัปตันคาราเต้ทีมชาติสวีเดน และแชมป์เดี่ยวรุ่น Heavyweight ของสวีเดน ยุโรป และออสเตรเลีย นอกจากนี้ Dolph ได้ถูกคัดตัวให้เป้นกัปตันทีมปัญจกรีฑาโอลิมปิกโดยคณะกรรมการโอลิมปิกของอเมริกาในช่วงปี 1996 ที่ Atlanta 

หลังจากแต่งงาน Dolph ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ใน Marbella ประเทศสเปน ในการเลี้ยงลูกสาว 2 คน ในปี 2009 Dolph ได้รับสายจากเพื่อนเก่า Stallone “โย่ ดอล์ฟ อ่านบทนี้สิ” Lundgren จบลงด้วยการได้แสดงหนังยอตฮิต The Expendables ร่วมกับ Willis, Li, Statham และ Schwarzenegger “มันรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้กลับมาเล่นหนังบนจอยักษ์อีกครั้ง” Lundgren กล่าว “อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายเมื่อความทรงจำอันเจ็บปวดในวัยเด็กย้อนกลับมาหลอกหลอนผม การดื่มหนักและปัญญาส่วนตัวทำให้ผมต้องหย่ากับภรรยา” เร็ว ๆ นี้ The Expendables 2 และ 3 จะมีการเพิ่ม Mel Gibson, Antoino Banderas และ Harrison Ford เข้าไปในแฟรนไชส์ Dolph ย้ายกลับมาอยู่ที่ LA เพื่อเข้ารับการรักษาและกินยา “วันนี้ ผมรู้สึกมั่นคงกว่าเดิมมาก มีความสุขกว่าเดิมมาก และที่แน่ ๆ ผมได้จัดการปัญหาที่รบกวนผมมาตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์” Dolph อันที่จริงได้จัด Ted Talk เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาที่เขามีร่วมกับพ่อของตนชื่อว่า “On Healing and Forgiveness” 

เช่นเดียวกับการเป็นนักแสดง Dolph ได้เขียนบทและกำกับหนัง 6 เรื่อง บริษัทโปรดักชันของเขาที่ชื่อ Thor Pictures และ Red Orm Productions กำลังพัฒนาหลายโปรเจกให้ Dolph ได้กำกับ รวมถึงหนังทริลเลอร์เรื่อง Malevolence และหนังดราม่าที่กำลังอยู่ในช่วง Production เรื่อง Castle Falls

5 ปีที่แล้ว Dolph ได้อำนวยการสร้างและแสดงนำใน Skin Trade หนังแอ็คชันทริลเลอร์เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้เป็นทูตขององค์กรไม่แสวงผลกำไร CAST/LA ที่ช่วยเหยื่อจากการค้ามนุษย์ใน Los Angeles เขาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Mentor USA องค์กรต่อต้านการใช้ยาเสพติดที่ก่อตั้งโดยราชินี Silvia แห่งสวีเดน 

ไม่นานมานี้ Dolph ได้กลับมาเล่นหนังใหญ่อีกครั้ง โดยกลับมารับบท Ivan Drago เหมือนเดิม ร่วมกับ Stallone, Michael B. Jordan และ Tessa Thompson ในหนัง Creed II ของ MGM เขาได้เล่นไปกษัตริย์เนเรอุสในหนังฮิตของ Warner Bros. เรื่อง Aquaman กับ Jason Mamoa, Amber Heard, William Defoe และ Nicole Kidman

ด้วยความที่เขาอุทิศตนให้กับการดูแลสุขภาพ Lundgren ได้ปล่อยงานเขียนอัตชีวประวิติว่าด้วยการดูแลร่างกายชื่อว่า “Train like an Action Star” ซึ่งเขาพูดเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาอย่างไรบ้าง

