พลพล พลกองเส็ง เจ้าของผลงานเพลงดังมากมาย ที่วันนี้จะมาเปิดเผยเส้นทางชีวิตนักดนตรีกว่า 22 ปี กว่าจะมาเป็นพลพลไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31 ที่มีหนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร พร้อมกับเผยว่ากว่าจะมาเป็นนักร้องดัง เคยเป็นทหารยศนายสิบมาก่อน แถมบอกว่าชีวิตนี้เคยลำบากถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ยังไม่พอเท่านั้นยังคิดเป็นโจรปล้นธนาคาร อีกทั้งเกือบไม่ได้เป็นนักร้อง เพราะบูลลี่ตัวเองไม่หล่อ ทั้งอ้วน ทั้งดำ แต่ตอนนี้พูดเลยว่าจะไม่มีวันหยุดร้องเพลงเด็ดขาด

อยู่ในวงการมา 22 ปี?
พลพล : ครับ เพลงฮิตเพลงแรกๆ ก็คือคนเดินถนน ขอให้โชคดี ห่วงใย แฟนจนๆ ยังยิ้มได้

ตอนที่ดังมากๆ ปีๆ นึงมีงานโชว์ตัวสำหรับร้องเพลงวันนึงกี่งาน?
พลพล : วันนึงจริงๆ รับได้เต็มที่ 2 โชว์ แต่ว่าในปีนึงประมาณร้อยกว่าโชว์ ซึ่งถือว่าเยอะมาก ถึงกับเส้นเสียงพังได้ แล้วเดินทางในเดือนนึงนี่กลับมาบ้านย 2-3 วันแล้วไปต่อเลย

สมัยก่อนพี่โดนบูลลี่บ้างไหม?
พลพล : มันมีช่วงนึง ที่พี่ปั๋งไปเจอครั้งแรก ผมบูลลี่ตัวเองเลยดีกว่า คือ 3 ครั้งที่พี่ปั๋งชวนมา ครั้ง 1-2 ปฏิเสธ ครั้งที่3 อ้อนวอน พี่ปั๋งบอกว่ามีของไปเทสให้พี่หน่อย ผมก็เลยบอกว่านักร้องตอนนี้ต้องหล่อ ต้องเพอร์เฟคท์มันไม่ใช่ผมเลย

พี่ปฏิเสธไปเพราะอะไร แค่คิดว่าตัวเองไม่หล่อหรอ?
พลพล : ด้วยตอนนั้นร้องเพลง ร้านอาหารที่เราร้องอยู่รายได้ก็พอเพียง ไม่ได้คิดถึงว่าจะต้องออกเทป

แต่พอตัดสินใจไปก็ได้ทำอัลบั้ม แต่ถูกดองเกือบ2 ปี?
พลพล : พอเทสเสียงเสร็จ พี่ปั๋งบอกว่าจะติดต่อกลับไป เราก็กลับบ้านไปเล่นดนตรีปกติ ประมาณไม่เกินอาทิตย์พี่ปั๋งก็โทรมาบอกว่าเอาบัตรประชาชนมาหาพี่ที่แกรมมี่หน่อย ก็เลยไป พอมาถึงปุ๊บก็เซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดในค่ายก่อน ตอนนั้นยังไม่ได้ทำ เพราะเราต้องมาทำคอร์สของเขาให้ครบก่อน แล้วผ่านไปเหมือนหาตัวเองไม่เจอ เราเป็นนักร้องกลางคืนมา เราร้องเพลงเหมือนคนนู่นที คนนี้ที  ร้องยังไงก็ไม่เจอตัวเอง

กว่าที่จะมาเป็นนักร้องที่ดังมากๆ เข้ากรุงเทพฯมามีเงินติดตัวมาแค่ 700 บาท?
พลพล : จริงครับ ตอนนั้นไปสอบครูพละ สอบผ่านแล้ว แต่ไม่มีเงินไปรายงานตัว ซึ่งมันต้องจ่ายค่าเทอม ค่าเรียนแล้ว ซึ่งมันไม่มี แต่เผอิญเพื่อนต่างโรงเรียนแล้วก็ครูจะมาสอบดุริยางค์ทหารบก เป็นอัตราแทนนายสิบ ถ้าสอบได้คือทำงานเลย รับราชการเลย มีเงินเดือนเลย มันก็ตรงทางที่เราอยากเป็น คือได้เป็นนักดนตรีด้วย ได้เงินด้วย เป็นข้าราชการด้วย ก็เลยตัดสินใจมาสอบกับเขา

แสดงว่าก่อนหน้านี้ฐานะทางครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย?

