ถือว่าเป็นตลกที่ดังที่สุดของยุคในตอนนั้นสำหรับ ‘น้องพี มกจ๊ก’ ที่ได้ลุงรงค์ จตุรงค์ โพธาราม นำมาเล่นตลกในคณะ แต่อยู่ๆก็หายจากกันไป ซึ่งมีข่าวว่า ลุงรงค์ทั้งโกงค่าตัวเด็ก หากินกับเด็ก ทั้งปล่อยให้ไปอยู่วัดขอข้าววัดกิน วันนี้จะมาเผยทุกประเด็น พร้อมเปิดชีวิตน้องพีที่หายไปจากวงการเกเรเสเพล พร้อมทั้งวีรกรรมแสบมากมายที่แม้แต่ลุงรงค์เองก็เพิ่งได้รับรู้วันนี้ ซึ่งคู่ลุงหลานได้ควงกันมาออกรายการครั้งแรกในรอบ 10 ปี ในรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และธัญญ่า ธัญเรศ เป็นพิธีกร
เล่นตลกกับเด็กมีคนว่ามั้ย เอาเด็กมาขาย?ลุงรงค์ : สมัยก่อนไม่มีโซเชียล มันเป็นข่าวเลยนะ เขาเขียนว่าเอาเด็กมาหากิน สั้นๆเลนเอาเด็กมาหากินเราก็โดนแล้ว เราตอบว่ามันไม่ได้เป็นการเอาเด็กมาหากิน มันเป็นการเอาเด็กมาหารายได้เพื่อให้พ่อแม่เขา เขาก็ไม่ได้เสียการเรียนของเขา เขาก็ไปโรงเรียนเหมือนเดิมว่างก็เอามาเล่น เอาความสาระของเด็กมาแสดงออก ซึ่งปัจจุบันเยอะมากเลยนะ ดันลูก ลูดาราดังเป็นแถวเลยนะ มันก็เหมือนกันแหละ นี่ตั้งแต่แยกกัน 10 กว่าปีไม่เคยพาออกทีวีนี่เป็นรายการแรกเลย เขาไม่ได้มาง่ายๆนะคิวเขาไม่ว่าง ทำอะไรลูกน้องพี : ย่างหมูครับ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงอาทิตย์อีกวันคือย่างหมูหายไปนานเท่าไหร่แล้ว?น้องพี : 10 กว่าปีครับ ช่วงนั้นคาเฟ่เขาซบเซาด้วยครับออกกฏห้ามเด็กเข้าคาเฟ่ด้วย และด้วยอะไรหลายๆอย่าง ลุงรงค์พอไม่มีคาเฟ่ก็ไม่ได้ทำคณะด้วยลุงรงค์ : ก็ถ่ายละคร ถ่ายหนัง ถ่ายรายการ คาเฟ่ก็เลิกๆไป อีกอย่างน้องพีจะเล่นไม่เหมือนเด็กๆแล้วเขาโตขึ้น มันเลยต้องหยุดมีข่าวว่าโกงค่าตัวหลาน หลานรับไม่ได้เลยต้องแยก?ลุงรงค์ : ถ้าเป็นคนในครอบครัวพ่อแม่เขาจะรู้ ตัวน้องดีเองจะรู้เรื่องเงินเรื่องทองเรามีแต่ให้ เมื่อก่อนถ้าใครให้ต้องหารคนในวงการ แต่ถ้าเป็นน้องพีได้เท่าไหร่เอาไปเลย ส่วนค่าตัวน้องพีพ่อแม่เขาเป็นคนรับเลยนะ สมัยก่อนที่ฮิตมากเลยคือมุกอมตัง เล่นแล้วฮา ก็เล่นกันคนอินคิดว่าไปอมตังหลานน้องพี : ไม่เห็นนะเพราะว่าปากเค้าก็ไม่มีอะไรตุงอยู่ ตอนนั้นผมเด็กด้วยโฟกัสแค่ว่าถ้าเราไปเล่นตลกที่นี่ตรงนี้เราจะได้ของเล่นตอนนั้นกำลังดังเลย แล้วหยุดไป เราไปทำอะไร?น้องพี : กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติเลย เช้าไปโรงเรียน เย็นกลับมาก็เล่นกับเพื่อน นอน ไปโรงเรียนอีกวัน