Dolph Ludgren มีลูกสาว 2 คน Ida อายุ 23 และ Greta อายุ 17 ณ ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ใน West Hollywood รัฐ California กับคนรักใหม่ Emma Krokdal เทรนเนอร์ชาวนอเวย์ 

Randy Couture

ในฐานะแชมป์โลก 6 สมัยและผู้ที่ได้ไปอยู่ใน Hall of Frame ในกัฬาที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก Randy Couture เป็นไอคอนในกีฬาศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมอย่างแท้จริงและวงการ Utimate Fighting Championship (UFC) นอกจากในด้านการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมแล้ว Randy ยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ, นักเขียนชื่อดัง และนักแสดงเช่นกัน อาชีพนักแสดงที่กำลังเติบโตของเขาประกอบด้วยหนังฮิต The Expendables และ The Expendables 2 แสดงร่วมกับ Sylvester Stallone และ Bruce Willis และเขาจะกลับมารับบท Toll Road ในหนังภาค 3 ในด้านทีวีด้วยข้อตกลงหลายปีของเขากับ Viacom ในบทบาทนักแสดง การพัฒนา และการสร้าง Randy ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับรายการ Fight Master: Ballator MMA ซีซันแรก และรายการเรียลริตี้โชว์ของช่อง Spike ชื่อ “Gym Rescue” ซึ่งเขายังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการผลิตด้วย และเขาก็เคยรับหน้าที่เป็นตัวแทนของ Belator MMA ในฐานะผู้พูดให้แรงบันดาลใจแก่หลายทีมใน NFL และคนพากย์มวย UFC ทางช่อง Fox และเมื่อไม่นานมานี้ให้กับลีกการต่อสู้มืออาชีพ PFL (ปัจจุบันอยู่ทางช่อง ESPN) Randy ยังเคยไปออกรายการ “Lip Sync Battle” (Paramount) “I Am Steve McQueen”, “Hell’s Kitchen”, “Whoose Line is it Anyway”, “Dancing with the Stars” (ABC), “Bill Nye Saces the World” (Netflix), ได้แสดงหลายตอนในซีรีย์ Ballers (HBO), “Celebrity Family Feud”(ABC), หลายตอนใน “GunnyTime” และหลายตอนใน “Hawaii Five O” (CBS). 

Randy ได้เล่นในหนังเรื่อง “Redbelt” (David Mamet), “Setup” (Bruce Willis), “Hijacked”, “Ambushed”, “Stretch”(Joe Carnahan), “Good Kids”, “The Row”, “Antidote”, “The Hard Way” และ “Alpha Code” และ “Blow Back” ร่วมกับ Cam Gigandet และ “The Outlaw Johny Black” ร่วมกับ Michael Jal White” 

เกิดใน Lynwood รัฐ Washington ปี 1963 แรนดี้ได้ใช้เวลา 6 ปีในกองทัพจนได้รับยศจ่าที่กองบิน 101 ในเยอรมัน หลังจากรับใช้ชาติเสร็จ แรนดี้ได้กลายเป็นตัวสำรองในทีมชาติลงแข่งโอลิมปิก 3 ครั้ง (ในปี 1988, 1992 และปี 1996) ได้เข้ารอบรองในการคัดตัวโอลิมปิกปี 2000 ลงแข่ง NCAA 3 สมัย และได้รองแชมป์ NCAA 2 สมัย (1991 และ 1992) ที่มหาลัยรัฐ Oklahoma ในปี 1997 เมื่ออายุได้ 33 ปี แรนดี้ได้เปิดตัวในฐานะนักมวยมืออาชีพแก่ชาวโลกด้วยการคว้าแชมป์รุ่น Heavyweight ในการปรากฎตัวครั้งแรกในรายการ UFC และไม่นานก็ได้ฉายา Randy ‘The Natural’ Couture แรนดี้ในที่สุดก็ขยับลงมาแข่งรุ่น Ligth-Heavyweight ที่ที่เขาจะใช้เวลาที่เหลือในอาชีพ UFC ของเขา จนถึงวันนี้แรนดี้เป็นคนแรกจากสามคนเท่านั้นที่เคยได้ทั้งแชมป์ในรุ่น Heavyweight และ Ligth-Heavyweight

