ท่ามกลางกระแสความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ล่าสุดได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร ที่ระดับ “A” โดยทริสเรทติ้ง ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับองค์กร (Company Rating) จะประเมินจากโครงสร้างองค์กร ข้อมูลทางการเงิน แผนการธุรกิจของบริษัท และแนวโน้มของอุตสาหกรรมนั้นในอนาคต เพื่อให้เห็นสถานะทางการเงินและศักยภาพในการสร้างรายได้โดยรวม

ซึ่งการที่ บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนให้เห็นถึงการมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) กับผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย ประกอบกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration Power Plant) ในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา จังหวัดชลบุรี รวมถึงผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 2 แห่ง จากบริษัทย่อยของบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) คือ บริษัท สหโคเจน กรีน จํากัด (SGN) จังหวัดลำพูน และ บริษัท สหกรีน ฟอเรสท์ จำกัด (SGF) จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีกำลังการผลิตรวม 15 MW ภายใต้โครงสร้างราคาแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามค่าไฟฟ้าฐานและค่า Ft ทำให้มีราคาขายไฟฟ้าที่ชัดเจน สามารถสร้างรายได้ให้กับสหโคเจนเพิ่มขึ้น 13-15% ของรายได้รวมทั้งหมดขององค์กรในปี 2564 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4,370 ล้านบาท

สำหรับ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) เป็นบริษัทจัดอันดับเครดิตที่มีประสบการณ์ในการจัดอันดับเครดิตมากกว่า 20 ปี และเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับในด้านความเป็นอิสระ และมีมาตรฐานความเป็นมืออาชีพในระดับสูง นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งในส่วนของจำนวนผู้ออกตราสารหนี้และนักลงทุน

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในเดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้มีการวางเป้าหมายให้สหโคเจน ดำเนินการในเชิงกลยุทธ์ มีหน้าที่หลักในการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายการเติบโตจากความสามารถในการเพิ่มกำลังการผลิต และติดตั้งตามสัดส่วนการลงทุนอีกเท่าตัวให้เป็น 400 MW ภายในปี 2570