ตอนนั้นมีโทรเรียกหลานให้มาเล่นตลกมั้ย?ลุงรงค์ : ตลกไม่ได้เล่นแล้วไงมันหยุดแล้ว เลิกแล้วก็เลยไม่ได้เรียก พ่อกับแม่เขามีงานน้องพี : กลับไปใช้ชีวิตปกติกันหมดเลยทุกคนตอนที่เล่นตลกอยู่บ้านลุงรงค์?น้องพี : ใช่ครับ พอไม่ได้ก็ออกมาก้อยู่กรุงเทพก่อน แล้วไปอยู่ที่นครปฐม เริ่มใหม่กันที่นั่นมีข่าวว่าลุงรงค์ทอดทิ้งน้องพีให้เป็นเด็กวัด?ลุงรงค์ : ไม่ได้ทอดทิ้งก็เขาขนกันไปเอง ไปเช่าบ้านอยู่หน้าวัดเลย บ้านอยู่ตรงข้ามวัดน้องพีก็เข้าไปวิ่งเล่นในวัดน้องพี : ตอนนั้นเปิดร้านขายเสื้อผ้า ทำเลหน้าวัดมันสวย ใกล้ร้านสะดวกซื้อลุงรงค์ : พอน้องพีไปวิ่งเล่นในวัดนักข่าวก็เจาะเลย นี่น้องพีหนิ เติมเข้าไปอีกหน่อย น้องพีต้องอาศัยวัดอยู่ เติมเข้าไปอีกนิด ขอข้าววัดกิน พอเติมแบบนี้ลุงรงค์เลยตอนนั้นเราตั้งใจไปอยู่ที่วัด?น้องพี : ผมบ้านอยู่หน้าวัด เป็นเพื่อนกับหลานหลวงะอน้ำฝน มีงานก็ไปช่วยที่ออกจากลุงรงค์มาชีวิตลำบากมั้ย?น้องพี : ถ้าจริงๆลำบาก เพราะก่อนหน้านี้เป็นตลกเงินค่อนข้างเยอะ พอออกมาแม่ก็ไปขายเสื้อผ้า เรากลับไปเรียน พ่อทำแอร์ มันเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็ค่อนข้างลำบาก
ตอนนั้นตัดขาดมั้ย?ลุงรงค์ : ไม่ตัดขาดหรอก พ่อมันเป็นน้องที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆโตมากับเรา เวลาที่เราด่าหรือว่าอะไรในสิ่งที่ทำผิด ถ้าไม่เชื่อฟังมันจะงอนแล้วก็หายไป จะให้เราไปตามง้อมันก็ไม่มีเวลาถึงขนาดที่ต้องไปนั่งง้อ แล้วสุดท้ายมันก็กลับมากันเอง
หายกันไปกี่ปีกว่าจะกลับมาเจอกัน?ลุงรงค์ : 4-5 ปีน้องพี : ผมจำไม่ได้ช่วงนั้นน่าจะประมาณ ป.5 กลับมาเจอลุงรงค์ในช่วง ม.2เจอลุงรงค์ครั้งแรกตอน ม.2 พูดว่าไง?น้องพี : ไม่กล้าเจอก่อนตอนนั้น เพราะเราห่างกันไปเลย จนมีงานศพของย่าผมก็ต้องมารวมกันที่วัดก็เลนได้เจอกัน