ในเดือนมิถุนายนปี 2006 แรนดี้ได้เป็นนักมวยอาชีพคนที่ 4 ที่ได้รับการบรรจุชื่อเข้าไปในหอเกียรติยศของ UFC และในปีนั้นเองที่เขาได้อำลาวงการ ในเดือนมีนาคมปี 2007 แรนดี้เลิกเกษียณและช็อกทั้งโลกด้วยการกลับมาคว้าแชมป์ Heavyweight อีกครั้งในวัย 44 ปี นับเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ UFC ที่ได้แชมป์ Heavyweight รวม 3 ครั้ง “The Natural” (แรนดี้) อำลาวงการอีกครั้งเมื่ออายุ 47 ปีแต่ยังตงเป็นที่เคาระในแวดวงกีฬาการต่อสู้อยู่ แรนดี้อุทิศเวลาของเขาให้กับการบริหารยิมของเขา Xtreme Couture MMA บริษัทขายเสื้อผ้า Xtreme Couture MMA Clothung บริษัทอาหารเสริม Xtreme Pharmaceuticals (XCAP) และบริจาคเงินให้กับมูลนิธิของเขาชื่อว่ามูลนิธิ Xtreme Couture GI ด้วยการระลึกถึงทหารผ่านศีกของอเมริกา Randy ตอนนี้อาศัยอยู่ใน Las Vegas ในรัฐ Nevada และเขาก็ชอบกิจกรรมวิบากโดยมีความรักมอเตอร์ไซค์ การล่าสัตว์ และบทกวี 

Tony Jaa

“Tony Jaa” จาพนม ยีรัมเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 1976 ในจังหวัดสุรินท์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไทย พ่อแม่ของเขาเป็นคนเลี้ยงช้าง จาได้ดูหนังต่อสู้ตั้งแต่เด็กและได้เริ่มทำตามไอดอลของเขา ตั้งแต่ Bruce Lee ไปจนถึง Jackie Chan ไปจนถึง Jet Li จาได้เรียนศิลปะการต่อสู้ในโรงเรียนวัดใกล้บ้านและต่อมาก็ได้ไปโรงเรียนวิทยาลัยพละในขอนแก่นด้วยทุนการศึกษาที่ที่เขาได้เรียนมวยไทย มวยโบราณ วูซู ยูโด และ เทควันโด Jaa ต่อมาได้ทำงานสตั้นท์ในหนังเรื่อง ‘Panna Rattikrai’ ผลงานนี้ทำให้ Jaa เป็นที่รู้จักและเริ่มได้รับงานเป็นสตั้นท์ให้ Robin Shou และ James Remar ในหนัง Mortal Kombat: Annihilation (1997) เมื่อคลิปเดโมของเขาไปถึงมือของผู้กำกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว หนังเรื่อง Ong-Bak: The Thai Warrior (2003) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อ Jaa ในเครดิตหนัง Jaa ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่ออังกฤษ Tony Jaa ในปี 2013 หลังจากยุติความสัมพันธ์กับสหมงคฟิล์ม Jaa ได้เซ็นสัญญากับ Universal Studio ให้แสดงในหนัง Fast and Furious 7 ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา Jaa ก็ได้แสดงในหนังต่างชาติมากมายรวมถึงในจีนด้วย  Uwais 