พลพล : อย่าบอกว่าไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีเงินเลย จนเลย

เห็นว่ามีอยู่นึงกินบะหมี่สำเร็จรูปแล้วร้องไห้กับครอบครัว?
พลพล : มันเป็นความอัดอั้นตันใจ เหมือนตอนเด็กมากกว่า ไม่ได้คิดว่าทำไมจนขนาดนี้ไม่ใช่ ไม่ได้คิดเลย แต่นึกถึงว่าทำไมต้องกินแบบนี้ทุกวัน ทำไมบ้านเราไม่ลืมตา อ้าปากเหมือนคนอื่นบ้าง

โตก็เลยอยากมีอาชีพเลี้ยงครอบครัว ก็เลยมาสอบครู แต่ไม่มีเงินสมัคร?
พลพล : ใช่ครับ ก็เลยตัดสินใจมาสอบดุริยางค์ คือเงินค่ารถ 210 บาทแล้ว ก็เหลือเงิน สี่ร้อยกว่าบาท ซึ่งกินข้าวก็เหลือไม่เท่าไหร่ก็เลยมาสอบ เขาก็บอกว่าผลสอบจะออก 2-3 เดือน เราก็มองหน้าเพื่อน กลับไปก็ไม่ได้ กลับไปก็ไม่มีเงินกลับมาแล้ว ก็เลยตัดสินใจไม่เป็นไรก็มานอนหัวชนกันที่หมอชิตก่อน รุ่งเช้าก็เข้าไปดูกองดุริยางค์ พอถึงบ่ายๆ เขาก็ซ้อมวอลเล่บอลกัน เราก็ดูเขา อีกฝั่งนึงเขาขาดอีก 2 คน เขาบอกว่าน้องทำอะไร มาเสริมพี่หน่อยก็เลยลงไปเล่นกับเขาโดยไม่คิดอะไร ด้วยความที่เราเป็นนักวอลเล่บอลโรงเรียนอยู่ เราก็เล่นได้ เขาก็หันมาถามว่าน้องมาทำอะไร เรามาสอบครับ เขาบอกว่าโอเค อาทิตย์หน้าพี่จะแข่งพี่จะแจ้งผู้การว่าเรามาทำงานเลย แล้วก็แข่งให้พี่ด้วย โชคดีมาก

แล้วพี่ได้บรรจุเป็นอะไร?
พลพล : พลอาสาสมัครแทนนายสิบ ก็คือเงินเดือนเท่ากันกับนายสิบแหละ แต่ไม่มีขีดเฉยๆ ตอนนั้นดีใจมากๆ

แล้วนานแค่ไหนกว่าจะมาเป็นพลพล?
พลพล : ตอนที่อยู่ดุริยางค์ทหารบกเนี่ย เราก็ทำงานอยู่ที่นั่น 5 ปี ก็ลาออก ใน 5 ปีทำอะไรเยอะมาก เพราะเงินเดือน 2350 บาทเอง ซึ่งมันก็ไม่พอ เราก็รับจ้างเข้าเวร ขับวินวันหยุด รับซักรีด ทุกอย่างที่ได้เงิน รับหมด แล้วนอนวันนึง 3 ชม.เอง

ที่พี่ต้องทำงาน เพราะมันมาจากพี่ก็มีหนี้สิน?
พลพล : ใช่ครับ ครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด พ่อไปกู้เงินมาสร้างบ้าน พอช่วงนั้นฟองสบู่แตกมันไม่มีเงินที่จะสร้างต่อ กู้แล้วดอกมันก็แพงขึ้นเรื่อยๆ   มันก็ทบกันไปเรื่อยๆ เราก็ส่งแค่ดอกไป ซึ่งอันนี้มันเป็นหนี้ครอบครัวทุกคนต่างช่วยกันรับผิดชอบ ก็ช่วยกันมา 5 ปีแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้น ต้องตัดสินใจลาออกเลย

พี่จะไปเป็นโจร?
พลพล : ครับผม จริงๆ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบในวันที่เราสับสน จะลาออกไปไหนดี จะฆ่าตัวตายดีไหม แต่ฆ่าตัวตายก็กลัวเจ็บ หายใจไม่ออก