ตอนไม่เจอคิดถึงมั้ย?น้องพี : ช่วงนั้นเด็กด้วยครับ คือเราไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนั้นอยู่วงดนตรีที่โรงเรียนด้วย ก็ใช้ชีวิตปกติไปจนมาเจอเขาอีกคิดถึงหลานมั้ย?ลุงรงค์ : คิดถึง คืดถึงทั้งพ่อกับแม่เขาด้วย แต่เราเป็นพี่ น้องทิฐิไม่ยอมมาหาเรา ปกติทำผิดอะไรต้องเดินมาขอโทษ แต่อันนี้หายไป 4 ปี ไม่ยอมไม่สนใจ ไม่มาหาเลย แล้วเราจะไปตามหรอทะเลาะกันเรื่องอะไร?ลุงรงค์ : ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันหรอก แค่พ่อแม่เขาใช้เงินผิดประเภท เงินก็หมดไปโดยง่าย เราด่า ยอมรับว่าด่า ใส่อารมณ์
ตอนเขาไปเราใจหายมั้ย?ลุงรงค์ : ก็ไม่หรอก เพราะว่าไปแบบไม่รู้ตัว อยู่ๆเช้ามาครอบครัวนี้ไปไหนน้องพี : เก็บของออกจากห้องไปเลยตอนนั้นรู้สึกผิดมั้ย?ลุงรงค์ : ไม่ผิด เราด่าในสิ่งที่ถูกต้อง เราเป็นผู้ใหญ่เราเป็นพี่ เราโกรธมันด้วยซ้ำด่าแค่นี้ไม่ได้หรอ เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆโตขึ้นมาขนาดนี้ อยู่กับเรามามั้งชีวิตอยู่ๆหายไปมาเจอกันอีกครั้งได้ยังไง?ลุงรงค์ : งานศพไง เจอหน้าน้องพี สมัยก่อนน้องพีจะเป็นหลานที่เพอร์เฟคมากมันดังมีทุกอย่างเลย มากกว่าหลานคนอื่น พอมาเจองานศพน้องพีดูด้อยกว่าหลานคนอื่นเลยนะ ตอนเจอถามว่าเรียนอะไร เรียนยังไง เรียนหรือเปล่า เป็นห่วงเรื่องนี้อย่างเดียวเลยน้องพี : เรื่องเรียน เขาจะเน้นเรื่องเรียนเป็นพิเศษ ตอนนั้นกำลังจะเปิดเทอม ม.2 เทอม 2 ก็เลยไปหาเขาลุงรงค์ : เรียนไร ดูท่าไม่ดีแน่ ไปบอกพ่อกับแม่เลยมาอยู่ที่บ้านสายสี่ เก็บเสื้อผ้าเลย เดี๋ยวพาไปฝากโรงเรียนที่มันมาตรฐานน้องพี : ก็ย้ายเลย เก็บของมาอยู่กับเขาเลยตอนนั้นเจอพ่อแม่เขาครั้งแรกพูดว่าไง?ลุงรงค์ : มันเข้ามาไหว้ เจอก็กลัวเราแล้ว เหมือนเข้ามายอมรับผิดอะแหละ ลืมไปหมดแล้วเรื่องโกรธ ซึ่งเพียงแต่ให้เราไปง้อน้อง ซึ่งน้องผิด มันไม่ได้
กลับไปอยู่กับลุงรงค์?น้องพี : กลับไปเรียาที่กรุงเทพ อยู่บ้านเค้ายาวเลยตลอดเลยหรอ?ลุงรงค์ : ไม่ตลอด โรงเรียนเข้ากี่โมง 10 โมงยังไม่ตื่นเลย สักอาทิตย์กว่า 2 อาทิตย์ ผอ.เชิญลุงรงค์ไปเลยน้องพี : ช่วงนั้นเจ็ทแลคเพิ่งย้ายมา ก็เลยตื่นสายหน่อยตอนเจอ ผอ. เป็นยังไงบ้าง?ลุงรงค์ : หลานคุณน้องพีทำไมยังงี้ล่ะ ผมก็ไม่รู้จะทำไงขอโทษครับ เอาไงดีล่ะ เราก็ไม่ดุ มันก็หน้ามึนๆลอยๆ ลุงรงค์กลับมา ตี 2 น้องพียังไม่นอนเลย ช่วงนั้นเริ่มเป็นหนุ่มอยู่ได้นานเท่าไหร่ โรงเรียนนี้?