Iko Uwais เริ่มต้นศึกษาในโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ Silat ในอินโดนีเซียตอนเขาอายุ 10 ขวบ หลังจากได้ที่หนึ่งในการแข่งขันปันจักสีลัตระดับชาติเมื่อปี 2005 เขาได้เข้าพบปะกับผู้กำกับและผู้ร่วมงานในอนาคต Gareth Evans ผู้ที่ในขณะนั้นกำลังถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการต่อสู้สไตล์อินโดอยู่ Evans ได้ให้โอกาส Uwais มาเล่นในหนังเรื่องแรกของเขาชื่อว่า Merantau และต่อจากนั้นก็ได้ให้เขาไปแสดงนำในหนังเซอร์ไฟร์สฮิตเรื่อง The Raid หนังเรื่องนี้ทำให้ Iko ได้เป็นที่จับตามองในสายตาของชาวต่างชาติและทำให้เขาได้ไปแสดงในหนังภาษังกฤษมากมายรวมทั้ง The Force Awakens, Stuber และบทนำตรงข้าม Mark Wahlberg ในหนังของผู้กำกับ Pete Berg เรื่อง Mile 22 และเขายังมีผลงานร่วมกับ Netflix อยู่บ่อย ๆ Iko ได้เพิ่งแสดงในซีรีย์ Wu Assasins ไป เขาจะเริ่มถ่ายทำ The Bellhop ให้กับ Netflix ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 และจะอำนวยการสร้างร่วมกับ Sylvester Stallone และผู้กำกับหนังแอ็คชัน David Leitch เมื่อตอนไม่ได้ถ่ายทำ Iko พักในจาการ์ตากับลูกทั้ง 2 คนและภรรยาผู้เป็นนักร้อง Andy Item

Jacob Scipio

Jacop Scipio เพิ่งถ่ายทำเรื่อง The Unbearable Weight of Massive Talent ร่วมกับ Nicolas Cage และหนังเรื่อง Pieces of Her ร่วมกับ Toni Collette ให้ Netflix เขามีผลงงานเล่นเป็นตัวร้ายในหนัง Bad Boys for Life ของ Sony ร่วมกับ Will Smith และ Martin Lawrence ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมปี 2020 ทำรายได้ไปมากกว่า 73 ล้านในช่วงสุดสัปดาห์แรก และทำเงินไปทั่วโลกกว่า 400 ล้านเหรียญเมื่อจบโปรแกรมฉาย ผลงานใหม่ที่เกี่ยวกับตำรวจไมอามีและหน่วย AMMO กับความพยายามที่จับตัว Armando Armas (รับบทโดย Scipio) นักฆ่าเลือดเย็นและหัวหน้าแก๊งค้ายา ตัวหนังตอนนี้เปิดให้ซื้อได้แล้ว

Scipio มีผลงานเรื่อง The Outpost ซึ่งเป็นหนังดราม่าสงครามอิงจากนิยายของ Jake Tapper เอามาดัดแปลงโดย Paul Tamasy ผู้ได้การเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ และ Eric Johnson กำกับโดย Rod Lurie ตัวหนังมีดารามากมายรวมทั้ง Caleb Landry Jones, Orlando Bloom, Scott Eastwood และ Taylor John Smith

Scipio ได้แสดงใน Without Remorse ของ Amazon ร่วมกับ Michael B. Jordan กำกับโดย Stefano Sollima ด้วยบทจาก Taylor Sheridan เขาจะมีผลงานต่อไปใน Waldo ร่วมกับ Charlie Hunnam และ Mel Gibson กำกับโดย Tim Kirkby 

Levy Tran

Levy Tran เกิดวันที่ 8 เดือนเมษายน 1983 ในซาน โฮเซ รัฐ California เธอเป็นลูกสาวคนเล็กสุดของผู้อพยพชาวเวียดนาม เมื่อตอนเด็กเธอจะไปทำงานกับพ่อแม่ตั้งแต่ตีห้า เพื่อช่วยเรื่องรถอาหาร ตอนนั้นเองที่เธอได้เรียนรู้เรื่องความสำคัญของการทำงานหนัก

