เต๊ะ ศตวรรษ ควงว่าที่ภรรยา แจ็คกี้ ประกาศงานวิวาห์ปลายปีนี้ อายุห่างกัน 11 ปีไม่ใช่ปัญหา เจอเม้าท์ท้องก่อนแต่ง?

เต๊ะ : กำลังเข้าสู่ประตูวิวาห์ในช่วงปลายปี 22 ตุลานี้

เต๊ะ : ขอบคุณพระเจ้าที่มีโอกาสได้เจอเค้าด้วย ผมเคยเจอเค้าเกือบ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมขึ้นไปที่เชียงรายไปทำธุรกิจ เราบินไป กรุ๊ปเราขึ้นสายการบินที่เค้าทำงานอยู่ ตอนนั้นเป็นเพื่อนผมที่ทักทาย แต่เราก็เห็นว่าแอร์คนนี้ทไมหน้าตาดีจังอยากจะถ่ายรูปด้วย เราก็มองๆเค้าเฉยๆ แต่จำชื่อเค้าได้ หลังจากนั้นผ่านไป 3 ปีกว่าก็มาได้เจออีกครั้งนึง ไปเปิดเจอในเฟสเพจหนึ่ง ดูรูปหน้าคุ้นจัง ไปไล่ดูก็คนเดียวกันหรือเปล่า แอดไปก็ทักดู หลังจากนั้นก็ได้คุยกันบ้าง

แจ็คกี้ : ลูกครึ่งนิวซีแลนด์ค่ะ

เต๊ะ : เริ่ม้ตนหลักความเชื่อ ความเชื่อเหมือนกันมันทำให้วิธีวางแผนดำเนินชีวิต หรือบทสนทนามันมีความใกล้เคียงกัน หลังจากทักเค้าไปเค้าก็คุยกับผมมากขึ้น มันกลายเป็นประตุแรกที่เปิดแล้วเราก็ได้คุยเรื่องส่วนตัว เรื่องชีวิตมากขึ้น

แจ็คกี้ : รู้สึกดีใจเหมือนได้เพื่อนคริสเตียนใหม่ เพราะเรายังเข้ามาได้ไม่นาน แค่ดีใจยังไม่ได้คิดอะไร คุยกันไปเร่อยๆมันเป็นความธรรมชาติมากกว่า แล้วรู้สึกมากขึ้น

แจ็คกี้ : เราเริ่มรู้ตัวว่าเรารู้สึกดีกับเค้า ก็รู้สึกสนใจในตัวพี่เต๊ะ มันก็คงจะดีถ้าเรามีเพื่อนไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ทุกวัน มีเพื่อนใช้ชีวิตแบบเดียวกัน มันเกิดขึ้นไม่รู้ตัวเลย

แจ็คกี้ : แจ็คกี้เจอผู้โดยสารในแต่ละวันเยอะมาก จำไม่ได้จริงๆ

แจ็คกี้ : ไม่เชิงจีบค่ะ เราจะถามเค้า

เต๊ะ : ผมว่าชอบด้วยกันทั้งคู่แหละ แต่แบบรักษาทรง จุดเริ่มต้นมันมาจากที่เราอยากจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

เต๊ะ : ผมยอมรับว่ามีส่วน แต่ราทำงานในวงการบันเทิง เจอคนสวย คนหล่อ คนเก่ง เยอะมาก แต่เราจะเจอคนที่มีมุมมองในการดำเนินชีวิตที่คล้ายกันไม่ใช่เรื่องง่าย ผมไม่คิดว่าจะมีคนที่คล้ายกับผมขนาดนี้ เราทั้ง 2 คนมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่เราไม่เอาตรงนี้มาเป็นข้ออ้างในการดำเนินชีวิตไม่ถูกต้อง

แจ็คกี้ : อย่างแรกคือรักพระเจ้าเหมือนกัน อันนี้เป็นข้อสำคัญที่แจ็คกี้อยากเปิดใจให้พี่เต๊ะด้วย เค้าเข้าใจในสิ่งที่เรารักก็จะดีมากถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ความหล่อก็ยอมรับว่ามีผลค่ะ

แจ็คกี้ : ตอนที่เริ่มรู้จักเค้าสัก 1-2 อาทิตย์แรกก็ไม่รู้ค่ะ แต่ว่าเริ่มเอะใจ ชื่อคุ้นๆลองเสิจใจกูเกิ้ล

เต๊ะ : อาจจะเป็นเพราะช่วงวัยด้วยครับ เค้าห่างกับผม 11 ปี เค้ารู้จักเราป่าววะ ผมเลยไม่แปลกใจที่เค้าจำผมไม่ได้ตอนแรก

เต๊ะ : มีการสูญเสียหลายๆอย่าง แต่บางอย่างมันทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น มีช่วงที่เค้าป่วยเราไม่มีโอกาสเจอเค้าเลย เราได้คุยกัน เค้าทั้งกลัวทั้งเหงา เรก็ไปหาที่โรงพยาบาลแต่เข้าไม่ได้ แต่ทางเตียงที่เค้านอนมันเห็นลานจอดรถ เราเห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามก็โบกมือไกลๆ วันต่อมาอยากอยู่เป็นเพื่อนเค้าก็เลยเอาหมอนมาเตรยมท้ายรถ เปิดม้ายรถแล้วก็นอนที่นั่นเป็นเพื่อนเค้าจนหลับไป