น้องพี : ผมอยู่ได้ 3 เดือน อยู่ให้จบเทอมลุงรงค์ : มันเป็นช่วงที่เด็กกำลังเก กำลังดื้อน้องพี : ช่วงนั้นตระเวนเลยนั่งรถเมล์ไม่ถึงโรงเรียนสักที นั่งอ้อมไปเรื่อยๆ ดูทางว่าเราจะไปทางไหนดีตอนออกโรงเรียนไปอยู่ไหน?น้องพี : ตอนนั้นก็เคว้งครับจะไปอยู่ไหนดี อยู่กับลุงรงค์ไม่ได้แล้วเพราะเกเร แม่ก็อยู่นครปฐม โซซัดโซเซ สุดท้ายเลยเลือกไปอยู่ยครปฐมดีกว่าไปถึงบ้านแม่เกเรที่สุดแล้ว?น้องพี : ที่สุดแล้ว เต็มสูบเลย ช่วงนั้นมันกึ่งกลางพอดี เราออกจากลุงรงค์กะมาอยู่กับแม่ที่นครปฐม ช่วงนั้นแม่ย้ายกลับภูมิลำเนาพอดีที่ราชบุรี เราติดเพื่อนที่นครปฐมเลยตัดสินใจว่าอยู่นครปฐมนี่แหละ อยู่บ้านเพื่อนเลย ตอนนั้นเข้าเรียนที่บ้านโป่ง ด้วยความไกลด้วย ติดเพื่อนด้วยเริ่มไม่ไปเรียนละ อยู่บ้านเพื่อน 6 เดือนเต็มๆเอาเงินมาจากไหนตอนนั้น?น้องพี : ทำงานครับ ทำอยู่กับเพื่อนบ้าง เพื่อนขายหมูไปช่วยขายก็จะได้เงิน ไปอยู่บ้านเขาข้าวฟรี อยู่บ้านเพื่อน 6 เดือน แล้วพ่อแม่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเพราะเราก็ไม่บอกพ่อแม่ด้วย ไม่บอกใครเลยเขาไม่ตามเหรอ?น้องพี : เขาไม่รู้จะตามที่ไหน ใช้วิธีสื่อสารผ่านตัวกลางคือน้า เราจะบอกน้าว่าไม่ต้องตามนะ ยังมีชีวิตอยู่เดี๋ยวมาหาทุกวันอาทิตย์ฝากบอกพ่อแม่ด้วย
ลุงรงค์ยังไม่รู้เลยเรื่องนี้?ลุงรงค์ : ไม่รู้เลย แล้วกินอะไร ชีวิตเสเพลเละเทะขนาดนั้น นี่ไปเล่าให้พจน์ อานนท์ มันทำเลยนะเนี่ยน้องพี : แต่ว่ามันเป็นช่วงสั้นๆ 6 เดือนสำหรับเรากลับมาอยู่บ้าน?น้องพี : พ่อแม่ซ้อนแผนมาเจอเรา บอกว่าเดี๋ยวน้าจะเอาตังมาให้ เราก็โอเค สุดท้ายเป็นพ่อแม่มาเจอเรา สุดท้ายมันไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน กลับไปอยู่ราชบุรีกับพ่อแม่ ตอนนั้นทำงานและเรียน กศน.อะไรที่ทำให้คิดว่าอยากกลับไปเรียน?น้องพี : ตอนนั้นมันสนุก เราเจอหน้าแม่แล้ว รู้สึกว่าอยู่ที่นี่มานานแล้วมันไม่ใช่บ้านเราด้วย เราดูเหมือนคนไม่มีอนาคตใช้ชีวิตไปวันๆ ตัดสินใจกลับไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่าตอนเรียน กศน. ทำงานอะไร?น้องพี : ช่างไฟ  พ่อก็เป็นช่างไฟด้วยเดินระบบ เอาความรู้จากพ่อมาคิดถึงตอนเด็กๆมั้ยที่เราดังแล้วต้องมาเป็นช่างไฟ?