ตอนนั้นเลือกวิธีไหนไหว?
พลพล : ก็คิดไว้ 2-3 อย่าง อย่างแรกก็คือโดดตึก เสียว สูงไป ก็เจ็บด้วย ถ้ากินยาก็ขม ไม่อร่อย

หนูว่าลึกๆ พี่ไม่ได้อยากตาย?
พลพล : แต่คิดว่าจะเอาตัวรอด คนเดียวตายไปก้ไม่ต้องมาเดือดร้อน ไม่ต้องอะไรแล้ว แล้วก็ในเรื่องของปล้นธนาคารก็เป็นอารมณ์ชั่ววูบเหมือนกัน เรื่องปล้นธนาคารคิดแบบเหมือนดูหนังเยอะ คืตอนนั้นคิดเริ่มแรกคือ ยืมปืนทหารก่อน แล้วไปปล้น แต่นั่งคิดไปคิดมา ยังไม่เห็นใครได้ใช้เงินจากการปล้นเลย อีกอย่างอาจจะโดนวิสามัญตายไปเปล่าๆ

ตอนนั้นมันตกไปขนาดไหนถึงขั้นคิดว่าจะฆ่าตัวตาย เป็นโจรดีกว่า?
พลพล : เงินเดือน 2350 บาทเนี่ย หักลบทุกอย่างเหลือ 700 เอง  แล้วเราต้องไปหาเพิ่มอีกตั้งหลายพัน เพื่อไปส่งดอก แล้วเราจะหาเงินที่ไหนกินเดือนหน้า ซึ่งมันไม่ชนเดือน แต่มันชนไปหลายปีแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้

แล้วจุดไหนที่ทำให้พี่ได้สติแล้วดึงตัวเองกลับมาลุกขึ้นสู้ต่อ?
พลพล : เพราะว่าจิตใต้สำนึกทุกคนไม่ได้อยากเป็นโจร ไม่อยากฆ่าตัวตาย แต่ด้วยความที่ทุกอย่างมันบีบคั้นมา อาจจะอารมณ์ชั่ววูบ นู่นนี่นั่น ไม่ได้รับกำลังใจ มันก็ทำให้รู้สึกว่า มันไปดีกว่า เผอิญพี่มีครอบครัวที่โทรหากัน คุยกัน พี่เขาบอกว่าใจเย็นๆ นู่นนี่นั่น ถ้าร้องไห้เมื่อไหร่เขาจะมาหาทันที พี่ชายกับพี่สาวเขาก็มา มันก็ได้คำปรึกษา ได้กำลังใจ เพราะฉะนั้นครอบครัวสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้

ไม่เคยคิดจะเข้าวงการ และวันนี้ไม่เคยคิดจะออกจากวงการ?
พลพล : คือไม่ได้คิดจะเข้าวงการ เพราะรายได้กำลังดี แล้วก็ตอนนี้ก็ไม่คิดจะออกจากวงการเพราะรายได้ดีเหมือนกัน

ที่บอกว่าเลิกอีกอย่างคืออะไร?
พลพล : เลือกกินเหล้า เพราะสมัยก่อนพี่กินเหล้าเยอะมาก วันละ 2 ขวด ทุกวัน กินจนแบบทำงานเหนื่อย งานเช้าไม่ต้องคุย ไม่ตื่น มันมีผลต่อเส้นเสียง ต่องาน

แล้วทำไมพี่หักดิบ?
พลพล : มีอยู่วันนึงที่รับปากผู้ใหญ่ เดี๋ยวผมไปเล่นกอล์ฟด้วยนะที่เขาใหญ่ นัด 8 โมง แต่ 8 โมงเพิ่งตื่น ก้บอกเขาตรงๆ เลยว่าเมื่อคืนหนักไปหน่อย แต่ก็ขับรถไปหาเขา วันนั้นรู้สึกผิดมาก เรื่องแค่นี้เรายังรับผิดชอบไม่ได้ แล้วงานคอนเสิร์ตที่เราไปรับเงินเขามาแล้วไปร้องไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจไม่กินเลย

เห็นว่าหนักสุดถึงขั้นร้องเพลงไม่ได้ พูดไม่ได้ด้วย?
พลพล : ใช่ คือต้องฉีดยาเกือบทุกวัน

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-1430 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง พลพล พลกองเส็ง
https://youtu.be/o9YR3LiG9Ig

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