หลังจากจบไฮสคูลใน San Jose เธอไปศึกษาต่อที่มหาลัยรัฐซาน โฮเซ เธอเรียนเอกด้านพัฒนาการของเด็กและวัยรุ่น และโทด้านการสอนคณิตศาสตร์ เธอศึกษาต่ออีก 2 ปีด้วยความหวังที่จะได้รับใบรับรองการสอน ในช่วง 2 ปีนั้น เธอได้ทำการสอน K-8 ไปพร้อม ๆ กับการเป็นเด็กเสิร์ฟในช่วงสุดสัปดาห์ ช่วงเทอมสุดท้ายของเธอ เธอก็ตัดสินใจที่จะออกจากโปรแกรม

1 ปีต่อจากนั้น เธอตัดสินใจที่จะกลับไปเรียนต่อและได้ยื่นใบสมัครเพื่อเรียนเกี่ยวกับการฝังศพที่ซาคราเมนโต ระหว่างนี้เธอก็ได้ทำงานที่สถานที่จักการฝังศพในซาน โฮเซ ในฐานะนักเรียนแต่งศพ ทำงานเป็นนางแบบให้นิตยสารและบริษัทเสื้อผ้า และทำงานบริกรไปด้วย ในปี 2010 สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจย้ายไปที่ Los Angeles เพื่อตามฝันด้านงานนางแบบซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่าย เธออายุ 27 ปีและคิดว่าเธอแก่เกินไปที่จะเปลี่ยนสายงาน อันที่จริงมันคือผู้ดูแลของเธอตอนที่เธอเป็นนักเรียนแต่งศพนั่นเองที่เป็นคนโน้มน้าวเธอให้ก้าวไปตามความฝัน เขาบอกเธอว่า “เธอทำงานกับคนตายทุกวัน ออกไปใช้ชีวิตเถอะ และถ้ามันไม่เวิร์ค เธอก็ค่อยกลับมา แต่สำหรับตอนนี้ ไปใช้ชีวิตซะ” 

เมื่อถึง LA เธอได้งานโฆษณาและงานเดินแบบเล็ก ๆ พร้อมกับเป็นบริกรไปด้วย 2-3 ปีต่อมาเธอได้โดนทาบทามโดยเอเจ้นท์ว่าเคยมีประสบการณ์การแสดงหรือไม่ซึ่งเธอตอบไปว่า “ไม่” เขาจึงแนะนำให้เธอไปเรียนการแสดงซึ่งเธอก็ไป หนึ่งปีต่อมาเขาก็ได้มาเป็นตัวแทนของเธอ 

ในปี 2015 เธอได้บทหนังครั้งแรกในภาคที่ 7 ของแฟรนไชส์พันล้าน Fast and Furious ตั้งแต่นั้น Levy ได้เล่นหนังและทีวีหลายเรื่อง ผลงานที่โดดเด่นของเธอประกอบด้วย บทบาทของเธอใน The Hunting of Hill House (Netflix), Shameless (Showtime), MacGyver (CBS) ในฐานะนักแสดงประจำซีรีย์ และเธอก็ได้แสดงกับ Owen Willson ในหนังของ Paramount Pictures เรื่อง Secret Headquarters มันเป็นที่สังเกตว่าระหว่างการถ่ายทำหนัง Levy ก็ยังทำงานบริกรอยู่เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะได้งานอีกหรือไม่

Levy ได้ฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวมานานกว่า 10 ปี เมื่อตอนเป็นเด็ก Levy เป็นคนที่ชอบดูหนังแอ็คชันมากและอยากเป็นเหมือนดาราหนังแอ็คชันพวกนั้นที่เธอได้ดูในหนัง เธอฝึกซ้อมทั้ง Eskrima มวยไทย ต่อยมวย ปันจักสีลัต และ Jujitsu แม้ว่าเธอจะฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้มากมายแต่เธอไม่เคยพิจารณาตัวเองว่าเป็นนักต่อสู้ อย่างไรก็ตามการได้ผ่านการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ก็มีส่วนช่วยในการเล่นฉากต่อสู้ในหนังและซีรีย์