น้องพี : ช่วงนั้นเรา 3-4 ขวบ มันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้ช่วงนครปฐมมีเล่นละครบ้าง แล้วก็หายไปเลยจำไม่ได้ ได้แต่คิดว่าไม่เป็นไรมันผ่านไปแล้วไปเป็นทหารทำให้คิดอะไรได้มากขึ้นมั้ย?น้องพี : ได้ทุกอย่างเลย เปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยนตัวเองลุงรงค์ : เป็นคนละคนเลยน้องพี : ตอนเป็นทหารอยู่กับลุงรงค์แล้ว ตอนนั้นไปอยู่ราชบุรีละกลับมาเจอลุงรงค์อีกรอบนึงมาเจอกันได้ยังไง?น้องพี : มีอาอีกคนนึง เขาบอกว่าลุงรงค์วิ่งเก็บตกให้พี่ตูนอยู่นะจะมามั้ย เราคิดว่ามันผ่านเวลามานานแล้ว แล้วเราก็รู้สึกผิด เพราะตอนนั้นออกมาจากเขาก็ไม่ได้บอกเขาเหมือนกัน หนีออกมา เราเลยไปลุงรงค์ : กำลังวิ่งเก็บเงินอยู่ข้างทาง รับเงินๆ  มีผู้ชายหนุ่มๆคนนึงวิ่งมาตีคู่ อ้าวน้องพีน้องพี : แล้วก็วิ่งง้อกันไปเหมือนหนังอินเดีย ง้อกันไปคุยกันไปหันไปเจอน้องพีรู้สึกยังไง?ลุงรงค์ : ก็ไม่รู้สึกยังไง ธรรมดากับครอบครัวนี้มาก เพราะมันเข้าๆออกๆกันตลอดเวลา เพราะรู้สักวันน้องพีต้องมาหาเรา พอมันมาหาเราก็เอามันเข้ามาอยู่เหมือนเดิมแหละน้องพี : เขาผูกเชือกรองเท้าอยู่กำลังจะวิ่งพอดีลุงรงค์ : หลังจากวันนั้นก็วิ่งด้วยกันจนจบเป้าหมายแหละ ตอนนั้นเริ่มมีครัวลุงรงค์แล้วเอามันเข้ามาอยู่ในครัวลุงรงค์ก็เลยมาทำงาน มีรายได้
ตอนที่วิ่งประโยคแรกที่พูดคืออะไร?ลุงรงค์ : อ้าว มายังไงน้องพี : นั่งรถตู้มากับเพื่อนลุงนี่แหละลุงรงค์ : คำต่อไป คืนนี้ไปย่างหมูนะ แล้วก็ย่างหมูตลอดมาน้องพี : เขาถามเรื่องเรียนก่อนว่า เรียนเป็นยังไง เรียนอยู่มั้ย บอกเรียน กศน. เขาบอกไม่เชื่อก็วิ่งต่อลุงรงค์ : จะไปเชื่ออะไรเรียนธรรมดายังไม่เรียนเลย กศน.สบายกว่า สมองเรากับน้องพีตัดทิ้งไปเลยเรื่องเรียน มันไม่ใส่ใจแน่ สิ่งที่ทำให้เราภูมิใจสุดคือไปเป็นทหาร 2 ปี แล้วกลับมาป็นอีกคนอันนี้ภูมิใจสุดเล่าให้ฟังหน่อยเปลี่ยนยังไง?น้องพี : อยู่กับเขาก็ค่อนข้างเกเรเหมือนกันนะลุงรงค์ : แกล้งคนโน้นอำคนนี้ให้เขาร้องไห้เสียใจ ถ้าทำแบบนี้เก็บกระเป๋าออกไปเลยนะน้องพี : ไปเป็นทหารเปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยนเรื่องความคิด เขาปลูกฝังชีวิตประจำวันใหม่ ตื่นเช้า จะทำไรก็ค่อยๆทำ ค่อยๆพูด ค่อยๆคิดหลานเราหลังจากทหารชอบที่สุดแล้ว?