แจ็คกี้ : รู้สึกว่าเค้าน่ารักกับเรามากเลย

เต๊ะ : การแสดงออกในช่วงวิฟ๖ของเค้า ไม่ใช่ว่าผมทำให้เค้ามีความสุข แต่เมื่อผมทำผมก็มีความสุขเช่นกัน วิกฤตโควิดตอนนั้นหลายๆอย่างรอบตัวมันแย่หมด มันเป็นโมเมนต์เล็กๆที่ทำให้เค้ามีความสุขและผมก็มีความสุขด้วย เลยรู้สึกว่าแล้วทำไมผมจะไม่ทำมัน

แจ็คกี้ : ค่อนข้างน้อยค่ะ ไม่ค่อยทะเลาะกัน แจ็คกี้อาจจะมีวุฒิภาวะวัยเดียวกันพี่เต๊ะด้วย

แจ็คกี้ : มันมีคิดบ้างค่ะ แต่ว่ามันเป็นอาชีพเค้า ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นอุปสรรคหรือความรู้สึกที่เปลี่ยนไปต่อเค้า

เต๊ะ :  พอความสัมพันธ์มันพัฒนา เรามีโอกาสได้นั่งพูดคุย ชีวิตผมก็บู๊มาเยอะ ทั้งดีและไม่ดี มีความผิดพลาดในชีวิต ซึ่งพอได้เปิดใจเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่เราไม่ต้องมานั่งคาดเดาประสบการณ์ในอดีตของเราจะกลับมาทำร้ายเรามั้ย ผมเปิดอกทุกเรื่อง ห่างกัน 11 ปี ซึ่งในระยะเวลานี้ผมมีประสบการณ์บางอย่างมากกว่าเค้า ผมอยากให้เค้ารู้ 11 ปีที่ผมนำหน้าเค้าไปว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง แล้วเค้าก็ยอมรับความเป็นตัวผมได้

เต๊ะ : ไม่แน่ใจว่าผมเป็นคนที่ปรับตัวได้ง่ายด้วยหรือปล่าว ด้วยความที่เค้าเป็นผู้ใหญ่ในส่วนนึง

เต๊ะ : ผมบอกเลยว่าทุกคนมีเคมีไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่เราจะยอมมั้ยถ้าลดเคมีของเราลง เพิ่มเคมีของเค้าขึ้น มาตั้งอยู่ตรงกลาง

เต๊ะ : ใช่ครับ แพลนในการแต่งานเรา เราคุยกันช่วงเมษา ที่เราเริ่มพูดคุยกันเรื่องนี้ 7 เดือนดูเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่ 7 เดือนถูกจับมาอยู่กับคนอายุ 40 อย่างผม ก็จะดูว่าไม่ไวเกินไป สาระสำคัญของชีวิตคู่ไม่ใช่ว่าคุณคบกับใครกี่ปี แน่นอนว่าผมเคยมีชีวิตคู่มาก่อน มีช่วงที่ดี มีช่วงเวลาที่แย่ จนเวลาสั้นยาวไม่ได้ทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เลย ในวัยของผมมันทำให้ผมเรียนรู้ว่าผมผิดพลาดตรงไหนไม่น่ารักยังไง ผมเคยแต่งงานมาก่อนเป็นสามีที่ไม่น่ารักมาก่อน ผมได้เรียนรู้ ผมคิดว่าไม่นานและไม่สั้นเกินไปสำหรับผม

แจ็คกี้ : มองว่าไม่เร็วนะคะ เราคุยกับพี่เต๊ะทุกอย่างมันเป็นไปได้ด้วยดี วิถีชีวิตของเราคล้ายกัน แจ็คกี้มองว่าความคิดความอ่านก็อาจจะโตกว่านั้น เลยคิดว่าไม่ได้เร็วเกินไป คุณพ่อคุณแม่โอเคเพราะพี่เต๊ะน่ารักกับครอบครัวเราด้วย

แจ้คกี้ : ไม่มีเลยค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วมันคืออดีต เค้าก็คงไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น เค้าได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ซึ่งเป็นเราด้วย เรามองว่าไม่เห็นเป็นไรเลย

เต๊ะ : ยอมรับว่าการแต่งงานรอบ 2 ไม่ได้อยู่ในความคิดเหมือนกัน ผมมีความไม่น่ารักเยอะเหมือนกัน เคยเป็นผู้ป่วยซึมเศร้าด้วย พอเราผ่านมาได้ผมรู้สึกว่าชีวิตของเราแต่ละคนควรมีความสุข ระหว่างนั้นก็มีคนเข้ามา แต่การที่จะคบแล้วไปสู่การแต่งงานไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกแบบนี้ได้

แจ็คกี้ :  ไม่ได้ท้องค่ะ แค่อ้วนเฉยๆ

เต๊ะ : ให้เป็นธรรมชาติครับ ผมเชือว่าการแต่งงานเป็นประตูที่ถูกต้องแล้วในการมีลูกได้ ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิด

แจ็คกี้ : ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นเรื่องที่ดีหมดค่ะ

เต๊ะ : หลายท่านที่ทราบว่าเราเตรียมตัวเรื่องงานแต่ง มีคนมาซัพพอร์ตเยอะมากเลย

คลิปสัมภาษณ์ เต๊ะ และ แจ็คกี้