ลุงรงค์ : ชอบที่สุดแล้ว หลังจากปลดทหาร ไม่ถึงปลดปีแรกเราก็โอเคแล้ว มันจะกลับมาทุกเสาร์อาทิตย์ กลับมาการพูดการคุย การเปลี่ยนแปลง ระบบสมอง มันดีอ่ะ มันจะบอกลุงอันนั้นไม่ใช่ ลุงอันนี้ผิดนะ ลุงทำแบบนี้สิ ระบบคิดมันอ่ะ มีระบบมีระเบียบมีทุกอย่างมีการวางตัว ก่อนหน้านี้น้องพีจะเป็นคนพูดอะไรไร้สาระมาก กับคนอื่นไม่รู้ แต่กับน้องพีเปลี่ยนมาก เดี๋ยวจะให้ตำแหน่งใหม่นะเป็นผู้จัดการ jr greenไปทำงานร้านอาหารเกือบโดนไล่ออก?ลุงรงค์ : ตอนแรกให้เป็นพีอาร์คอยต้อนรับไม่ชอบ ชอบย่าง ตอนนี้หันจนเป็นเซียนเลย ก่อนเป็นทหารด้วยความที่ปากไว พูดพล่อย อำคนโน้นแหย่คนนี้ แกล้งคนนั้น ลุงไม่เท่าไหร่เมียลุงกับเฟิร์นรับไม่ได้หนักที่สุดว่าน้องชายเฟิร์นน้องพี : คือแซวใส่สร้อยลุงรงค์ : ตอนนั้นมันอ้วนไง คอมันดำ ใส่สร้อยสีดำหรอ เรียกประชุมเลยทำไมทำยังงี้ เด็กไม่รู้เรื่องหรอกแต่ผู้ใหญ่เสียใจ นั่งเศร้าเลยน้องพี : ตอนนั้นเราไม่ได้ว่าน้องเขา เราพูดกันเอง แซวกันไปมาระหว่างญาติพี่น้องมากกว่า อำๆ
รู้มั้ยว่าผิด?น้องพี : รู้ว่าผิดตั้งแต่พูดไปละ แล้วถ้าน้องได้ยินน้องจะรู้สึกยังไง เพราะตอนนั้นน้องไม่ได้มาพูดแหย่กับน้าสาวลุงรงค์ : แล้วพูดว่าให้ออกก็ออก ตอนนั้นก่อนเป็นทหารสมองยังไม่มีระบบเลยอะไรทำให้เราอยากไปเกณฑ์ทหาร?น้องพี : เพราะลุงรงค์บอกให้ไปเกณฑ์ ตอนแรกไม่อยากไปลุงรงค์ : ลุงอ่ะเคยเป็นทหารมาก่อน สมัยก่อนลุงก็เป็นแบบมัน มันถอดแบบลุงมาเลย พอกลับมาเปลี่ยนเป็นคนละคน ลุงจึงได้รู้ว่าการเป็นทหารมันได้ระบบความคิดเยอะมาก มันเหมือนกับเราในช่วงเวลานั้นพอดีเหมือนจะว่าแต่สปอยล์เขามาก?ลุงรงค์ : ให้ทุกอย่าง รองเท้า 25,000 เราอยากให้เขาไปเป็นทหาร พอเขากลับมาเขามองรองเท้าอันนี้มันรู้ว่าลุงมี ใส่ไม่กี่ครั้ง ไปเปิดท้ายรถเอาเลยใส่กล่องให้อย่างดีน้องพี : สปอยด์ทุกอย่างถ้าขอนะ เขาเป็นคนจะด่าก่อน ด่าสุดแรงเกิดชีวิตเขาแหละ ด่าแล้วเขาก็ให้รู้มั้ยลุงรงค์รักมาก?น้องพี : รู้ เราไม่ค่อยพูดกัน แต่ถ้าขออะไรเขาจะให้ เขามีพระคุณทั้งกับเราทั้งพ่อแม่เรา
ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คุยแซ่บShow”  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง จตุรงค์ – พี ม๊กจ๊ก

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